หากพูดถึงแลนด์มาร์กสำคัญของอินเดีย ทัชมาฮาล (Taj Mahal) คงเป็นชื่อแรก ๆ ที่ผุดขึ้นมา อนุสรณ์สถานสีขาวที่ตั้งอยู่อย่างสวยงามในเมืองอัคราแห่งนี้ ไม่ได้เป็นแค่หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิชาห์ จะฮัน ที่มีต่อพระมเหสี มุมทัซ มาฮาล วันนี้เราจะพาคุณไปสัมผัสความสวยงามทัชมาฮาลแบบเจาะลึก พร้อมทั้งแชร์เคล็ดลับและประสบการณ์ดีๆ เพื่อให้ทริปทัวร์อินเดียของคุณเต็มไปด้วยความประทับใจ
1.ประวัติความเป็นมา
สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1632-1653 โดยจักรพรรดิชาห์ จะฮัน (Shah Jahan) ผู้เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์โมกุลของอินเดีย โดยสาเหตุของการสร้างทัชมาฮาลนั้นมาจากความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่มีต่อพระมเหสีสุดที่รักคือ พระนางมุมทัซ มาฮาล (Mumtaz Mahal) ซึ่งสิ้นพระชนม์ขณะประสูติพระโอรสองค์ที่ 14 ด้วยความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้ง จักรพรรดิชาห์ จะฮันจึงมีพระราชประสงค์ให้สร้างสุสานที่ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุดในโลกเพื่อเป็นที่พำนักสุดท้ายของพระมเหสี และเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักอันเป็นนิรันดร์

การก่อสร้างใช้เวลาถึง 22 ปี และมีผู้คนมากกว่า 20,000 คนร่วมสร้าง สถาปัตยกรรมโดดเด่นด้วยการใช้หินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์และมีการประดับตกแต่งด้วยอัญมณีล้ำค่าหลากหลายชนิด ทำให้ทัชมาฮาลกลายเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 1983

2. ข้อมูลทั่วไป
พิกัด | Dharmapuri, Forest Colony, Tajganj, Agra, อากรา Uttar Pradesh 282001 อินเดีย |
แผนที่ | Google Map |
เว็บไซต์ทางการ | คลิ้กที่นี่ |
เวลาเปิด – ปิด | 06:00-18:00 ปิดทุกวันศุกร์ |
อัตราค่าบริการ | – ค่าเข้า : 540 INR – ค่าเข้าชมภายในตัวอาคาร 200 INR |
3.จุดไฮไลท์สำคัญ
3.1 อาคารหลัก
หินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์
อาคารหลักสร้างจากหินอ่อนสีขาวที่นำเข้าจากเมืองมักรานา รัฐราชสถาน หินอ่อนนี้มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถสะท้อนและเปลี่ยนสีได้ตามแสงอาทิตย์ ทำให้ตัวอาคารดูเป็นสีชมพูอ่อนๆ ในช่วงเช้า สว่างเป็นสีขาวตอนกลางวัน และดูเป็นสีเงินในตอนกลางคืน

โดมทรงหัวหอม
โดมขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางอาคารเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมแบบโมกุล


หอคอยสี่ต้น (Minarets)
มีหอคอยสูงสี่ต้นตั้งอยู่ที่มุมทั้งสี่ของแท่นฐานอาคาร ซึ่งถูกสร้างให้เอียงออกไปเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้หอคอยล้มทับตัวอาคารหากเกิดแผ่นดินไหว

3.2 ภายในอาคาร
มีการตกแต่งด้วยเทคนิค “Pietra Dura” ซึ่งเป็นการแกะสลักและฝังหินมีค่าและอัญมณีต่างๆ เช่น หยก, ลาพิส ลาซูลี, เทอร์ควอยซ์ และหินโมรา เป็นลวดลายดอกไม้และลวดลายเรขาคณิตอย่างประณีต มีการสลักบทกวีจากคัมภีร์อัลกุรอานบนแผ่นหินอ่อนรอบอาคารอย่างสวยงามและละเอียดอ่อน

และภายในอาคารหลักมีโลงศพจำลองของจักรพรรดิชาห์ จะฮัน และพระนางมุมทัซ มาฮาล ซึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างวิจิตรงดงาม ส่วนโลงศพจริงจะอยู่ด้านล่างในห้องใต้ดินที่ปิดไว้ไม่ให้เข้าชม

3.3 สวนชาห์บาห์ (Charbagh)
คำว่า “Charbagh” แปลว่า “สวนสี่ส่วน” ซึ่งเป็นรูปแบบการจัดสวนเปอร์เซียที่ได้รับอิทธิพลจากคัมภีร์อัลกุรอานที่บรรยายถึงสวรรค์ว่าเป็นสวนที่มีแม่น้ำสี่สายไหลผ่าน สวนนี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็นภาพสะท้อนของสรวงสวรรค์บนโลก สวนถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนที่เท่ากันโดยมีทางเดินและร่องน้ำตัดกันที่จุดศูนย์กลาง ทำให้เกิดความสมมาตรที่สมบูรณ์แบบร่องน้ำในสวนจะทำหน้าที่สะท้อนภาพของตัวคารได้อย่างสวยงาม และยังมีต้นไม้ ดอกไม้ และน้ำพุประดับอยู่ทั่วบริเวณเพื่อสร้างบรรยากาศที่ร่มรื่นและสงบ

4.การเดินทาง
การเดินทางสามารถทำได้หลายวิธี โดยส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางจากเมืองใหญ่ใกล้เคียงอย่างกรุงเดลี (New Delhi) มายังเมืองอัครา (Agra) วิธีการเดินทางที่ได้รับความนิยมมีดังนี้:
- รถไฟ: เป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด มีรถไฟด่วนหลายขบวนจากกรุงเดลีมายังเมืองอัครา เช่น Bhopal Shatabdi และ Gatimaan Express ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียง 1-2 ชั่วโมง
- รถยนต์: สามารถเช่ารถพร้อมคนขับจากเดลีมายังอัคราได้เช่นกัน โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร
- เครื่องบิน: เมืองอัครามีสนามบินเป็นของตัวเอง มีเที่ยวบินภายในประเทศให้บริการจากเมืองใหญ่อื่นๆ เช่น มุมไบ ไฮเดอราบาด และบังกาลอร์
- รถโดยสาร: มีรถโดยสารประจำทางจากเมืองหลักๆ มายังอัครา โดยปกติแล้วจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
เมื่อเดินทางมาถึงเมืองอัคราแล้ว การเดินทางภายในเมือง สามารถใช้บริการรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก (สามล้อเครื่อง) หรือรถสามล้อปั่นได้ เนื่องจากบริเวณโดยรอบ สถานที่แห่งนี้ไม่อนุญาตให้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเข้าใกล้ จึงมีรถยนต์ไฟฟ้าและรถม้าให้บริการเพื่อรับส่งนักท่องเที่ยวจากจุดจอดรถไปยังประตูทางเข้าหลัก
5. ข้อแนะนำเพิ่มเติม
5.1 ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าชม
ควรไปถึงตั้งแต่ช่วงพระอาทิตย์ขึ้น (เช้าตรู่) หรือช่วงพระอาทิตย์ตก เพราะนอกจากจะได้ชมความงามของหินอ่อนที่เปลี่ยนสีแล้ว ยังเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนและมีผู้คนไม่หนาแน่นเท่าช่วงกลางวัน


5.2 การแต่งกาย
ควรแต่งกายสุภาพและมิดชิด ผู้หญิงควรสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวหรือกระโปรงยาว ไม่ควรสวมกางเกงขาสั้นหรือเสื้อสายเดี่ยว และนักท่องเที่ยวต้องถอดรองเท้าเมื่อเข้าไปยังบริเวณอาคารหลัก เพื่อความสะดวกและหลีกเลี่ยงพื้นร้อนๆ ในช่วงกลางวัน แนะนำเตรียมถุงเท้าไปด้วย
5.3 ข้อจำกัดในการนำสิ่งของเข้า
ไม่อนุญาตให้นำอาหาร เครื่องดื่ม กระเป๋าใบใหญ่ ไฟแช็ก ไม้ขีดไฟ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางชนิด (ยกเว้นกล้องถ่ายรูป) เข้าไปในบริเวณอาคารหลัก ควรเก็บของไว้ในล็อกเกอร์ที่ประตูทางเข้า
สรุป
ถ้านักท่องเที่ยวมีโอกาสได้มาเที่ยวที่ประเทศอินเดีย บอกเลยว่าห้ามพลาดในการมาแวะชม ทัชมาฮาล เด็ดขาด เพราะจะเป็นที่ที่จะทำให้เข้าใจคำว่า “ความรักอันยิ่งใหญ่” ได้อย่างดี และไม่ว่าจะถ่ายรูปจากมุมไหนก็สวย และน่าประทับใจอย่างมาก หากสนใจแพ็กเกจทัวร์อินเดีย สามารถแอดไลน์ไอดี @lovelysmiletour ได้เลย