ตัวกรอง

เส้นทาง

ทัวร์เกียวโต

Lovely Smile Tour มีแพ็กเกจ ทัวร์เกียวโต หลากหลายแพ็กเกจให้เลือกหลายแบบ พักโรงแรมระดับ 3 ดาว มีทั้งบิน Full Service และ Low Cost โดยช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมไปมากที่สุด คือ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ในช่วงปลายเดือนตุลาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน หากสนใจจองแพ็กเกจไหน แอดไลน์หรือโทรสอบถามได้เลย

5 ที่เที่ยวทัวร์เกียวโต และการเตรียมตัวก่อนเดินทาง

หากใครที่กำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม เกียวโตเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นถือเป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดเลย ที่เกียวโตจะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม ศาลเจ้าโบราณ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และมีบรรยากาศที่เงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อน ทัวร์เกียวโตจึงเป็นอีกหนึ่งเมืองของญี่ปุ่นที่อยากให้ได้ลองมาเที่ยวกันดูสักครั้ง

1. ที่เที่ยวทัวร์เกียวโต

1.1. วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji)

วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "วัดทอง" เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเกียวโต จุดเด่นของวัดอยู่ที่อาคารหลักที่มีสีทองตั้งอยู่กลางน้ำสะท้อนกับสระน้ำเบื้องหน้าอย่างงดงาม ในอดีตที่วัดแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นที่พำนักของโชกุนอาชิกาก้า โยชิมิสุ (Ashikaga Yoshimitsu) และใช้ในการต้อนรับแขกที่มีความสำคัญ ก่อนจะถูกเปลี่ยนให้เป็นวัดนิกายเซนในภายหลัง นอกจากความสวยงามของสถาปัตยกรรมแล้ว บรรยากาศรอบวัดยังมีความเงียบสงบ เหมาะกับการเดินชมธรรมชาติและถ่ายรูปสุดๆ และด้วยความงดงามจึงกลายมาเป็นต้นแบบของวัดกินคะคุจิหรือวัดเงินที่ถูกสร้างโดยหลานชายของโชกุนในต่อมาอีกด้วย

5 ที่เที่ยวทัวร์เกียวโต
วัดคินคะคุจิ

1.2. วัดกินคะคุจิ (Ginkaku-ji)

วัดกินคะคุจิ (Ginkaku-ji) หรือที่เรียกกันว่า "วัดเงิน" เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางศาสนาในเกียวโตที่เต็มไปด้วยความงดงามแบบเรียบง่าย สร้างขึ้นในยุคเดียวกับวัดทอง โดยมีแนวคิดการออกแบบที่เน้นความสงบและความเรียบของนิกายเซน แม้อาคารจะไม่ได้เคลือบเงินตามชื่อ แต่บรรยากาศโดยรอบกลับชวนให้รู้สึกสงบ วัดแห่งนี้รายล้อมด้วยสวนหินและสวนมอสอันเป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับการมานั่งพักใจเป็นอย่างมาก

5 ที่เที่ยวทัวร์เกียวโต
วัดกินคะคุจิ

1.3. ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine)

ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine) เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกียวโต จุดเด่นจะอยู่ที่เสาโทริอิสีแดงสดนับพันต้นที่ตั้งเรียงรายเป็นทางเดินยาวขึ้นเขา ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์อันโด่งดังของที่นี่ ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพอินาริ เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์และการเก็บเกี่ยว บรรยากาศระหว่างทางเดินเงียบสงบและล้อมรอบด้วยธรรมชาติ เหมาะสำหรับทั้งการสักการะและการเดินชมวิวอย่างเพลิดเพลิน

5 ที่เที่ยวทัวร์เกียวโต
ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ

1.4. ป่าไผ่อาราชิยามะ (Arashiyama Bamboo Forest)

ป่าไผ่อาราชิยามะ (Arashiyama Bamboo Forest) เป็นหนึ่งในจุดเช็กอินยอดฮิตของเกียวโตที่ไม่ควรพลาด เป็นป่าไผ่ที่มีเส้นทางเดินท่ามกลางแนวไผ่สูงเสียดฟ้าที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ สร้างบรรยากาศเงียบสงบและร่มรื่นตลอดทาง เหมาะกับการเดินเล่น ถ่ายรูป และสัมผัสธรรมชาติอย่างผ่อนคลาย

5 ที่เที่ยวทัวร์เกียวโต
ป่าไผ่อาราชิยามะ

1.5. หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ (Ine)

หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ (Ine) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ริมทะเลในจังหวัดเกียวโตที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร โดดเด่นด้วยฟุนะยะหรือบ้านเรือนที่ชั้นล่างใช้เก็บเรือและชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัย เรียงรายอยู่ติดทะเลอย่างเป็นระเบียบ วิถีชีวิตที่เรียบง่ายและเงียบสงบของที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่อดีต บรรยากาศเหมาะกับการล่องเรือชมวิวหรือเดินเล่นชิลๆ ริมน้ำอย่างสบายใจ

หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ

2. การเตรียมตัวก่อนเดินทาง

การเตรียมตัวก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น จะแนะนำทั้งหมด 7 เรื่องหลักๆ ดังนี้

2.1. เช็คสภาพอากาศ

การเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้วางแผนการท่องเที่ยวได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้จัดเตรียมเสื้อผ้าต่างๆ ได้เหมาะสมกับสภาพอากาศอีกด้วย โดยเว็บไซต์ที่นิยมใช้กันนั่นก็คือ accuweather.com สามารถค้นหาเมืองที่ต้องการเช็คและเลือกช่วงเดือนได้เลย

2.2. การใช้เงิน

ที่ประเทศญี่ปุ่นรองรับการชำระเงินหายรูปแบบ โดยจะมีคำแนะนำทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้

2.2.1. บัตรเงินสด

ในปัจจุบันร้านค้าส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นยอมรับการชำระเงินแบบไร้เงินสดมากขึ้น สามารถใช้บัตรเงินสดในการชำระซื้อสินค้าต่างๆ ได้ การใช้บัตรเงินสดในญี่ปุ่นถือเป็นอีกทางเลือกที่สะดวกและปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ไม่อยากพกเงินสดเยอะๆ หรือกังวลเรื่องความปลอดภัย บัตรเงินสดก็ถือเป็นทางเลือกที่แนะนำเลย โดยบัตรเงินสดที่นิยมใช้งานกันก็คือ บัตร YouTrip ของธนาคารกสิกรไทย สามารถสมัครได้ผ่านทางแอปของธนาคาร ใช้เวลาในการรอรับบัตรประมาณ 7 วัน หากต้องการใช้งานเพียงแค่เติมเงินบาทเข้าในแอป ตอนใช้บัตรรูดซื้อของ ระบบก็จะแลกเงินเป็นเงินเยนให้อัตโนมัติโดยจะได้อัตราแลกเปลี่ยนในวันนั้นๆ และไม่เสียค่าธรรมเนียมแลกเงิน 2.5% อีกด้วย

บัตรเงินสด YouTrip
2.2.2. เงินสด

ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะมีการพัฒนาที่สามารถรับชำระได้ด้วยบัตรเงินสดแล้ว แต่ตามร้านค้าเล็กๆ บางร้าน วัด หรือศาลเจ้า ยังคงรับเฉพาะเงินสดอยู่ ดังนั้นการแลกเงินก็ยังคงจำเป็นอยู่เช่นกัน โดยประเทศญี่ปุ่นใช้เงินสกุลเยน 1 เยน มีค่าประมาณ 0.23 บาท อย่างไรก็ตามควรเช็คเรทอัตราแลกเปลี่ยนอีกครั้ง โดยจะแนะนำให้แลกที่ Superrich จะได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ถูกที่สุด แต่สำหรับใครที่ไม่สะดวกแลกเงินที่นี่ ก็สามารถแลกกับธนาคารได้เช่นกัน จะแนะนำให้แลกเงินสดติดตัวไปประมาณ 3,000 - 5,000 บาท

2.2.3. บัตรเครดิต

ตามห้างสรรพสินค้า โรงแรม และร้านค้าขนาดใหญ่ส่วนมากก็จะรับบัตรเครดิต บัตรเครดิตที่สามารถใช้ชำระเงินได้ ได้แก่ Visa, Mastercard, JCB แต่อย่างไรก็ตามควรที่จะตรวจเช็คสัญลักษณ์ก่อนใช้งานว่าร้านนั้นๆ รับบัตรเครดิตหรือไม่ และควรพกบัตรเผื่อไว้มากกว่าหนึ่งใบในกรณีที่ระบบมีปัญหา

2.3. การเล่นอินเทอร์เน็ต

อินเทอร์เน็ตเป็นลิ่งที่จำเป็นอย่างมากในปัจจุบัน โดยเมื่อเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นจะแนะนำการเล่นอินเทอร์เน็ตทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่

2.3.1. สมัครแพ็กเกจโรมมิ่ง

การเปิดโรมมิ่งเล่นเน็ตเมื่อเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับคนที่ต้องการใช้อินเทอร์เน็ตทันทีที่ถึง โดยไม่ต้องเปลี่ยนซิมหรือหาจุด Wi-Fi สาธารณะ โดยสามารถสมัครผ่านแอปเครือข่ายที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันได้เลย หรือจะติดต่อที่เคาน์เตอร์เครือข่ายที่ใช้บริการได้เช่นกัน เจ้าหน้าที่จะช่วยสมัครแพ็กเกจโรมมิ่งและกำหนดช่วงวันที่เริ่มใช้งานให้ โดยการสมัครแพ็กเกจโรมมิ่งจะมีข้อดีและข้อเสีย ดังนี้

ข้อดี- ไม่ต้องเปลี่ยนซิมใหม่ให้ยุ่งยาก
- สามารถใช้เบอร์เดิมในการโทรเข้าและโทรออก หรือเล่นอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเบอร์
ข้อเสีย- หากมีการรับสายหรือโทรออก อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากแพ็กเกจที่สมัครใช้งาน
2.3.2. ซิมเล่นอินเทอร์เน็ต

อีกหนึ่งวิธีการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ประเทศญี่ปุ่นนั่นก็คือ การซื้อซิมเล่นอินเทอร์เน็ตต่างประเทศ โดยวิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่เกิดปัญหาการรับสายที่โทรมาจากประเทศไทย หรือกลัวค่าโทรศัพท์ที่มีเพิ่มเติม การซื้อซิมเล่นอินเทอร์เน็ตถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการใช้งานที่อยากแนะนำเลย โดยจะแนะนำเป็นซิม Sim2Fly ของ AIS สามารถติดต่อกับศูนย์บริการสาขาใกล้บ้านได้เลย ทางเจ้าหน้าที่จะช่วยลงทะเบียนซิมและเปิดใช้งานซิมในช่วงวันที่เดินทางให้

ข้อดี- สามารถเลือกใช้แพ็กเกจได้ตามความต้องการ และมีหลายราคาให้เลือก
- สามารถใช้งานได้ทุกประเทศ
ข้อเสีย- จะต้องมีการเปลี่ยนซิมใหม่ จึงควรระมัดระวังในการเก็บซิมที่เปลี่ยน เพราะอาจมีการสูญหายได้
- เบอร์ที่ใช้จะเป็นเบอร์ใหม่ตามซิมที่เปลี่ยน

2.4. ปลั๊กไฟ

ที่ญี่ปุ่นจะใช้ปลั๊กไฟแบบขาแบนสองขา 110 โวลต์ ซึ่งแรงดันไฟต่ำกว่าประเทศไทย และตามโรงแรมก็จะมีการทำปลั๊กไฟให้มีช่อง USB ที่สามารถเสียบชาร์จไฟได้ด้วย หากมีอุปกรณ์ที่เป็นปลั๊กกลมหรือแบบอื่นๆ จะแนะนำให้เตรียมหัวแปลงปลั๊ก Universal Adaptor ไปเผื่อด้วย โดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า หรือที่ร้าน MR.DIY ก็มีขายเช่นกัน

ปลั๊ก Universal Adaptor

2.5. เอกสารที่ใช้ในการเดินทาง

เอกสารที่ใช้ในการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นจะใช้เพียงพาสปอร์ตที่มีอายุคงเหลือ 6 เดือนขึ้นไปนับจากวันเดินทางกลับ ไม่ต้องลงทะเบียน Visit Japan ให้ยุ่งยากแล้ว และจะมีเอกสารเพิ่มเติมเป็นใบตม.และใบศุลกากร หากเดินทางด้วยตนเองสามารถขอได้จากเจ้าหน้าที่สายการบินหรือกรอกข้อมูลที่บริเวณหน้าตม.ได้เลย แต่สำหรับใครที่เดินทางกับบริษัททัวร์ ทางบริษัททัวร์จะเป็นผู้เตรียมเอกสารและกรอกข้อมูลให้ ลูกค้าสามารถเซ็นลายเซ็นที่ตรงตามหน้าพาสปอร์ตได้เลย สะดวกสุดๆ

2.6. การสื่อสาร

เมื่อเดินทางไปยังต่างประเทศ สิ่งที่มีความจำเป็นอีกเรื่องนั่นก็คือการสื่อสาร เพราะว่าในแต่ละประเทศก็จะมีภาษาที่ใช้ในการสื่อสารที่แตกต่างกันไป และคนญี่ปุ่นจะสื่อสารกันด้วยภาษาญี่ปุ่น ไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกันมากนัก นอกจากนี้ตามป้ายต่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาษาญี่ปุ่น ดังนั้นแอปแปลภาษาจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยจะแนะนำเป็นแอป Google Translate เลย ใช้งานสะดวกและรวดเร็ว สามารถถ่ายรูปป้ายต่างๆ หรือสิ่งของต่างๆ เพื่อแปลเป็นภาษาไทยได้ หรือจะใช้แปลจากภาษาไทยเป็นภาษาญี่ปุ่น เพื่อใช้ในการสื่อสารกับร้านอาหาร ร้านค้า หรือคนญี่ปุ่นได้เลย

2.7. แอปดูเส้นทาง

ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยวญี่ปุ่นกับบริษัททัวร์หรือเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเอง แอปที่ใช้ดูเส้นทางก็เป็นอีกสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเช่นกัน โดยสามารถใช้งานแอป Google Map เพื่อดูเส้นทางในญี่ปุ่นได้เลย จะมีรายละเอียดต่างๆ ระบุไว้อย่างชัดเจน ทั้งระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปยังอีกสถานที่ในแต่ละยานพาหนะ ระยะห่างของแต่ละสถานที่ ไปจนถึงสถานีรถไฟอยู่ทางไหนของพื้นที่ใกล้เคียง จึงเป็นอีกแอปที่ควรโหลดติดเครื่องไว้เมื่อไปเที่ยวต่างประเทศเลย

สรุป

เกียวโตเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย มีบรรยากาศที่เงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังเหมาะสมกับทุกเพศและทุกวัยอีกด้วย ใครที่มีโอกาสได้เดินทางมาเที่ยวที่เกียวโตรับรองว่าจะต้องได้รับความประทับใจกลับไปอย่างแน่นอน หากสนใจสอบถามโปรแกรมทัวร์เกียวโตเพิ่มเติมสามารถแอดไลน์ LINE ID : @lovelysmiletour ได้เลย