ตัวกรอง

เส้นทาง

ทัวร์อังกฤษ

10 ที่เที่ยวทัวร์อังกฤษ อัปเดตล่าสุด

หากคุณกำลังวางแผนเที่ยวทัวร์ยุโรปสักครั้งในชีวิต ประเทศอังกฤษคือหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดเลย ด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เมืองใหญ่สุดคลาสสิกอย่างลอนดอน หมู่บ้านชนบทที่เงียบสงบ รวมถึงแหล่งธรรมชาติที่งดงามราวกับภาพวาด ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 10 ที่เที่ยวทัวร์อังกฤษยอดนิยม ที่จะทำให้ทริปทัวร์ยุโรปของคุณสมบูรณ์แบบและน่าจดจำยิ่งขึ้น จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลย

1. หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben)

หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) หนึ่งในนาฬิกาที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เป็นแลนด์มาร์กที่โดดเด่นที่สุดของลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่บริเวณอาคารรัฐสภาอังกฤษ (Palace of Westminster) ริมแม่น้ำเทมส์ ตัวหอนาฬิกามีความสูงประมาณ 96 เมตร และสร้างขึ้นในสไตล์นีโอโกธิค เปิดใช้งานครั้งแรกในปี ค.ศ. 1859 แม้หลายคนจะเรียกหอนาฬิกานี้ว่า Big Ben แต่ชื่อ Big Ben จริงๆ แล้วเป็นชื่อของระฆังใบใหญ่ที่อยู่ภายในหอ ส่วนตัวหอมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Elizabeth Tower ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติควีนเอลิซาเบธที่ 2 ในวาระครองราชย์ครบ 60 ปี บิ๊กเบนเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงความภาคภูมิใจทางประวัติศาสตร์และการเมืองของอังกฤษ และยังเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทัวร์อังกฤษจากทั่วโลกอีกด้วย

หอนาฬิกาบิ๊กเบน แลนด์มาร์กที่โดดเด่นของทัวร์อังกฤษ
หอนาฬิกาบิ๊กเบน

2. แม่น้ำเทมส์ (River Thames)

แม่น้ำเทมส์ (River Thames) เป็นแม่น้ำสายสำคัญของประเทศอังกฤษ และเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านลอนดอน มีความยาวประมาณ 346 กิโลเมตร ถือเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดเป็นอันดับ 2 ของอังกฤษ แม่น้ำเทมส์มีบทบาทสำคัญทางประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของอังกฤษมานานหลายศตวรรษ เพราะเป็นเส้นทางคมนาคม การค้า และยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben), ทาวเวอร์บริดจ์ (Tower Bridge), พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ (Palace of Westminster) และลอนดอนอาย (London Eye) นอกจากนี้แม่น้ำเทมส์ยังเป็นที่นิยมสำหรับกิจกรรมล่องเรือชมวิวเมืองลอนดอน และเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเล่นที่สวยงามที่สุดในยุโรปอีกด้วย

แม่น้ำเทมส์
วิวของแม่น้ำเทมส์และทาวเวอร์บริดจ์

3. วิหารเวสต์มินสเตอร์ (Westminster Abbey)

วิหารเวสต์มินสเตอร์ (Westminster Abbey) เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนาที่โด่งดังที่สุดของประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่ในใจกลางลอนดอน ใกล้กับอาคารรัฐสภาและหอนาฬิกาบิ๊กเบน วิหารแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,000 ปี ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญของราชวงศ์อังกฤษ เช่น ใช้ในการทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1066 และใช้เป็นที่ฝังพระบรมศพของพระมหากษัตริย์อังกฤษ และพระบรมวงศานุวงศ์

ด้านหน้าของวิหารเวสต์มินสเตอร์
บริเวณด้านหน้าของวิหารเวสต์มินสเตอร์

วิหารเวสมินเตอร์เป็นวิหารที่สร้างขึ้นด้วยสไตล์โกธิค ซึ่งถูกยกให้เป็นหนึ่งในอาคารโกธิคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของอังกฤษ ภายในวิหารจะเป็นโถงกว้างขนาดใหญ่ ที่โดดเด่นด้วยเพดานโค้งสูงใหญ่ มีหน้าต่างกระจกสีรูปกษัตริย์และบุคคลสำคัญต่างๆ ของอังกฤษ และยังมีรูปสลักที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกมากมาย นอกจากนี้ที่บริเวณ Poet's Corner ยังถูกใช้เป็นสถานที่ฝังศพของกวีเอกและบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์อังกฤษมากมาย เช่น เซอร์ไอแซก นิวตัน, ชาร์ลส์ ดาร์วิน และกวีชื่อดังอย่าง เชกสเปียร์ อีกด้วย ด้วยความสวยงามของโบสถ์สไตล์กอธิคและประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน จึงทำให้วิหารเวสต์มินสเตอร์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก และถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและศาสนาที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนลอนดอนเลย

ภายในของวิหารเวสต์มินสเตอร์
ภายในจะเป็นโถงกว้างขนาดใหญ่

4. ลอนดอนอาย (London Eye)

ลอนดอนอาย (London Eye) เป็นชิงช้าสวรรค์ยักษ์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป มีความสูง 135 เมตร (443 ฟุต) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเทมส์ เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงที่สุดของลอนดอน สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเข้าสู่สหัสวรรษใหม่ในปี ค.ศ. 2000 เดิมชื่อว่า Millennium Wheel ตัวชิงช้าจะมีตู้โดยสารแบบแคปซูลทรงกลมทั้งหมด 32 ตู้ รองรับนักท่องเที่ยวได้ตู้ละประมาณ 25 คน แต่ละรอบจะใช้เวลาหมุนประมาณ 30 นาที จากจุดสูงสุดของลอนดอนอาย นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวมุมกว้างของกรุงลอนดอนได้แบบ 360 องศา เห็นทั้งหอนาฬิกาบิ๊กเบน พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ แม่น้ำเทมส์ และอาคารต่างๆ ในเมือง เหมาะสำหรับทั้งการชมวิวกลางวันและยามค่ำคืนเลย ลอนดอนอายจึงถือเป็นกิจกรรมไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนลอนดอนเป็นครั้งแรก

ลอนดอนอาย
ลอนดอนอาย
ตู้โดยสารของลอนดอนอาย
ตู้โดยสารของลอนดอนอาย

5. พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace)

พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace) เป็นพระราชวังหลวงของราชวงศ์อังกฤษ ตั้งอยู่ที่เวสท์มินสเตอร์ ใจกลางกรุงลอนดอน มีชื่อเดิมว่า บักกิงแฮมเฮาส์ (Buckingham House) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1703 โดยพระราชวังแห่งนี้เป็นที่พำนักของพระมหากษัตริย์อังกฤษ ตั้งแต่สมัยพระราชินีนาถวิกตอเรียในปี ค.ศ. 1837 โดยภายในพระราชวังมีห้องกว่า 700 ห้อง รวมถึงห้องโถง ห้องจัดเลี้ยง และห้องสำหรับประกอบพระราชพิธีต่างๆ โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้มีการอนุญาตให้เปิดบางส่วนของพระราชวัง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมความงดงามของสถาปัตยกรรม โดยเวลาเปิดให้เข้าชมในแต่ละปีจะแตกต่างกันไป แต่โดยส่วนใหญ่จะปิดในช่วงฤดูร้อนประมาณเดือนกรกฎาคมไปจนถึงเดือนกันยายน ช่วงเดือนกรกฎาคมจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 09.30 - 19.30 น. และช่วงเดือนกันยายนจะเปิดให้เข้าชมเวลา 09.30 - 18.30 น. เวลาที่ใช้ในการเข้าชมจะใช้เวลาประมาณ 2-2.30 ชั่วโมง นอกจากนี้บริเวณด้านหน้าของพระราชวังมี Victoria Memorial ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป และพิธีเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาพระองค์ (Changing of the Guard) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำหน้าพระราชวัง และกลายเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่ ใครที่มาเที่ยวทัวร์อังกฤษก็อย่าพลาดที่จะเข้าชมพระราชวังแห่งนี้เลย

ด้านหน้าพระราชวังบักกิงแฮม
ด้านหน้าพระราชวังบักกิงแฮม
พิธีเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาพระองค์
พิธีเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาพระองค์

6. มหาวิหารแมนเชสเตอร์ (Manchester Cathedral)

มหาวิหารแมนเชสเตอร์ (Manchester Cathedral) หรือชื่อเต็มว่า The Cathedral and Collegiate Church of St Mary, St Denys and St George เป็นศาสนสถานสำคัญในเมืองแมนเชสเตอร์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใกล้แม่น้ำเออร์เวล (River Irwell) มหาวิหารแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 สร้างในสถาปัตยกรรมแบบโกธิค โดยมีโครงสร้างและรายละเอียดที่สวยงาม เช่น หน้าต่างกระจกสีที่วิจิตร ตลอดจนเพดานไม้แกะสลักประณีตซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของมหาวิหาร แม้จะได้รับความเสียหายบางส่วนจากเหตุการณ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และเหตุระเบิดในปี ค.ศ. 1996 แต่มหาวิหารได้รับการบูรณะอย่างดีและยังคงเป็นศูนย์กลางด้านศาสนา วัฒนธรรม และกิจกรรมชุมชนของเมืองจนถึงปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมมหาวิหารได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และยังสามารถฟังดนตรีออร์แกน หรือชมงานศิลปะและนิทรรศการภายในโบสถ์ได้อีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ไม่ควรพลาดหากมีโอกาสได้มาที่แมนเชสเตอร์เลย

มหาวิหารแมนเชสเตอร์
มหาวิหารแมนเชสเตอร์ Credit : secretmanchester.com

7. สโตนเฮนจ์ (Stonehenge)

สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) ตั้งอยู่บนที่ราบซอลส์บรี (Salisbury Plain) ในเขตวิลต์เชอร์ ทางตอนใต้ของอังกฤษ เป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่ทั้งหมด 112 ก้อนที่ตั้งเรียงเป็นวงกลมซ้อนกัน 3
วง และวางเรียงในลักษณะที่ต่างกัน ทั้งวางนอน วางพาดกัน และวางตั้งขึ้น หินแต่ละก้อนมีน้ำหนักหลายสิบตัน โดยสมัยก่อนไม่มีเครื่องทุ่นแรง เชื่อกันว่าสร้างขึ้นเมื่อราว 5,000 ปีก่อน การวางตำแหน่งของหินมีความสอดคล้องกับการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ ซึ่งทำให้สันนิษฐานว่าสโตนเฮนจ์อาจใช้เพื่อการประกอบพิธีกรรมหรือดูเวลาตามดาราศาสตร์ ปัจจุบันสโตนเฮนจ์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวมากมาย

สโตนเฮนจ์
สโตนเฮนจ์

8. มหาวิหารยอร์ก (York Minster)

มหาวิหารยอร์ก (York Minster) หรือชื่อทางการ “อาสนวิหารและคริสตจักรมหานครแห่งนักบุญเปโตรในกรุงยอร์ก” (The Cathedral and Metropolitical Church of St Peter in York) เป็นหนึ่งในมหาวิหารแบบโกธิคที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ในเมืองยอร์ก ทางตอนเหนือของอังกฤษ ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบ 2,000 ปี มหาวิหารเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 และใช้เวลากว่า 250 ปีจึงแล้วเสร็จในรูปแบบปัจจุบัน มหาวิหารยอร์ก มีความยาวกว่า 500 ฟุต กว้าง 100 ฟุต และมีหอคอยกลางที่มีความสูงถึง 200 ฟุต ซึ่งเป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ

ด้านหน้ามหาวิหารยอร์ก
ด้านหน้ามหาวิหารยอร์ก

ภายในมหาวิหารโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิค มีโถงใหญ่ที่เรียกว่า The Nave ใช้สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา มี Chapter House ที่มีจุดเด่นอยู่ที่บานกระจกเขียนสีโบราณขนาดใหญ่ ที่เล่าเรื่องราวทั้งเรื่องประวัติศาสตร์และศาสนา รวมถึงงานแกะสลักหินอ่อนและไม้ที่ประณีตสวยงาม นอกจากนี้ที่หอคอยกลางจะมีบันไดให้เดินขึ้นไปชมวิวของเมืองยอร์กแบบพาโนรามาได้อีกด้วย นอกจาจะเป็นศูนย์กลางทางศาสนาของอังกฤษในเขตเหนือแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมากันเป็นจำนวนมากอีกด้วย

โถงใหญ่ The Nave
The Nave โถงประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

9. แชมเบิ้ลส์ (The Shambles)

แชมเบิ้ลส์ (The Shambles) เป็นตรอกเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองยอร์ค (York) ที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 มีชื่อเสียงจากอาคารยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์และคงสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี โดดเด่นด้วยอาคารไม้โบราณที่เอนไปมาและเรียงตัวแน่นติดกันสองข้างทางของถนน โดยบางช่วงของถนนจะค่อนข้างแคบจนคนสามารถเอื้อมแตะตึกฝั่งตรงข้ามได้ ซึ่งในอดีตเคยเป็นย่านขายเนื้อที่สำคัญในยุคกลาง และยังคงมีร่องรอยของรางไม้และโต๊ะขายของดั้งเดิมให้เห็นอยู่บ้าง แต่ในปัจจุบันแชมเบิ้ลส์ได้กลายเป็นย่านช้อปปิ้งที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขนม คาเฟ่ และร้านของที่ระลึกมากมาย นอกจากนี้แชมเบิ้ลส์ยังได้รับความนิยมจากแฟนภาพยนตร์และนิยายแฟนตาซี Harry Potter โดยหลายคนเชื่อว่าเป็นแรงบันดาลใจของ “ตรอกไดแอกอน” จากเรื่อง Harry Potter ที่ย่านนี้ก็จะมีร้านขายของที่เกี่ยวกับ Harry Potter มากมายให้ได้เลือกซื้อ

แชมเบิ้ลส์
แชมเบิ้ลส์

10. คอทส์โวลส์ (The Cotswolds)

คอทส์โวลส์ (Cotswolds) เป็นเขตชนบทที่มีชื่อเสียงในภาคกลางตอนใต้ของทัวร์อังกฤษ มีพื้นที่ครอบคลุมหลายมณฑล เช่น Gloucestershire, Oxfordshire, และ Wiltshire ได้รับการยกย่องให้เป็น เขตอนุรักษ์ธรรมชาติพิเศษ (Area of Outstanding Natural Beauty - AONB) เพราะเต็มไปด้วยหมู่บ้านเก่าแก่สไตล์อังกฤษดั้งเดิม บ้านเรือนสร้างจากหินสีน้ำผึ้ง (honey-colored limestone) ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของภูมิภาคนี้

คอทส์โวลส์
คอทส์โวลส์

โดยภายในเขตคอทส์โวลส์ก็จะเต็มไปด้วยหมู่บ้านเก่าแก่มากมายที่ยังมีคนอาศัยกันอยู่ ซึ่งหมู่บ้านที่เป็นจุดเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจะมีทั้งหมด 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้าน Castle Combe, หมู่บ้าน Bibury และ หมู่บ้าน Bourton on the Water นอกจากนี้ยังมีร้านค้าเก่าแก่ ร้านอาหารพื้นเมือง ร้านน้ำชา และพิพิธภัณฑ์อยู่ภายในหมู่บ้านอีกด้วย ใครที่ชื่นชอบบรรยากาศของหมู่บ้านโบราณ วิวธรรมชาติ และอากาศบริสุทธิ์สดชื่น ก็อย่าลืมเพิ่มคอทโวลส์ไว้ในแผนการเดินทางกันเลย

หมู่บ้าน Castle Combe
หมู่บ้าน Castle Combe
หมู่บ้าน Bibury
หมู่บ้าน Bibury
หมู่บ้าน Bourton on the Water
หมู่บ้าน Bourton on the Water

สรุป

อังกฤษเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีกลิ่นอายทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และมีธรรมชาติที่สวยงาม บรรยากาศดี ไม่แพ้กับประเทศอื่นๆ ในทัวร์ยุโรปเลย ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอีกประเทศที่อยากให้ได้มาเที่ยวกันสักครั้ง หากใครที่กำลังวางแผนทัวร์อังกฤษ ที่เที่ยวทั้ง 10 แห่งนี้คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด หากสนใจสอบถามเพิ่มเติมสามารถแอดไลน์ LINE ID : @lovelysmiletour ได้เลย