เมืองที่เรียกว่า ซาปา (Sapa) เป็นอีกเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของเวียดนาม ถือว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเวียดนามเหนือเลยก็ว่าได้ค่ะ เป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวเน้นไปทางธรรมชาติที่สวยงาม ภูเขาสูง รวมไปถึงนักท่องเที่ยวทัวร์เวียดนามจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านในชนเผ่าต่าง ๆ ที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้อยู่อย่างดี วันนี้จะพามารู้จักกับเมืองตามอากาศ ที่มีฉายาว่า “เมืองแห่งสายหมอก” นี้กันค่ะ
สารบัญ
- ประวัติ
- ลักษณะภูมิประเทศ
- แนะนำสถานที่เที่ยว
- 3.1 หมู่บ้านกัตกัต (Cat Cat Village)
- 3.2 ยอดเขาฟานซิปัน (Fansipan)
- 3.3 หมู่บ้านต่าฟาน (Ta Van Village)
- 3.4 น้ำตกสีเงิน (Silver Waterfall)
- 3.5 ทะเลสาบซาปา (Sapa Lake)
- 3.6 โมอาน่า คาเฟ่ (Moana Cafe)
- 3.7 โบสถ์หินแห่งเมืองซาปา (The Ancient Stone Church)
- 3.8 สะพานแก้วมังกรเมฆ (Rong May Glass Bridge)
- 3.9 จุดชมวิว ตรามตอนพาส (Tram Ton Pass)
- เที่ยวเดือนไหนดี
1. ประวัติของเมืองซาปา
เมืองซาปาอยู่ในจังหวัดลาวกาย ตอนเหนือของเวียดนาม ในอดีตเคยเป็นสถานีรถไฟขนาดเล็กที่ชาวฝรั่งเศสสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1922 เพื่อใช้ในการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรโดยเฉพาะชาจากภูเขาฟานซีปันค่ะ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองนี้ได้กลายเป็นแหล่งพักผ่อนสำหรับคนรวยชาวฝรั่งเศสและชาวตะวันตก เนื่องจากมีสภาพอากาศที่เย็นสบายและทิวทัศน์ที่งดงามจากเทือกเขาเฟืองฟ้าหรือฟานซีปันนี้ ภายหลังจากเวียดนามได้รับเอกราชแล้วนั้น เมืองแห่งนี้เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น โดยดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยทิวทัศน์อันงดงามของเทือกเขา หมู่บ้านชนเผ่า นาขั้นบันได และวัฒนธรรมประเพณีของชาวเขาเผ่าต่างๆ อาทิ ชาวเฮ้า ชาวดาว ชาวมงค่ะ
ในปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของทัวร์เวียดนามเหนือ โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมกว่า 1 ล้านคนต่อปี ด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติและวัฒนธรรมพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เมืองนี้ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยวที่มาเวียดนามเลยทีเดียวค่ะ
2. ลักษณะภูมิประเทศ
เมืองซาปาตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาสูงทางตอนเหนือของเวียดนาม มีลักษณะภูมิประเทศที่โดดเด่น เช่น ความเป็นภูเขาสูงชัน โดยเมืองนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาที่มีเทือกเขาฟานซีปัน (Fansipan) ซึ่งเป็นเทือกเขาที่สูงชันและยาวประมาณ 200 กิโลเมตร ยอดเขาสูงสุดคืออินทรีซิน สูงประมาณ 3,143 เมตรจากระดับน้ำทะเลค่ะ และยังมีป่าดิบชื้นขนาดใหญ่ที่ปกคลุมอยู่ตามไหล่เขาและหุบเขา ทำให้มีความชุ่มชื้นและร่มรื่นตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยหุบเขาและลำธาร เนื่องจากพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันมีหุบเขาและลำธารต่างๆไหลผ่าน เช่น แม่น้ำมืองโฮ๋า และลำธารที่ไหลลงสู่แม่น้ำแดง และยังมีนาขั้นบันได เป็นจุดเด่นทางภูมิประเทศอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งชาวเขาเผ่าต่างๆได้สร้างบันไดนาขึ้นตามไหล่เขาเป็นขั้นๆ เพื่อทำการเพาะปลูก และเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คและเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวที่เมืองนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ
3. แนะนำสถานที่เที่ยว
3.1 หมู่บ้านกัตกัต Cat Cat Village
หมู่บ้านกัตกัต (Cat Cat Village) เป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งดั้งเดิมที่น่าสนใจในเลยทีเดียวค่ะ โดยหมู่บ้านกาต์กาต์ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยรถรับจ้างหรือรถเช่าได้ค่ะ วิถีชาวบ้านในหมู่บ้านกาต์กาต์ยังคงเป็นวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวเขาเผ่าม้ง โดยมีการสืบทอดงานหัตถกรรมจากบรรพบุรุษ อาทิ การทอผ้า การแกะสลักไม้ การทำเครื่องจักสาน มีวิถีชีวิตที่พึ่งพาธรรมชาติและปฏิบัติตามประเพณีโบราณค่ะ
กิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อมาเที่ยวที่หมู่บ้านแห่งนี้คือเที่ยวชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน บ้านเรือนแบบดั้งเดิม ศิลปะพื้นบ้าน เดินเลือกซื้อสินค้าหัตถกรรมพื้นเมือง เช่น ผ้าทอลวดลาย งานแกะสลักไม้ เครื่องจักสาน และสามารถเดินเที่ยวชมธรรมชาติ นาขั้นบันได และทิวทัศน์อันงดงามรอบๆ หมู่บ้านได้ค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
อัตราค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 70,000 ดอง และ เด็ก 30,000 ดอง |
เวลาทำการ | 6.00 น. – 23.00 น. |
แผนที่ | ดูแผนที่ Google Maps |
3.2 ยอดเขาฟานซิปัน (Fansipan)
ยอดเขาฟานซิปัน (Fansipan) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หลังคาแห่งอินโดจีน” เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเวียดนามและภูมิภาคอินโดจีนค่ะ ฟานซิปันตั้งอยู่ในเทือกเขาឪេឺងฟ้า หรือเฟืองฟ้า (Hoang Lien Son) ในเขตอุทยานแห่งชาติฟานซิปัน จังหวัดลาวกาย ทางตอนเหนือสุดของเวียดนาม ห่างจากเมืองประมาณ 9 กม. โดยยอดเขาแห่งนี้เป็นยอดที่มีความสูงประมาณ 3,143 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ทำให้เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคอินโดจีนกันเลยทีเดียวค่ะ โดยพื้นที่บริเวณฟานซิปันเป็นป่าดงดิบชื้น มีหุบเขาลึก น้ำตกและทะเลสาบเล็กๆ ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นสู่ยอดเขา และในบางปีเคยมีหิมะตกบนภูเขาแห่งนี้ด้วยค่ะ แต่ทั้งนี้หิมะไม่ได้ตกมาหลายปีแล้วเช่นกันค่ะ
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางขึ้นไปชมยอดฟานซิปันได้โดยใช้เส้นทางเดินป่าหรือนั่งกระเช้าลอยฟ้า โดยมีจุดเริ่มต้นที่ตั้งของสถานีกระเช้าในเมืองซาปา การเดินทางขึ้นไปบนยอดเขาอาจใช้เวลา 1-2 วัน ขึ้นอยู่กับเส้นทางค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
อัตราค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 737,000 VND เด็กโต 540,000 VND เด็กสูงไม่เกิน 100 เซนติเมตร เข้าฟรี |
เวลาทำการ | 8:00 น. – 16:00 น. |
แผนที่ | ดูแผนที่ Google Maps |
3.3 หมู่บ้านต่าฟาน (Ta Van Village)
ลักษณะหมู่บ้าน หมู่บ้านต่าฟานเป็นหมู่บ้านชนเผ่าจ้ายดั้งเดิมค่ะ ประกอบด้วยบ้านเรือนไม้ไผ่สานสวยงาม มุงหลังคาทรงสูง ตั้งเรียงรายอยู่บนพื้นที่ราบเชิงเขารายล้อมด้วยทุ่งนาขั้นบันไดและภูเขาค่ะ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่าฟานยังคงรักษาวิถีชีวิตและประเพณีดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี อาชีพหลักคือการทำนาและเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ยังมีการทำงานหัตถกรรมอย่างการทอผ้า แกะสลักไม้ เป็นต้นค่ะ
ท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวเขาเผ่าจ้าย บ้านเรือน ศิลปะพื้นบ้าน และเดินเที่ยวชมทิวทัศน์นาขั้นบันไดและภูเขารอบหมู่บ้าน และซื้อผลิตภัณฑ์หัตถกรรมพื้นเมือง เช่น ผ้าทอลวดลาย งานแกะสลักไม ได้ค่ะ
พิกัด : ซาปา,หล่าวกาย เวียดนาม
3.4 น้ำตกสีเงิน (Silver Waterfall)
น้ำตกสีเงิน (Silver Waterfall) เป็นน้ำตกธรรมชาติที่สวยงามและเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองแห่งหนึ่งเช่นกันค่ะ น้ำตกสีเงินนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 12 กม. อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติฮัวนเหลียนซอน บริเวณเทือกเขาเฟืองฟ้า
ลักษณะของน้ำตก น้ำตกสีเงินเป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากความสูงประมาณ 100 เมตร ผ่านหน้าผาหินปูนสีขาว ทำให้สายน้ำดูเหมือนเป็นสีเงินวาวเมื่อสะท้อนแสงอาทิตย์ นับเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามอย่างยิ่ง และได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในเมืองนี้ค่ะ โดยนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถรับจ้าง รถเช่า หรือรถทัวร์ไปยังน้ำตก โดยใช้เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติประมาณ 2 กม. dHจะถึงจุดชมวิวบริเวณน้ำตกสีเงินค่ะ นอกจากชมน้ำตกแล้ว ระหว่างทางก็สามารถชมทัศนียภาพของธรรมชาติที่สวยงามได้อีกด้วยค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
อัตราค่าเข้าชม | 20,000 ดอง |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน เวลา 9.00 – 17.00 น. |
แผนที่ | ดูแผนที่ Google Maps |
3.5 ทะเลสาบซาปา (Sapa Lake)
หรือรู้จักกันในชื่อ ทะเลสาบซินชวน (Xin Chuon Lake) เป็นทะเลสาบธรรมชาติที่มีความสวยงามและเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญค่ะ ทะเลสาบซินชวนมีรูปร่างคล้ายพระจันทร์เสี้ยว มีขนาดความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ตั้งอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ของเทือกเขาฟานซีปันหรือเฟืองฟ้าที่สวยงาม บริเวณรอบๆ ทะเลสาบมีทุ่งนาขั้นบันได ป่าไม้เขียวขจี และสวนเกษตรของชาวบ้านค่ะ
จุดชมวิวทะเลสาบ จุดชมวิวยอดนิยมของทะเลสาบอยู่บนถนนสายหลักที่ผ่านหมู่บ้านตาวาน โดยมีจุดจอดรถชมวิวและร้านค้าจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองให้บริการ นักท่องเที่ยวสามารถเดินลงมาเพื่อเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบได้อย่างสวยงาม โดยนอกจากชมวิวทะเลสาบแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเช่าเรือพายเล่นบนผิวน้ำทะเลสาบ เดินเที่ยวชมธรรมชาติโดยรอบ หรือนั่งจิบกาแฟที่ร้านริมทะเลสาบเพื่อชมบรรยากาศได้อีกด้วยค่ะ
พิกัด : ซาปา Sa Pa, จังหวัดหล่าวกาย เวียดนาม
3.6 โมอาน่า คาเฟ่ (Moana Cafe)
โมอาน่า คาเฟ่ (Moana Cafe) เป็นร้านกาแฟและเบเกอรี่ยอดนิยมและเป็นจุดเช็คอินให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเวียดนามไม่น้อยเลยค่ะ คาเฟ่นี้ตั้งอยู่ในย่านชุมชนชนเผ่าแคตแคต (Cat Cat Village) ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวเขาที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเมืองมากนัก โดยบรรยากาศภายในร้านมีการตกแต่งร้านด้วยวัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้ หวาย ให้อารมณ์แบบบ้านสวนชนบท
ภายในร้านมีมุมนั่งรับประทานอาหารกลางแจ้งที่สามารถมองเห็นวิวเขาและทุ่งนาข้าวโพดได้ และนอกจากนี้บริเวณโดยรอบร้านถูกจัดสวนสวยงามด้วยไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิดค่ะ นอกจากอาหารและเครื่องดื่มแล้วที่มีให้เลิกชิมอย่างหลากหลายแล้วนั้น ที่โมอาน่า คาเฟ่ ยังมีมุมจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองให้เลือกซื้อเป็นของฝากอีกด้วย อาทิ ผ้าปัก เสื้อผ้าพื้นเมือง กระเป๋า เครื่องเงิน เครื่องประดับ เป็นต้นค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
อัตราค่าเข้าชม | 80,000 ดอง |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 7.00 – 17.00 น. |
แผนที่ | ดูแผนที่ Google Maps |
3.7 โบสถ์หินแห่งเมืองซาปา (The Ancient Stone Church)
โบสถ์หินแห่งเมืองซาปา (The Ancient Stone Church) หรือที่รู้จักกันในชื่อ โบสถ์คริสต์นิกายโปรแตสแตนต์ เป็นโบสถ์คริสต์สถาปัตยกรรมโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยที่เวียดนามเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสค่ะ โบสถ์หินแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเมืองค่ะ อยู่ริมถนนมุ่งสู่สนามบิน ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กม. โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 1895 โดยคณะนักบวชชาวฝรั่งเศส ในสมัยที่เวียดนามเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส เพื่อใช้ประกอบพิธีทางศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์
โบสถ์หินแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยหินแกรนิตทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีทางเดินและระเบียงโค้งรอบด้านนอก ผนังภายในประดับด้วยกระจกสีสวยงาม ดูโดดเด่นและแปลกตาท่ามกลางบ้านเรือนไม้แบบดั้งเดิมของชาวบ้าน ในปัจจุบันโบสถ์หินยังคงเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ผู้เข้าชมจะต้องแต่งกายให้สุภาพและเรียบร้อย ภายในมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นให้ชมด้วยค่ะ
พิกัด : Tam Dao, Tam Đảo District, Vĩnh Phúc, เวียดนาม
3.8 สะพานแก้วมังกรเมฆ Rong May Glass Bridge
สะพานแก้วมังกรเมฆ (Rong May Glass Bridge) เป็นสะพานแก้วที่สร้างขึ้นใหม่ในช่วงปี 2020 และกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญแห่งใหม่ของเมืองนี้อีกแห่งค่ะ โดยสะพานมังกรเมฆตั้งอยู่ในอุทยานหุบเขามังกรเมฆ (Rong May Valley) ซึ่งห่างจากตัวเมืองประมาณ 14 กม. อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหูาเหลียนสนั (Hoang Lien Son)
ลักษณะของสะพาน สะพานมังกรเมฆเป็นสะพานกระจกใสที่มีความยาว 456.8 เมตร โค้งไปตามหน้าผา มีความสูงจากพื้นหุบเขาประมาณ 150-180 เมตร ถือเป็นสะพานกระจกที่ยาวที่สุดในเวียดนาม จุดเด่นคือสามารถมองเห็นวิวธรรมชาติและหุบเขาได้อย่างงดงาม
สะพานถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นแลนด์มาร์กใหม่ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสธรรมชาติบริเวณหุบเขามังกรเมฆ ซึ่งมีทัศนียภาพที่งดงามแต่เข้าถึงได้ยาก โดยสะพานจะเชื่อมต่อกับเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติในอนาคต นักท่องเที่ยวต้องเดินทางมาที่จุดเริ่มต้นสะพานและเสียค่าบริการเข้าชม จากนั้นจะมีพนักงานนำเดินตรวจสอบความปลอดภัยก่อนเดินข้ามสะพาน ซึ่งจะเห็นวิวธรรมชาติที่สวยงามได้ตลอดเส้นทางค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
อัตราค่าเข้าชม | 500,000 ดอง |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 17.00 น. |
แผนที่ | ดูแผนที่ Google Maps |
3.9 จุดชมวิว ตรามตอนพาส (Tram Ton Pass)
จุดชมวิวตรามตอนพาส (Tram Ton Pass) เป็นจุดชมวิวธรรมชาติที่สวยงาม จุดชมวิวตรามตอนพาสเป็นจุดชมวิวบนเส้นทางขึ้นเขาสู่เทือกเขาฟานซีปัน ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,900 เมตร ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กม. หากมาที่จุดนี้จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาฟานซีปันหรือเฟืองฟ้า ยอดเขาอินทรีซิน รวมถึงพื้นที่อันกว้างใหญ่ของหุบเขาลึกและนาขั้นบันไดสีเขียวขจีของชาวบ้านได้ค่ะ สิ่งที่โดดเด่นของจุดชมวิวแห่งนี้คือ ทัศนียภาพของเส้นทางคดเคี้ยวไปมาบนเนินเขา ซึ่งมองลงไปจะเห็นเป็นรูปตัวพาดสวยงาม เป็นจุดภาพถ่ายที่สวยงามและได้รับความนิยมอย่างมากเลยทีเดียวค่ะ
พิกัด : Sơn Bình, อำเภอตามเดื่อง ไลโจว เวียดนาม
4. เที่ยวเดือนไหนดี
เดือนที่เหมาะสมในการเที่ยวเมืองซาปา ประเทศเวียดนาม มากที่สุดดังนี้ค่ะ
เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์
เป็นช่วงหน้าหนาวที่อากาศหนาวเย็นสบายที่สุดค่ะ อุณหภูมิประมาณ 0-10 องศาเซลเซียส เหมาะกับการเดินเที่ยวชมธรรมชาติ และเป็นช่วง แต่ช่วงนี้จะเป็นช่วง High Season ที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเยอะที่สุด ที่พักและค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าปกติค่ะ
เดือนมีนาคม – พฤษภาคม
เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ประมาณ 10-20 องศา อากาศค่อนข้างอบอุ่นและแจ่มใส เหมาะสำหรับปีนเขาชมวิว ด้วยอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไปและไม่มีฝน เหมาะกับการเดินป่าศึกษาธรรมชาติค่ะ และช่วงนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยกว่าช่วง ธัวาคม – กุมภาพันธ์ ที่พักและค่าใช้จ่ายอาจถูกกว่าค่ะ
เดือนมิถุนายน-สิงหาคม
อุณหภูมิประมาณ 20-30 องศา หากอย่ากชมทุ่งนาขั้นบันไดที่เป็นสีเขียวขจีแนะนำเดือนนี้เลยค่ะ แต่อากาศจะค่อนข้างร้อนอบอ้าวไปสักหน่อยค่ะ
สรุป
ซาปาถือเป็นแหล่งท่องที่ยวหลักของเวียดนามเหนือเลยก็ว่าได้ค่ะ หากนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางมาที่เวียดนามเหนือ เมืองนี้จะอยู่ในแผนการเดินทางของนักท่องเที่ยวแทบจะทุกท่านแน่นอนค่ะ เพราะนอกจากจะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ ป่าเขา แล้วนั้น เมืองนี้ยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมชาวเขาชนเผ่าต่างๆ ที่ยังคงอนุรักษ์กันมาอย่างดีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งอากาศที่เย็นตลอดทั้งปี ทำให้เป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาชอมแบบไม่ขาดสายเลยทีเดียวค่ะ หากใครสนใจทัวร์เวียดนามเหนือ ทาง Lovely Smile Tour มีโปรแกรมให้เลือกมากมาย สามารถคลิกที่ลิงก์เพื่อดูโปรแกรมหรือแอดไลน์ Line ID : @lovelysmiletour เพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลยค่ะ