ตัวกรอง

เส้นทาง

ทัวร์โอตารุ

Lovely Smile Tour มีแพ็กเกจ ทัวร์โอตารุ หลากหลายแพ็กเกจให้เลือกหลายแบบ พักโรงแรมระดับ 3 ดาว มีทั้งบิน Full Service และ Low Cost โดยช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมไปมากที่สุด คือ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ในช่วงปลายเดือนตุลาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน หากสนใจจองแพ็กเกจไหน แอดไลน์หรือโทรสอบถามได้เลย

5 ที่เที่ยวทัวร์โอตารุ และการเตรียมตัวก่อนเดินทาง

โอตารุตั้งอยู่ริมทะเลทางตะวันตกของฮอกไกโด เป็นเมืองท่าเล็กๆ โดดเด่นด้วยคลองเก่า อาคารสไตล์ยุโรป ถนนช้อปปิ้งเก่าแก่ บรรยากาศโรแมนติก มีอาคารเก่าแก่มากมาย จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ในบทความนี้จะมาแนะะนำ 5 ที่้เที่ยวทัวร์โอตารุที่อยากให้ได้มาเที่ยวกันสักครั้ง ไปเริ่มอ่านกันได้เลย

1. แนะนำ 5 ที่เที่ยวทัวร์โอตารุ

1.1. คลองโอตารุ (Otaru Canal)

คลองโอตารุ (Otaru Canel) เป็นคลองที่ตั้งอยู่ที่ในเมืองโอตารุ เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมืองโอตารุในฮอกไกโด คลองมีความยาว 1,140 เมตร โดดเด่นด้วยบรรยากาศโรแมนติกและกลิ่นอายย้อนยุค ริมคลองเรียงรายไปด้วยโกดังเก่าแบบยุโรปที่ถูกดัดแปลงให้เป็นร้านค้า คาเฟ่ และพิพิธภัณฑ์ ทำให้ที่นี่เหมาะกับการเดินเล่น ถ่ายภาพ และชมแสงไฟยามค่ำคืน โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่บริเวณคลองจะเต็มไปด้วยหิมะสีขาวและแสงจากเทศกาลประดับไฟ Otaru Snow Light Path จึงกลายเป็นภาพที่งดงามเป็นอย่างมาก

5 ที่เที่ยวทัวร์โอตารุ
คลองโอตารุ

1.2. ถนนซาไกมาจิ (Sakaimachi Street)

ถนนซาไกมาจิ (Sakaimachi Street) เป็นถนนช้อปปิ้งสายกเก่าแก่ยอดนิยมในเมืองโอตารุ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากคลองโอตารุ ถนนสายนี้มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร สองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารสไตล์ยุโรปที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ซึ่งในอดีตเคยเป็นร้านค้าหรือโกดังในยุคที่โอตารุเป็นเมืองท่าสำคัญ แต่ในปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขนม ร้านยา ร้านขายของฝากต่างๆ มากมาย

ถนนซาไกมาจิ ฮอกไกโด
ถนนซาไกมาจิ

1.3. พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum)

พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum) ตั้งอยู่ที่ถนนซาไกมาจิในอาคารประวัติศาสตร์ริมคลองโอตารุ เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ตัวอาคารถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1912 เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตกเป็นอาคารอิฐสีแดง และภายในสร้างด้วยไม้ ในอาคารหลักจะมีทั้งหมด 3 ชั้น มีกล่องดนตรีประมาณ 25,000–38,000 ชิ้น หรือประมาณ 3,400 – 3,200 แบบให้ได้ชมกันอย่างจุใจ นอกจากนี้ก็ยังมีโซนจำหน่ายกล่องดนตรีและของที่ระลึกให้ได้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากกันด้วย

อีกหนึ่งไฮไลต์ของพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุนั่นก็คือ หอนาฬิกาไอน้ำ (Otaru Clock Tower) มีลักษณะเป็นนาฬิกาสไตล์อังกฤษ สร้างด้วยทองสำริดสูง 5.5 เมตรและหนัก 1.5 ตัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่เหลิอเพียง 2 เรือนสุดท้ายบนโลก โดยนาฬิกานี้จะพ่นไอน้ำออกมาและมีเสียงดนตรีดังทุกๆ 15 นาที ใครที่มีโอกาสได้มาที่พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุแล้ว ก็อย่าลืมแวะมาถ่ายรูปเช็คอินกันที่หอนาฬิกากัน

พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ

1.4. ภูเขาเทนงุ (Mount Tengu)

ภูเขาเทนงุ (Mount Tengu) เป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะเปิดเป็นลานสกีขนาดเล็ก มีกระเช้าไฟฟ้า (Tenguyama Ropeway) พานักท่องเที่ยวขึ้นสู่ยอดเขา จากจุดชมวิวด้านบนสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองโอตารุ ทะเล และภูเขาโดยรอบได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะยามค่ำคืนที่มีแสงไฟระยิบระยับงดงามจนติดอันดับวิวกลางคืนยอดเยี่ยมของฮอกไกโด นอกจากนี้บนยอดเขายังมี ศาลเจ้าเทนงุ รูปปั้นเทนงุ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานญี่ปุ่นที่มีลักษณะคล้ายนกที่มีจมูกยาว และพิพิธภัณฑ์หน้ากากเทนงุ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ได้ลองทำด้วย เช่น กระดานเลื่อนและจุดถ่ายภาพท่ามกลางธรรมชาติ เหมาะทั้งกับสายชมวิวและผู้ที่ต้องการสัมผัสอากาศบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก

5 ที่เที่ยวทัวร์โอตารุ
ภูเขาเทนงุ Credit : authent.co.jp

1.5. ตลาดปลาซังคาคุ (Sankaku Market)

ตลาดปลาซังคาคุ (Sankaku Market) เป็นตลาดปลาขนาดเล็กชื่อดังในเมืองโอตารุ แต่ก็ยังคงได้รับความนิยมจากคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวมากมายที่มาเที่ยวที่โอตารุ ภายในตลาดจะมีอาหารทะเลสดๆ ให้เลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปลา ที่มีความสดใหม่ รสชาติดี และที่สำคัญราคาไม่แพงด้วย ใครที่มีโอกาสได้มาเที่ยวที่เมืองโตารุก็อย่าลืมลองแวะมาทานอาหารทะเลสดๆ ที่ตลาดแห่งนี้กันได้

5 ที่เที่ยวทัวร์โอตารุ
ตลาดปลาซังคาคุ Credit : visit-hokkaido.jp

2. การเตรียมตัวก่อนเดินทาง

การเตรียมตัวก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น จะแนะนำทั้งหมด 7 เรื่องหลักๆ ดังนี้

2.1. เช็คสภาพอากาศ

การเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้วางแผนการท่องเที่ยวได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้จัดเตรียมเสื้อผ้าต่างๆ ได้เหมาะสมกับสภาพอากาศอีกด้วย โดยเว็บไซต์ที่นิยมใช้กันนั่นก็คือ accuweather.com สามารถค้นหาเมืองที่ต้องการเช็คและเลือกช่วงเดือนได้เลย

2.2. การใช้เงิน

ที่ประเทศญี่ปุ่นรองรับการชำระเงินหายรูปแบบ โดยจะมีคำแนะนำทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้

2.2.1. บัตรเงินสด

ในปัจจุบันร้านค้าส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นยอมรับการชำระเงินแบบไร้เงินสดมากขึ้น สามารถใช้บัตรเงินสดในการชำระซื้อสินค้าต่างๆ ได้ การใช้บัตรเงินสดในญี่ปุ่นถือเป็นอีกทางเลือกที่สะดวกและปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ไม่อยากพกเงินสดเยอะๆ หรือกังวลเรื่องความปลอดภัย บัตรเงินสดก็ถือเป็นทางเลือกที่แนะนำเลย โดยบัตรเงินสดที่นิยมใช้งานกันก็คือ บัตร YouTrip ของธนาคารกสิกรไทย สามารถสมัครได้ผ่านทางแอปของธนาคาร ใช้เวลาในการรอรับบัตรประมาณ 7 วัน หากต้องการใช้งานเพียงแค่เติมเงินบาทเข้าในแอป ตอนใช้บัตรรูดซื้อของ ระบบก็จะแลกเงินเป็นเงินเยนให้อัตโนมัติโดยจะได้อัตราแลกเปลี่ยนในวันนั้นๆ และไม่เสียค่าธรรมเนียมแลกเงิน 2.5% อีกด้วย

บัตรเงินสด YouTrip
2.2.2. เงินสด

ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะมีการพัฒนาที่สามารถรับชำระได้ด้วยบัตรเงินสดแล้ว แต่ตามร้านค้าเล็กๆ บางร้าน วัด หรือศาลเจ้า ยังคงรับเฉพาะเงินสดอยู่ ดังนั้นการแลกเงินก็ยังคงจำเป็นอยู่เช่นกัน โดยประเทศญี่ปุ่นใช้เงินสกุลเยน 1 เยน มีค่าประมาณ 0.23 บาท อย่างไรก็ตามควรเช็คเรทอัตราแลกเปลี่ยนอีกครั้ง โดยจะแนะนำให้แลกที่ Superrich จะได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ถูกที่สุด แต่สำหรับใครที่ไม่สะดวกแลกเงินที่นี่ ก็สามารถแลกกับธนาคารได้เช่นกัน จะแนะนำให้แลกเงินสดติดตัวไปประมาณ 3,000 - 5,000 บาท

2.2.3. บัตรเครดิต

ตามห้างสรรพสินค้า โรงแรม และร้านค้าขนาดใหญ่ส่วนมากก็จะรับบัตรเครดิต บัตรเครดิตที่สามารถใช้ชำระเงินได้ ได้แก่ Visa, Mastercard, JCB แต่อย่างไรก็ตามควรที่จะตรวจเช็คสัญลักษณ์ก่อนใช้งานว่าร้านนั้นๆ รับบัตรเครดิตหรือไม่ และควรพกบัตรเผื่อไว้มากกว่าหนึ่งใบในกรณีที่ระบบมีปัญหา

2.3. การเล่นอินเทอร์เน็ต

อินเทอร์เน็ตเป็นลิ่งที่จำเป็นอย่างมากในปัจจุบัน โดยเมื่อเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นจะแนะนำการเล่นอินเทอร์เน็ตทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่

2.3.1. สมัครแพ็กเกจโรมมิ่ง

การเปิดโรมมิ่งเล่นเน็ตเมื่อเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับคนที่ต้องการใช้อินเทอร์เน็ตทันทีที่ถึง โดยไม่ต้องเปลี่ยนซิมหรือหาจุด Wi-Fi สาธารณะ โดยสามารถสมัครผ่านแอปเครือข่ายที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันได้เลย หรือจะติดต่อที่เคาน์เตอร์เครือข่ายที่ใช้บริการได้เช่นกัน เจ้าหน้าที่จะช่วยสมัครแพ็กเกจโรมมิ่งและกำหนดช่วงวันที่เริ่มใช้งานให้ โดยการสมัครแพ็กเกจโรมมิ่งจะมีข้อดีและข้อเสีย ดังนี้

ข้อดี- ไม่ต้องเปลี่ยนซิมใหม่ให้ยุ่งยาก
- สามารถใช้เบอร์เดิมในการโทรเข้าและโทรออก หรือเล่นอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเบอร์
ข้อเสีย- หากมีการรับสายหรือโทรออก อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากแพ็กเกจที่สมัครใช้งาน
2.3.2. ซิมเล่นอินเทอร์เน็ต

อีกหนึ่งวิธีการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ประเทศญี่ปุ่นนั่นก็คือ การซื้อซิมเล่นอินเทอร์เน็ตต่างประเทศ โดยวิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่เกิดปัญหาการรับสายที่โทรมาจากประเทศไทย หรือกลัวค่าโทรศัพท์ที่มีเพิ่มเติม การซื้อซิมเล่นอินเทอร์เน็ตถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการใช้งานที่อยากแนะนำเลย โดยจะแนะนำเป็นซิม Sim2Fly ของ AIS สามารถติดต่อกับศูนย์บริการสาขาใกล้บ้านได้เลย ทางเจ้าหน้าที่จะช่วยลงทะเบียนซิมและเปิดใช้งานซิมในช่วงวันที่เดินทางให้

ข้อดี- สามารถเลือกใช้แพ็กเกจได้ตามความต้องการ และมีหลายราคาให้เลือก
- สามารถใช้งานได้ทุกประเทศ
ข้อเสีย- จะต้องมีการเปลี่ยนซิมใหม่ จึงควรระมัดระวังในการเก็บซิมที่เปลี่ยน เพราะอาจมีการสูญหายได้
- เบอร์ที่ใช้จะเป็นเบอร์ใหม่ตามซิมที่เปลี่ยน

2.4. ปลั๊กไฟ

ที่ญี่ปุ่นจะใช้ปลั๊กไฟแบบขาแบนสองขา 110 โวลต์ ซึ่งแรงดันไฟต่ำกว่าประเทศไทย และตามโรงแรมก็จะมีการทำปลั๊กไฟให้มีช่อง USB ที่สามารถเสียบชาร์จไฟได้ด้วย หากมีอุปกรณ์ที่เป็นปลั๊กกลมหรือแบบอื่นๆ จะแนะนำให้เตรียมหัวแปลงปลั๊ก Universal Adaptor ไปเผื่อด้วย โดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า หรือที่ร้าน MR.DIY ก็มีขายเช่นกัน

ปลั๊ก Universal Adaptor

2.5. เอกสารที่ใช้ในการเดินทาง

เอกสารที่ใช้ในการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นจะใช้เพียงพาสปอร์ตที่มีอายุคงเหลือ 6 เดือนขึ้นไปนับจากวันเดินทางกลับ ไม่ต้องลงทะเบียน Visit Japan ให้ยุ่งยากแล้ว และจะมีเอกสารเพิ่มเติมเป็นใบตม.และใบศุลกากร หากเดินทางด้วยตนเองสามารถขอได้จากเจ้าหน้าที่สายการบินหรือกรอกข้อมูลที่บริเวณหน้าตม.ได้เลย แต่สำหรับใครที่เดินทางกับบริษัททัวร์ ทางบริษัททัวร์จะเป็นผู้เตรียมเอกสารและกรอกข้อมูลให้ ลูกค้าสามารถเซ็นลายเซ็นที่ตรงตามหน้าพาสปอร์ตได้เลย สะดวกสุดๆ

2.6. การสื่อสาร

เมื่อเดินทางไปยังต่างประเทศ สิ่งที่มีความจำเป็นอีกเรื่องนั่นก็คือการสื่อสาร เพราะว่าในแต่ละประเทศก็จะมีภาษาที่ใช้ในการสื่อสารที่แตกต่างกันไป และคนญี่ปุ่นจะสื่อสารกันด้วยภาษาญี่ปุ่น ไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกันมากนัก นอกจากนี้ตามป้ายต่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาษาญี่ปุ่น ดังนั้นแอปแปลภาษาจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยจะแนะนำเป็นแอป Google Translate เลย ใช้งานสะดวกและรวดเร็ว สามารถถ่ายรูปป้ายต่างๆ หรือสิ่งของต่างๆ เพื่อแปลเป็นภาษาไทยได้ หรือจะใช้แปลจากภาษาไทยเป็นภาษาญี่ปุ่น เพื่อใช้ในการสื่อสารกับร้านอาหาร ร้านค้า หรือคนญี่ปุ่นได้เลย

2.7. แอปดูเส้นทาง

ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยวญี่ปุ่นกับบริษัททัวร์หรือเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเอง แอปที่ใช้ดูเส้นทางก็เป็นอีกสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเช่นกัน โดยสามารถใช้งานแอป Google Map เพื่อดูเส้นทางในญี่ปุ่นได้เลย จะมีรายละเอียดต่างๆ ระบุไว้อย่างชัดเจน ทั้งระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปยังอีกสถานที่ในแต่ละยานพาหนะ ระยะห่างของแต่ละสถานที่ ไปจนถึงสถานีรถไฟอยู่ทางไหนของพื้นที่ใกล้เคียง จึงเป็นอีกแอปที่ควรโหลดติดเครื่องไว้เมื่อไปเที่ยวต่างประเทศเลย

สรุป

โอตารุ เป็นเมืองท่าเก่าแก่ที่มีอาคารเก่าแก่มากมาย มีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ มากมายให้ได้ไปลองสัมผัส หากสนใจสอบถามโปรแกรมทัวร์โอตารุพิ่มเติม สามารถแอดไลน์ LINE ID : @lovelysmiletour ได้เลย