ตัวกรอง

เส้นทาง

ทัวร์คุมาโมโตะ

Lovely Smile Tour มีแพ็กเกจ ทัวร์คุมาโมโตะ หลากหลายแพ็กเกจให้เลือกหลายแบบ พักโรงแรมระดับ 3 ดาว มีทั้งบิน Full Service และ Low Cost โดยช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมไปมากที่สุด คือ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ในช่วงปลายเดือนตุลาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน หากสนใจจองแพ็กเกจไหน แอดไลน์หรือโทรสอบถามได้เลย

5 ที่เที่ยวทัวร์คุมาโมโตะ และการเตรียมตัวก่อนเดินทาง

คุมาโมโตะ (Kumamoto) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคคิวชูของประเทศญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติ เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสเสน่ห์ของญี่ปุ่นในมุมที่เงียบสงบ ทั้งชมปราสาทเก่าแก่ ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ชมสวนสวย และยังได้สัมผัสความน่ารักของ “คุมะมง” มาสคอตประจำจังหวัดอีกด้วย ทัวร์คุมาโมโตะจึงเป็นอีกเมืองท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นที่อยากแนะนำให้มาเที่ยวกันให้ได้สักครั้งเลย

1. ที่เที่ยวทัวร์คุมาโมโตะ

1.1. ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle)

ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) เป็นหนึ่งในสามปราสาทที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่น มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 980,000 ตารางเมตร ด้วยสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่และมีอายุที่ยาวนานกว่า 400 ปี ถึงแม้ว่าจะได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวในปี 2016 แต่ก็ได้รับการบูรณะอย่างดี จนทำให้ตัวปราสาทกลับมาสวยงามดังเดิม

จุดเด่นสำคัญ คือ หอคอยหลัก (Tenshukaku) ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นชมวิวเมืองจากมุมสูง พร้อมนิทรรศการภายในที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเหล่าซามูไรในยุคก่อน และประวัติศาสตร์ในยุคศึกสงคราม บรรยากาศโดยรอบปราสาทจะโอบล้อมไปด้วยต้นซากุระและสวนสวยๆ เหมาะสำหรับการเดินเล่น ถ่ายภาพเป็นอย่างมาก ใครที่ชื่นชอบสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และชอบชมธรรมชาติสวย แนะนำว่าไม่ควรพลาดเลย

5 ที่เที่ยวทัวร์คุมาโมโตะ
ปราสาทคุมาโมโตะ

1.2. ศาลเจ้าคุมาโมโตะอินาริ (Kumamoto Inari Shrine)

ศาลเจ้าคุมาโมโตะอินาริ (Kumamoto Inari Shrine) เป็นศาลเจ้าชินโตที่ตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทคุมาโมโตะ โดดเด่นด้วยเสาโทริอิสีแดงเรียงรายกันหลายซุ้ม คล้ายกับศาลเจ้าฟุชิมิอินาริในเกียวโต มีบรรยากาศที่เงียบสงบและงดงาม เหมาะสำหรับการเดินชมและถ่ายภาพ โดยศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อสักการะเทพอินาริ ซึ่งเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ การเกษตร และการค้า มีสุนัขจิ้งจอก (คิตสึเนะ) เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ประจำศาล ทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมจากผู้คนที่มาขอพรเรื่องโชคลาภ การงาน และการเรียน โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่และเทศกาลต่างๆ ที่ศาลเจ้าจะมีบรรยากาศคึกคักเป็นพิเศษ

ศาลเจ้าคุมาโมโตะอินาริ Credit : kumamoto-guide.jp

1.3. สวนซุยเซนจิ (Suizenji Jojuen Garden)

สวนซุยเซนจิ (Suizenji Jojuen Garden) เป็นสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของปราสาทคุมาโมโตะ เที่มีความเก่าแก่แห่งหนึ่งในเมืองคุมาโมโตะ เริ่มสร้างในยุคเอโดะปี 1632 – 1636 โดยตระกูลฮิโซะกะวะ มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยภูมิทัศน์จำลองเส้นทางสายโทไคโด ซึ่งเป็นเส้นทางโบราณที่เชื่อมระหว่างเกียวโตและเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) ไฮไลต์สำคัญของสวนคือเนินเขาจำลองภูเขาไฟฟูจิ สระน้ำใสกลางสวน และศาลเจ้าภายในที่ให้บรรยากาศสงบและงดงาม เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเดินเล่นพักผ่อน ชมธรรมชาติ และถ่ายรูปสวยๆ ท่ามกลางบรรยากาศแบบญี่ปุ่นโบราณเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีโรงน้ำชาที่สามารถสัมผัสประสบการณ์ชงชาแบบดั้งเดิมได้อีกด้วย

สวนซุยเซนจิ Credit : kumamoto-guide.jp

1.4. ย่านชิโมโทริ (Shimotori Shopping Arcade)

ย่านชิโมโทริ (Shimotori Shopping Arcade) เป็นย่านช้อปปิ้งยอดนิยมที่ตั้งอยู่ในที่ร่มใจกลางเมืองคุมาโมโตะที่แบ่งออกเป็นถนน 3 เส้นทางหลัก ได้แก่ ถนนมิโทริ (Mitori-dori), ถนนซึโมโทริ (Tsumotori-dori) และ ถนนชินชิเงไก (Shinshigai-dori) มีหลังคาโค้งปิดคลุมตลอดแนว สามารถเดินเล่นได้อย่างสบายใจไม่ต้องกังวลเรื่องแดดหรือฝน และถนนแต่ละเส้นก็จะเชื่อมถึงกัน สามารถเดินเลือกซื้อของได้อย่างสะดวก ตลอดข้างทางก็จะเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้า ร้านอาหารคาวหวาน ร้านคาเฟ่ และร้านขายของฝากมากมาย ทั้งแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ญี่ปุ่นชื่อดัง บรรยากาศในย่านนี้คึกคักตลอดวัน เหมาะสำหรับทั้งสายช้อป สายกิน และสายเดินเล่น โดยเฉพาะช่วงเย็นที่ร้านอาหารจะเริ่มคึกคัก ใครอยากลองทานอาหารท้องถิ่นของคุมาโมโตะ เช่น หมูคุมาโมโตะ, ราเม็ง หรือซาชิมิเนื้อม้า (Basashi) ก็สามารถมาลองทานกันได้ที่ย่านนี้เลย

ย่านชิโมโทริ Credit : kumamoto-guide.jp

1.5. คุมะมง สแควร์ (Kumamon Square)

คุมะมง สแควร์ (Kumamon Square) เป็นศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวและแหล่งรวมกิจกรรมของ “คุมะมง” มาสคอตชื่อดังประจำจังหวัดคุมาโมโตะ ตั้งอยู่ในตัวเมืองคุมาโมโตะ ภายในมีร้านขายของที่ระลึก คาเฟ่ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับคุมะมง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเขียน เครื่องครัว ขนมหวาน ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมีหลายชิ้นที่ขายเฉพาะในร้านค้านี้เท่านั้น และนอกจากนี้ก็จะยังมีเวทีสำหรับการแสดงโชว์ของคุมะมงให้ได้ชมกันอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยและไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาที่ทัวร์คุมาโมโตะเลย

คุมะมง สแควร์ Credit : kumamoto-guide.jp

2. การเตรียมตัวก่อนเดินทาง

การเตรียมตัวก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น จะแนะนำทั้งหมด 7 เรื่องหลักๆ ดังนี้

2.1. เช็คสภาพอากาศ

การเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้วางแผนการท่องเที่ยวได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้จัดเตรียมเสื้อผ้าต่างๆ ได้เหมาะสมกับสภาพอากาศอีกด้วย โดยเว็บไซต์ที่นิยมใช้กันนั่นก็คือ accuweather.com สามารถค้นหาเมืองที่ต้องการเช็คและเลือกช่วงเดือนได้เลย

2.2. การใช้เงิน

ที่ประเทศญี่ปุ่นรองรับการชำระเงินหายรูปแบบ โดยจะมีคำแนะนำทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้

2.2.1. บัตรเงินสด

ในปัจจุบันร้านค้าส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นยอมรับการชำระเงินแบบไร้เงินสดมากขึ้น สามารถใช้บัตรเงินสดในการชำระซื้อสินค้าต่างๆ ได้ การใช้บัตรเงินสดในญี่ปุ่นถือเป็นอีกทางเลือกที่สะดวกและปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ไม่อยากพกเงินสดเยอะๆ หรือกังวลเรื่องความปลอดภัย บัตรเงินสดก็ถือเป็นทางเลือกที่แนะนำเลย โดยบัตรเงินสดที่นิยมใช้งานกันก็คือ บัตร YouTrip ของธนาคารกสิกรไทย สามารถสมัครได้ผ่านทางแอปของธนาคาร ใช้เวลาในการรอรับบัตรประมาณ 7 วัน หากต้องการใช้งานเพียงแค่เติมเงินบาทเข้าในแอป ตอนใช้บัตรรูดซื้อของ ระบบก็จะแลกเงินเป็นเงินเยนให้อัตโนมัติโดยจะได้อัตราแลกเปลี่ยนในวันนั้นๆ และไม่เสียค่าธรรมเนียมแลกเงิน 2.5% อีกด้วย

บัตรเงินสด YouTrip
2.2.2. เงินสด

ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะมีการพัฒนาที่สามารถรับชำระได้ด้วยบัตรเงินสดแล้ว แต่ตามร้านค้าเล็กๆ บางร้าน วัด หรือศาลเจ้า ยังคงรับเฉพาะเงินสดอยู่ ดังนั้นการแลกเงินก็ยังคงจำเป็นอยู่เช่นกัน โดยประเทศญี่ปุ่นใช้เงินสกุลเยน 1 เยน มีค่าประมาณ 0.23 บาท อย่างไรก็ตามควรเช็คเรทอัตราแลกเปลี่ยนอีกครั้ง โดยจะแนะนำให้แลกที่ Superrich จะได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ถูกที่สุด แต่สำหรับใครที่ไม่สะดวกแลกเงินที่นี่ ก็สามารถแลกกับธนาคารได้เช่นกัน จะแนะนำให้แลกเงินสดติดตัวไปประมาณ 3,000 - 5,000 บาท

2.2.3. บัตรเครดิต

ตามห้างสรรพสินค้า โรงแรม และร้านค้าขนาดใหญ่ส่วนมากก็จะรับบัตรเครดิต บัตรเครดิตที่สามารถใช้ชำระเงินได้ ได้แก่ Visa, Mastercard, JCB แต่อย่างไรก็ตามควรที่จะตรวจเช็คสัญลักษณ์ก่อนใช้งานว่าร้านนั้นๆ รับบัตรเครดิตหรือไม่ และควรพกบัตรเผื่อไว้มากกว่าหนึ่งใบในกรณีที่ระบบมีปัญหา

2.3. การเล่นอินเทอร์เน็ต

อินเทอร์เน็ตเป็นลิ่งที่จำเป็นอย่างมากในปัจจุบัน โดยเมื่อเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นจะแนะนำการเล่นอินเทอร์เน็ตทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่

2.3.1. สมัครแพ็กเกจโรมมิ่ง

การเปิดโรมมิ่งเล่นเน็ตเมื่อเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับคนที่ต้องการใช้อินเทอร์เน็ตทันทีที่ถึง โดยไม่ต้องเปลี่ยนซิมหรือหาจุด Wi-Fi สาธารณะ โดยสามารถสมัครผ่านแอปเครือข่ายที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันได้เลย หรือจะติดต่อที่เคาน์เตอร์เครือข่ายที่ใช้บริการได้เช่นกัน เจ้าหน้าที่จะช่วยสมัครแพ็กเกจโรมมิ่งและกำหนดช่วงวันที่เริ่มใช้งานให้ โดยการสมัครแพ็กเกจโรมมิ่งจะมีข้อดีและข้อเสีย ดังนี้

ข้อดี- ไม่ต้องเปลี่ยนซิมใหม่ให้ยุ่งยาก
- สามารถใช้เบอร์เดิมในการโทรเข้าและโทรออก หรือเล่นอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเบอร์
ข้อเสีย- หากมีการรับสายหรือโทรออก อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากแพ็กเกจที่สมัครใช้งาน
2.3.2. ซิมเล่นอินเทอร์เน็ต

อีกหนึ่งวิธีการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ประเทศญี่ปุ่นนั่นก็คือ การซื้อซิมเล่นอินเทอร์เน็ตต่างประเทศ โดยวิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่เกิดปัญหาการรับสายที่โทรมาจากประเทศไทย หรือกลัวค่าโทรศัพท์ที่มีเพิ่มเติม การซื้อซิมเล่นอินเทอร์เน็ตถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการใช้งานที่อยากแนะนำเลย โดยจะแนะนำเป็นซิม Sim2Fly ของ AIS สามารถติดต่อกับศูนย์บริการสาขาใกล้บ้านได้เลย ทางเจ้าหน้าที่จะช่วยลงทะเบียนซิมและเปิดใช้งานซิมในช่วงวันที่เดินทางให้

ข้อดี- สามารถเลือกใช้แพ็กเกจได้ตามความต้องการ และมีหลายราคาให้เลือก
- สามารถใช้งานได้ทุกประเทศ
ข้อเสีย- จะต้องมีการเปลี่ยนซิมใหม่ จึงควรระมัดระวังในการเก็บซิมที่เปลี่ยน เพราะอาจมีการสูญหายได้
- เบอร์ที่ใช้จะเป็นเบอร์ใหม่ตามซิมที่เปลี่ยน

2.4. ปลั๊กไฟ

ที่ญี่ปุ่นจะใช้ปลั๊กไฟแบบขาแบนสองขา 110 โวลต์ ซึ่งแรงดันไฟต่ำกว่าประเทศไทย และตามโรงแรมก็จะมีการทำปลั๊กไฟให้มีช่อง USB ที่สามารถเสียบชาร์จไฟได้ด้วย หากมีอุปกรณ์ที่เป็นปลั๊กกลมหรือแบบอื่นๆ จะแนะนำให้เตรียมหัวแปลงปลั๊ก Universal Adaptor ไปเผื่อด้วย โดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า หรือที่ร้าน MR.DIY ก็มีขายเช่นกัน

ปลั๊ก Universal Adaptor

2.5. เอกสารที่ใช้ในการเดินทาง

เอกสารที่ใช้ในการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นจะใช้เพียงพาสปอร์ตที่มีอายุคงเหลือ 6 เดือนขึ้นไปนับจากวันเดินทางกลับ ไม่ต้องลงทะเบียน Visit Japan ให้ยุ่งยากแล้ว และจะมีเอกสารเพิ่มเติมเป็นใบตม.และใบศุลกากร หากเดินทางด้วยตนเองสามารถขอได้จากเจ้าหน้าที่สายการบินหรือกรอกข้อมูลที่บริเวณหน้าตม.ได้เลย แต่สำหรับใครที่เดินทางกับบริษัททัวร์ ทางบริษัททัวร์จะเป็นผู้เตรียมเอกสารและกรอกข้อมูลให้ ลูกค้าสามารถเซ็นลายเซ็นที่ตรงตามหน้าพาสปอร์ตได้เลย สะดวกสุดๆ

2.6. การสื่อสาร

เมื่อเดินทางไปยังต่างประเทศ สิ่งที่มีความจำเป็นอีกเรื่องนั่นก็คือการสื่อสาร เพราะว่าในแต่ละประเทศก็จะมีภาษาที่ใช้ในการสื่อสารที่แตกต่างกันไป และคนญี่ปุ่นจะสื่อสารกันด้วยภาษาญี่ปุ่น ไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกันมากนัก นอกจากนี้ตามป้ายต่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาษาญี่ปุ่น ดังนั้นแอปแปลภาษาจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยจะแนะนำเป็นแอป Google Translate เลย ใช้งานสะดวกและรวดเร็ว สามารถถ่ายรูปป้ายต่างๆ หรือสิ่งของต่างๆ เพื่อแปลเป็นภาษาไทยได้ หรือจะใช้แปลจากภาษาไทยเป็นภาษาญี่ปุ่น เพื่อใช้ในการสื่อสารกับร้านอาหาร ร้านค้า หรือคนญี่ปุ่นได้เลย

2.7. แอปดูเส้นทาง

ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยวญี่ปุ่นกับบริษัททัวร์หรือเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเอง แอปที่ใช้ดูเส้นทางก็เป็นอีกสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเช่นกัน โดยสามารถใช้งานแอป Google Map เพื่อดูเส้นทางในญี่ปุ่นได้เลย จะมีรายละเอียดต่างๆ ระบุไว้อย่างชัดเจน ทั้งระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปยังอีกสถานที่ในแต่ละยานพาหนะ ระยะห่างของแต่ละสถานที่ ไปจนถึงสถานีรถไฟอยู่ทางไหนของพื้นที่ใกล้เคียง จึงเป็นอีกแอปที่ควรโหลดติดเครื่องไว้เมื่อไปเที่ยวต่างประเทศเลย

สรุป

คุมาโมโตะ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ผสมผสานทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นปราสาทเก่าแก่ ศาลเจ้า สวนสวยๆ และแหล่งช้อปปิ้ง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อน เที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสงบและต้องการสัมผัสเสน่ห์ของญี่ปุ่นแท้ๆ หากสนใจสอบถามโปรแกรมทัวร์คุมาโมโตะพิ่มเติม สามารถแอดไลน์ LINE ID : @lovelysmiletour ได้เลย