ทัวร์นิกโก้
Lovely Smile Tour มีแพ็กเกจ ทัวร์นิกโก้ (Nikko) ซึ่งเมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น โดยเมืองนี้ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างประเทศ มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติ และทางวัฒนธรรมมที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องความสวยงามของวัดและศาลเจ้าต่างๆ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO เช่น สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) เป็นต้น ถ้าสนใจจองแพ็กเกจไหน แอดไลน์หรือโทรสอบถามได้เลย
8 ที่เที่ยวทัวร์นิกโก้ อัปเดตล่าสุด
เมืองนิกโก้ (Nikko) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดโทจิงิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นจุดหมายปลายทางที่มีความสำคัญทั้งในด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และล้อมรอบด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งเทือกเขา น้ำตก ป่าไม้ และทะเลสาบที่สวยงาม ที่นี่มีความสวยงามแตกต่างกันในแต่ละฤดูกาลอย่างมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่น บทความนี้จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวทัวร์นิกโก้ ที่คนนิยมไปท่องเที่ยวกันว่าจะมีสถานที่ไหนน่าสนใจบ้าง
สารบัญ
- สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)
- ศาลเจ้านิกโก้โทโชกู (Nikko Toshogu Shrine)
- วัดนิกโกซัง รินโนจิ (Nikkozan Rinnoji Temple)
- น้ำตกเคงอน (Kegon Waterfalls)
- ศาลเจ้าฟูตาระซัง (Futarasan Shrine)
- หมู่บ้านเอโดะ วันเดอร์แลนด์ นิกโก เอโดะมุระ (Edo Wonderland Nikko Edomura)
- สะพานคินุทาเทะวะ โอซุริ (Kinutateiwa otsuri Bridge)
- ทะเลสาบชูเซนจิ (Lake Chuzenji)
1. สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)
สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) คือสะพานไม้สีแดงศักดิ์สิทธิ์ที่ทอดข้ามแม่น้ำไดยะในเมืองนิกโก้ จังหวัดโทจิงิ เป็นหนึ่งในสะพานที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น มีประวัติย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 17 และเกี่ยวข้องกับตำนานของพระโชโด โชนิน สะพานถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1636 โดยมีโครงสร้างแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ใช้เฉพาะพระและเชื้อพระวงศ์ในการผ่านเข้าไปสู่ศาลเจ้าโทโชกู (Toshogu Shrine) และพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของภูเขานิกโก้ ตัวสะพานมีความยาวประมาณ 28 เมตร กว้าง 7.4 เมตร และสูงประมาณ 10.6 เมตร วัสดุทำจากไม้ทาด้วยสีแดงสดตัดกับพื้นหลังของแม่น้ำและภูเขา เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม โดยเฉพาะในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีและฤดูหนาว

2. ศาลเจ้านิกโก้โทโชกู (Nikko Toshogu Shrine)
ศาลเจ้าโทโชกู เป็นศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ในเมืองนิกโก้ ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ โชกุนโทกูงาวะ อิเอยาสุ ผู้ก่อตั้งรัฐบาลในยุคเอโดะ และเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น มีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ประณีต ตัวอาคารหลักสร้างด้วยไม้แกะสลัก ลงสีและปิดทองอย่างสวยงาม ที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของศิลปะแบบจีนผสมผสานกับเอกลักษณ์ญี่ปุ่น โดยเฉพาะ ประตูโยเมมง (Yomeimon) หรือที่เรียกกันว่า "ประตูแห่งพระอาทิตย์ตก" และภาพสลักลิงสามตัวที่โด่งดัง นอกจากนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1999 อีกด้วย ถือว่าเป็นจุดท่องเที่ยวที่ผสมผสานประวัติศาสตร์ ศิลปะ และจิตวิญญาณไว้ในที่เดียว

3. วัดนิกโกซัง รินโนจิ (Nikkozan Rinnoji Temple)
วัดนิกโกซัง รินโนจิ หรือที่รู้จักกันในชื่อสั้น ๆ ว่า รินโนจิ คือวัดพุทธที่สำคัญที่สุดในเมืองนิกโก้ จังหวัดโทจิงิ ก่อตั้งในปี ค.ศ. 766 โดย พระโชโด โชนิน นักบวชผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนาในเขตภูเขาศักดิ์สิทธิ์นิกโก้ จุดเด่นของวัดมีวิหารหลักขนาดใหญ่ “ซานบุสึโด” ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ 3 องค์ที่สื่อถึงเทพเจ้าประจำภูเขาศักดิ์สิทธิ์ บรรยากาศของวัดเงียบสงบ แฝงด้วยพลังจิตวิญญาณ เหมาะแก่การทำสมาธิและพักจิตใจ บริเวณรอบวัดยังมีสวนญี่ปุ่นและพิพิธภัณฑ์แสดงวัตถุโบราณอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกยูเนสโกในปี ค.ศ. 1999 ร่วมกับศาลเจ้าโทโชกูและศาลเจ้าฟูตาระซัง

4. น้ำตกเคงอน (Kegon Waterfalls)
น้ำตกเคงอน เป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบชูเซ็นจิ เมืองนิกโก้ มีความสูงประมาณ 97 เมตร น้ำตกไหลลงจากหน้าผาลงข้างล่าง ท่ามกลางภูเขาและธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลที่มีความงดงามในทุกฤดู นักท่องเที่ยวสามารถชมจุดชมวิวฟรีได้จากด้านบนใกล้กับที่จอดรถ ซึ่งสามารถมองเห็นน้ำตกได้ หรือลงลิฟต์ไปยังจุดชมวิวใกล้ฐานน้ำตกได้ โดยจะมีค่าบริการเพิ่มเติม วิวจากจุดนี้จะสามารถเห็นน้ำตกได้อย่างใกล้ชิด

5. ศาลเจ้าฟูตาระซัง (Futarasan Shrine)
ในเมืองนิกโก้เต็มไปด้วยวัดวาอารามและศาลเจ้าชื่อดังมากมาย มีหนึ่งสถานที่ซึ่งเก่าแก่และมีบทบาทสำคัญทางศาสนาอย่างยาวนาน นั่นคือ ศาลเจ้าฟูตาระซัง เป็นศาลเจ้าชินโตที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 โดยนักบวชชื่อ โชโด โชนิน เป็นผู้บุกเบิกการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและเป็นผู้นำสู่การก่อตั้งนิกโก้ให้เป็นศูนย์กลางจิตวิญญาณ ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 767 เพื่อบูชาเทพเจ้าประจำภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม ได้แก่ ภูเขานันไต (Mt. Nantai), ภูเขานีโยะ (Mt. Nyoho) และภูเขะทาระ (Mt. Taro) ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นที่สถิตของเทพเจ้าผู้ปกปักษ์รักษาผืนป่า น้ำตก และภูมิประเทศของนิกโก้ทั้งหมด

6. หมู่บ้านเอโดะ วันเดอร์แลนด์ นิกโก เอโดะมุระ (Edo Wonderland Nikko Edomura)
หมู่บ้านเอโดะ เป็นหมู่บ้านธีมพาร์คย้อนยุคที่ได้จำลองชีวิตในสมัยเอโดะได้อย่างสมจริง นักท่องเที่ยวสามารถสวมชุดซามูไร นินจา หรือชาวเมือง เดินชมบ้านเรือน ร้านค้า ชิมอาหารแบบเอโดะ และดูโชว์นินจา รวมทั้งยังมีนักแสดงนุ่งชุดยูคาตะเดินแสดงบทบาทกันทั่วบริเวณ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมมากมาย เช่น ยิงธนู โยนดาวนินจา และเวิร์กช็อปงานฝีมือญี่ปุ่น ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะกับทั้งครอบครัว ให้ทั้งความสนุกและความรู้ด้านประวัติศาสตร์ในเวลาเดียวกัน

7. สะพานคินุทาเทะวะ โอซุริ (Kinutateiwa otsuri Bridge)
สะพานคินุทาเทะวะ โอซุริ คือสะพานแขวนชมวิวธรรมชาติที่มีความยาวประมาณ 140 เมตร ที่ทอดข้ามแม่น้ำคินุกาวะ ใกล้แหล่งออนเซ็นชื่อดังในเมืองนิกโก้ ตัวสะพานมีความสูงเหนือแม่น้ำราว 37–40 เมตร ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี บริเวณนี้กลายเป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมาก สะพานจะให้ความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะมีแรงสั่นเบา ๆ ขณะเดินข้าม และสามารถเดินต่อไปยังจุดชมวิวหินทาเทอิวะได้ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบธรรมชาติและการเดินเล่นแบบผ่อนคลาย

8. ทะเลสาบชูเซนจิ (Lake Chuzenji)
ทะเลสาบชูเซ็นจิ ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาในเขตอุทยานแห่งชาตินิกโก้ รายล้อมด้วยธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และอากาศเย็นสบายตลอดปี โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงที่งดงามมาก นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย เช่น ล่องเรือ เดินป่า หรือแช่ออนเซ็นริมน้ำ รอบทะเลสาบยังมีวิลล่า ประวัติศาสตร์ และคาเฟ่ให้แวะพักผ่อน เหมาะกับคนที่ชอบธรรมชาติและความสงบในบรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆ

สรุป
โดยสรุปแล้ว นิกโก้เป็นเมืองที่ผสมผสานธรรมชาติกับวัฒนธรรมของญี่ปุ่นโบราณได้อย่างลงตัว ทั้งศาลเจ้าโทโชกู สะพานชินเคียวที่ศักดิ์สิทธิ์ ไปจนถึงน้ำตกเคงอนและทะเลสาบชูเซ็นจิที่งดงามในทุกฤดู อีกทั้งยังมี Edo Wonderland ที่พาย้อนยุคสู่สมัยเอโดะอย่างสนุกสนาน เหมาะสำหรับทั้งสายประวัติศาสตร์และธรรมชาติในทริปเดียวครบทุกมิติ หากใครสนใจไปเที่ยวทัวร์นิกโก้ สามารถทักมาสอบถามข้อมูลหรือแอดไลน์มาได้ที่ LINE ID : @lovelysmiletour ได้เลย