หากพูดถึงทัวร์อู่ฮั่น ประเทศจีนแล้ว ทุกคนอาจจะนึกถึงแค่โรคระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า แต่รู้หรือไม่ว่าที่อู่ฮั่น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากมาย ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒธรรม และยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยอีกด้วย ซึ่งในบทความนี้เราจะมารีวิวทัวร์อู่ฮั่น 5 วัน 4 คืน ที่ได้เดินทางไปท่องเที่ยวกับทางบริษัททัวร์มาค่ะ การไปเที่ยวอู่ฮั่นหลังจากประเทศเปิดนั้นจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง หรือใครที่กำลังมีแพลนที่จะไปเที่ยวแบบโปรแกรมทัวร์จีน สามารถดูรีวิวนี้ก่อนได้เลย
วันที่ 1 ของทัวร์อู่ฮั่น 5 วัน 4 คืน
สนามบินดอนเมือง – สนามบินนานาชาติอู่ฮั่นเทียนเหอ – รับประทานอาหารกลางวันที่สนามบิน – นั่งรถไฟความเร็วสูงไปยังเขาบู๊ตึ๊ง – เข้าที่พัก – รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม – ชมการแสดง
สนามบินดอนเมือง (Don Mueang Airport)
วันแรกของการเดินทาง โดยจะเริ่มต้นที่สนามบินดอนเมือง ไฟล์ทที่เดินทางไปอู่ฮั่นจะเป็นไฟล์ทช่วงเช้าเวลา 07.00 น. ไฟลท์นี้บินโดยสายการบินแอร์เอชีย ซึ่งทัวร์อู่ฮั่น จะนัดเจอกันที่สนามบินเวลา 04.00 น. และในวันที่เดินทางจะเป็นช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ ทำให้ที่สนามบินมีผู้โดยสารเดินทางไปท่องเที่ยวและรอเช็คอินเยอะมาก หากใครที่เดินทางช่วงวันหยุดเเนะนำให้เผื่อเวลาด้วย หลังจากที่ได้ทำการเช็คอินและโหลดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเข้าไปนั่งรอในเกท ตรงนี้จะให้อิสระสามารถหาอะไรทาน หรือจะเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวระหว่างที่รอขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ เมื่อถึงเวลาประมาณ 06.20 น. ทางเจ้าหน้าที่สายการบินได้ทำการประกาศให้ขึ้นเครื่องได้ค่ะ โดยจะบินไปถึงสนามบินนานาชาติอู่ฮั่นเวลาประมาณ 11.35 น. ค่ะ ซึ่งที่จีนเวลาจะเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง

สนามบินนานาชาติอู่ฮั่นเทียนเหอ (Wuhan Tianhe Airport)
เมื่อเดินทางถึงสนามบินอู่ฮั่นแล้ว จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการผ่านตม. ค่ะ ก่อนจะเข้าไปข้างในจะต้องมีการกรอกใบตม.ขาเข้าจีน เพื่อนำไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ถ้ามาท่องเที่ยวกับทัวร์ ทัวร์จะกรอกให้เเล้วเราสามารถเซ็นชื่อได้เลยค่ะ สำหรับใครที่ยังไม่มีตอนอยู่บนเครื่องแอร์จะมีการแจกใบตม.ให้ หรือบริเวณทางเข้าก็จะมีใบตม. ให้เช่นกันค่ะ หลังจากที่ผ่านตม. แล้ว ก็จะไปรอรับกระเป๋าที่สายพานได้เลย

รับประทานอาหารกลางวัน
หลังจากที่ผ่านตม. และรับกระเป๋ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นทางทัวร์จะพาเดินออกมาแวะรับประทานอาหารกลางวันที่สนามบิน โดยอาหารที่จีนส่วนใหญ่จะเป็นแบบโต๊ะจีน ส่วนมากจะเป็นอาหารท้องถิ่น ที่มีทั้งรสชาติจัดจ้านและไม่จัดจ้าน จะมีความออกมันนิดหน่อย และรสชาติของอาหารจะอยู่ที่กลางๆ พอทานได้ค่ะ ซึ่งทางร้านก็จะทยอยมาเสริฟ์เรื่อยๆ จะไม่ได้เสิร์ฟพร้อมกันทีเดียว โดยรวมแล้วเรื่องรสชาติอาจจะแปลกนิดหน่อย แต่ก็มีบางเมนูที่อร่อยใช้ได้เลยค่ะ


นั่งรถไฟความเร็วสูง
หลังจากได้รับประทานอาหารกลางวันกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินทางลงไปชั้นข้างล่างของสนามบินเพื่อไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงไปยังเขาบู๊ตึ๊ง โดยก่อนจะเข้าไปยังสถานีจะต้องทำการสแกนกระเป๋าให้เรียบร้อยก่อนค่ะ เมื่อขึ้นไปยังรถไฟแล้วจะต้องทำการเก็บกระเป๋าไว้บนชั้นให้เรียบร้อย โดยจะใช้เวลาในการนั่งรถไฟจากสถานีสนามบินอู่ฮั่นไปถึงเขาบู๊ตึ๊งประมาณ 3 ชั่วโมง เมื่อถึงจุดหมายปลายทางแล้ว จะมีรถบัสมารอรับเพื่อเดินทางไปยังที่พักค่ะ


โรงแรม Narada Wudangshan Hubei
หลังจากที่นั่งรถไฟมานานถึง 3 ชั่วโมง ถึงเวลาเข้าที่พักกันแล้ว ซึ่งที่พักเราจะพักกันที่โรงแรม Narada Wudangshan Hubei เป็นเวลา 2 คืนด้วยกัน เมื่อมาถึงจะมีพนักงานของโรงแรมนำกระเป๋าขึ้นไปยังชั้นที่เราจะพักให้ และทางไกด์ก็แจกคียการ์ดให้ และให้เวลาทำธุระส่วนตัวก่อนจะลงไปรับประทานอาหารค่ำที่ห้องอาหารของโรงแรมค่ะ ซึ่งอาหารที่โรงแรมจะค่อนข้างหลายหลาย ที่ทั้งอาหารท้องถิ่น ของหวาน และผลไม้สดๆ ให้ได้ทานกันค่ะ




ชมการแสดงที่โรงละคร
หลังจากที่รับประทานค่ำเรียบร้อยแล้ว ประมาณเวลา 19.50 น . ไกด์ก็จะพาไปชมการเเสดงที่โรงละคร ซึ่งจะอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากในเวลาเดินทางประมาณ 10 นาที เป็นการแสดงที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเขาบู๊ตึ๊ง บอกเลยว่าสวยงามและอลังการมาก โดยการแสดงใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง หลังชมการแสดงจบก็กลับเข้าโรงแรม และขึ้นไปพักผ่อนกันค่ะ


วันที่ 2 ของทัวร์อู่ฮั่น 5 วัน 4 คืน
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม – เข้าร่วมสัมมนา – รับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรม – เดินทางไปเขาบู๊ตึ๊ง – ตำหนักทอง – ตำหนักจื่อเซียวกง – กลับเข้าที่พัก – รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม
เข้าร่วมสัมมานา
หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว ประมาณ 09.00 – 11.30 น. ได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวภายในมลฑลหูเป่ย ที่หอประชุมของโรงแรม เป็นการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆภายในมลฑลหูเป่ย เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้มาท่องเที่ยวกันค่ะ หลังจากสัมมนาเสร็จเรียบร้อยก็ได้รับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรม ไกด์จะให้เวลาเตรียมตัว และประมาณ 13.00 น. ก็จะออกเดินทางไปยังเขาบู๊ตึ๊งกันค่ะ

เขาบู๊ตึ๊ง (Wudang Mountain)
เขาบู๊ตึ๊ง หรือ เขาอู่ตัง เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ในมณฑลหูเป่ย์ เป็นแหล่งกำเนิดของศิลปะการต่อสู้และปรัชญาของลัทธิเต๋า ที่ปรมาจารย์เจินอู่ หรือเทพเจ้าเสวียนอู่ ได้บำเพ็ญตบะบนบอดเขาแห่งนี้ โดยมีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 321 ตารางกิโลเเมตร ที่นี่มีชื่อเสียงในด้านความงามของธรรมชาติและประวัติศาสตร์ยาวนาน และได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญของจีน บู๊ตึ๊งเป็นที่ตั้งของวัดและสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่งดงาม ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1994 อีกด้วย
การเดินทางเราจะนั่งรถบัสขึ้นไป โดยทางขึ้นเขาจะค่อนข้างสูง และมีทางโค้งเยอะ หากใครที่เมารถง่ายแนะนำให้ทานยาเมารถไว้ก่อนเลย โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 50 นาที ก็มาถึงบริเวณที่จอดรถ จากนั้นเราจะต้องเดินเท้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อจะไปนั่งกระเช้าขึ้นไปด้านบน ซึ่งข้างทางก็จะมีร้านค้า ขายของต่างๆให้ได้ซื้อเลือกกันค่ะ

หลังจากที่นั่งกระเช้าขึ้นมาแล้วจะต้องเดินเท้าขึ้นบันไดไปยังยอดเขา ที่เป็นที่ตั้งของตำหนักทองค่ะ ในระหว่างทางที่เดินขึ้นไปทางบันไดจะค่อนข้างชัน จะต้องระวังๆมากๆ ซึ่งแต่ละจุดก็จะมีศาลเจ้าต่างๆ ให้ได้สักการะ และขอพรกัน และก็จะมีที่พักหรือร้านค้าให้เรานั่งพัก หรือซื้อน้ำทานได้




ตำหนักทอง (The Golden Hall)
หลังจากที่เราเดินขึ้นบันไดมา ก็ได้มาถึงยังยอดเขาที่เป็นที่ตั้งของตำหนักทอง หรือจินเตี้ยน เป็นวิหารใหญ่แห่งลัทธิเต๋า สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1416 มีความสูงประมาณ 5.5 เมตร กว้าง 5.8 เมตร สร้างจากทองเเดงหนัก 20 ตัน และทองคำ 300 กิโลกรัม ภายในเป็นที่ประดิษฐานของ เทพเจ้าเสวียนเทียนซั่งตี้ มีความเชื่อกันว่า หากใครที่มาสักการะที่นี่จะนำพาความโชคดีและโชคลาภมาสู่ตนเอง

เมื่่อสักการะเสร็จเรียบร้อยแล้วจะต้องเดินลงบันไดกลับอีกทาง ซึ่งจะเป็นบริเวณด้านหลังของตำหนักทอง ก่อนเดินลงจะมีร้านขายเครื่องลาง ของบูชา มีกุญเเจคล้อง และด้ายแดง สามารถเขียนชื่อขอพรและนำไปผูกติดบริเวณกำแพงทางเดินได้เลย จากนั้นเดินลงบันไดและนั่งกระเช้าลงกลับมายังด้านล่างเพื่อไปขึ้นรถ ประมาณเวลา 16.40 ได้ออกเดินทางไปยังตำหนักจื่อเซียงกงกันต่อ



ตำหนักจื่อเซียวกง (Purple Cloud Palace)
เมื่อประมาณเวลา 17.40 น. ได้เดินทางลงเขามาถึงยังตำหนักจื่อเซียงกง หรืออารามเมฆม่วง ซึ่งก่อนเดินขึ้นไปบริเวณด้านหน้าก็ได้มีการแสดงให้ได้ชมกันเป็นการแสดงเกี่ยวกับการเล่าเรื่องราวของเขาบู๊ตึ๊ง หลังจากนั้นเราก็ได้เดินขึ้นบันไดไปยังที่ตั้งของตำหนักกัน และช่วงที่ขึ้นไปจะมีการแสดงรำไทเก๊กให้ได้ชมกันด้วย บอกเลยว่าตื่นเต้นสุดๆ โดยตำหนักแห่งนี้ได้สร้างขึ้นในปี ค.ศ 1413 สมัยหย่งเล่อฮ่องเต้ เป็นพระราชวังที่องค์เทพเสียนอู่ ได้เคยพำนักเมื่ออยู่บนเขาบู๊ตึ๊ง โดยสถาปัตยกรรมจะมีความงดงามและเก่าแก่คล้ายคลึงกับพระราชวังกู้กงแห่งกรุงปักกิ่ง ในอดีตเป็นสถานที่ซึ่งฮ่องเต้มาทำพิธีกรรมต่างๆ โดยปัจจุบันได้รับการบูรณะและอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี



ประมาณ 18.20 น. ได้เดินทางกลับเข้าที่พัก จะใช้เวลาเดินทางกลับประมาณ 50 นาที เมื่อเดินทางถึงโรงแรมแล้ว ก็ได้รับประทานอาหารค่ำก่อนจะขึ้นห้องไปพักผ่อนกันค่ะ
วันที่ 3 ของทัวร์อู่ฮั่น 5 วัน 4 คืน
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม – โรงเรียนฝึกสอนศิลปะนานาชาติ – พระราชวังหยูซู – พิพิธภัณฑ์ Wudang – รับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรม เช็คเอ้าท์ – ถนนเก่าฟ่างเซี่ยน – เดินทางไปเสินหนงเจี้ย – รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม – เข้าที่พัก
โรงเรียนฝึกสอนศิลปะนานาชาติ
วันที่ 3 ของการท่องเที่ยว หลังจากที่ได้รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวลา 08.00 น. ได้ออกเดินทางไปยังโรงเรียนฝึกสอนเรียนกังฟู เพื่อชมการแสดงจากนักเรียนที่ได้เข้าไปเรียนกังฟูที่นั่น โดยการแสดงเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านศิลปะต่อสู้ป้องกันตัวของบู๊ตึ๊ง ซึ่งจะใช้เวลาในการชมการแสดงประมาณ 40 นาที จากนั้นเวลา 10.00 น. จากนั้นออกเดินทางไปยังพระราชวังหยูซูกันต่อค่ะ

พระราชวังหยูซู (Yu Xu Palace)
เดินทางไม่นานก็มาถึงยังพระราชวังหยูซู โดยพระราชวังมีชื่อเต็มที่เรียกว่า พระราชวังซวนเทียนหยูซู สร้างขึ้นในปีที่ 10 ของรัชสมัยหย่งเล่อ เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของคนงาน ช่างฝีมือ และทหารเก่ากว่า 300,000 คน ที่สร้างภูเขาอู่ตังทั้งหมด โดยมีเจ้าหน้าที่ของจักรพรรดิเป็นผู้นำ และในทุกๆปีของวันที่ 3 มีนาตามปฏิทินจันทรคติ จะต้องมีพิธีกรรมเต๋า และพระราชวังแห่งนี้ได้รับการให้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในวันที่ 15 ธันวาคม ปี 1994 อีกด้วย

โดยภายในแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน ชั้นในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปกราบไหว้ ขอพรกันได้ แต่ช่วงที่ไปได้มีการปิดปรับปรุงจึงไม่สามารถเข้าไปได้ค่ะ

พิพิธภัณฑ์ Wudang
เวลา 11.00 น. ออกเดินทางไปยัง พิพิธภัณฑ์ Wudang ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 20 นาที โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับอู่ตัง หรือภูเขาบู๊ตึ๊ง โดยเข้าไปเราจะได้ไปยืนบนสะพานแก้วชมแสดงภาพยนตร์ digital แบบ 4 มิติ เป็นการนำเสนอภาพและเสียงที่ถ่ายทอดภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาอู่ตัง เสมือนกับเราได้เข้าไปอยู่ในนั้นด้วยจริงๆ เราจะใช้เวลาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ 1 ชั่วโมง


จากนั้นกลับโรงแรมเพื่อรับประทานอาหารกลางวันและขึ้นไปห้องพักเก็บกระเป๋า และทำการเช็คเอ้าท์ ออกจากโรงแรมประมาณ 13.15 น. เพื่อจะเดินทางไปยังถนนเก่าฟางเซี่ยน
ถนนเก่าฟ่างเซี่ยน (Fangxian)
หลังจากนั่งรถประมาณ 1.30 ชั่วโมง ได้เดินทางมาถึงถนนเมืองเก่าฟ่างเซี่ยน ซึ่งเมื่อก่อนที่แห่งนี้เคยเป็นตลาดโบราณ และได้รับการให้รีโนเวทใหม่ให้เป็นถนนโบราณท่องเที่ยว ภายในบรรยากาศค่อนข้างดี บ้านเมืองสวย มีที่ให้ได้ถ่ายรูปสวยๆเยอะเลย นอกจากนี้ยังมีร้านค้า ของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านน้ำต่างๆ ให้ได้เลือกช้อปกันค่ะ

จากนั้นเวลา 16.00 น. ออกเดินทางไปยังเสินหนงเจี้ยกันต่อ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อเดินทางไปยังที่พักที่อยู่ในเขตอุทยานเสินหนงเจี้ย
โรงแรม Crowne Plaza
เวลา 20.00 น. ได้เดินทางมาถึงโรงแรม Crowne Plaza โดยจะนอนพักที่นี่เป็นเวลา 1 คืน โรงแรมเเห่งนี้จะตั้งอยู่บนเขาในเขตอุทยานเสินหนงเจี้ย อากาศค่อนข้างหนาวเย็น เมื่อมาถึงทางไกด์ได้ทำการแจกคีย์การ์ดให้กับทุกคน จากนั้นเข้าไปรับประทานอาหารค่ำที่โรงแรมได้จัดเตรียมไว้ให้ อาหารส่วนใหญ่เป็นโต๊ะจีน จะทยอยเสิร์ฟเรื่อยๆ จะไม่ได้มาพร้อมกัน อาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารท้องถิ่นทั่วไปเลยค่ะ หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อยขึ้นไปพักผ่อน และจะต้องจัดกระเป๋าไว้เลย เพราะตอนเช้าจะต้องเอากระเป๋าลงไปล็อบบี้ตั้งแต่เช้า




วันที่ 4 ของทัวร์ฮู่ฮั่น 5 วัน 4 คืน
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ้าท์ – อุทยานเสินหนงเจี้ย – รับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรม – บ้านแพนด้ายักษ์เสินหนงเจี้ย – เสินหนงถัน – รับประทานอาหารค่ำร้านอาหาร – นั่งรถไฟความเร็วสูงกลับเมืองอู่อั่น – เข้าที่พัก
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
เช้าของวันที่ 4 ของการเดินทาง วันนี้เราต้องเอากระเป๋ามาล็อกบี้ประมาณ 07.30 น. และรับประทานอาหารก่อนเวลา 08.00 น. เพราะห้องอาหารจะปิดเวลา 08.00 น. ซึ่งอาหารที่โรงแรมเป็นบุฟเฟ่ต์สามารถเลือกทานได้เลย หลังจากทานอาหารเช้าทำการเช็คเอ้าท์ และเตรียมตัวออกเดินทางไปยังอุทยานเสินหนงเจี้ยกันต่อ เวลา 08.30 น. ได้เวลาออกเดินทางกันจากโรงแรม

อุทยานเสินหนงเจี้ย (Shennongjia National Park)
โดยอุทยานเสินหนงเจี้ยเป็นเขตรักษาพันธุ์ธรรมชาติมีพื้นที่ครอบคลุมประมาณ 3,253 ตารางกิโลเมตร และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากมากมายถึง 158 ชนิด อีกทั้งยังมีพันธุ์พืชเฉพาะถิ่นที่ค้นพบใหม่ถึง 6 ชนิดในปี 2023 นับเป็นสถานที่อุดมไปด้วยความหลาหกหลายทางชีวภาพและสภาพแวดล้อมป่าดั้งเดิมที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในจีน และได้การรับรองจากยูเนสโกในฐานะพื้นที่มรดกโลก ภูมิอุทยาน และเขตชีวมณฑลอีกด้วย
การเดินทางขึ้นไปยังอุทยานเราจะนั่งรถบัสขึ้นไป ซึ่งทางขึ้นไปจะค่อนข้างชัน และมีทางโค้งเยอะ เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ได้เดินทางมาถึงยังจุดชมวิวที่ 1 หุบเขาเสินหนง เป็นหุบเขาที่ถูกกัดเซาะเป็นเวลาหลายพันปี ทำให้เกิดหุบเขาที่ทับซ้อนกัน มีความลึกถึง 1,000 เมตร โดยจุดชมวิวนี้มีความสูงประมาณ 2,830 เมตร สามารมองเห็นวิว ทัศนียภาพของป่าหิน และหุบเขาได้อย่างสวยงาม วิวที่นี่จะมีความคล้ายกับที่จางเจียเจี้ย

จุดชมวิวที่ 2 เป็นจุดชมวิวทาวเวอร์ของค่ายทหารเก่า ซึ่งเราจะต้องเดินทางเท้าขึ้นบันไดไปยังจุดชมวิว จากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวภูเขาที่สลับทับซ้อนกันอย่างสวยงาม และเป็นจุดชมวิวที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,291.9 เมตร


จุดชมวิวที่ 3 เป็นจุดชมวิวป่าหินของ Cliffy Rocks มีชื่อเสียงในด้านป่าหินยิ่งใหญ่และแปลกประหลาด เกิดจากกัดกร่อนและสภาพดินฟ้าอากาศคาร์บอนเนตก่อตัวเป็นเสารูปทรงต่างๆ ที่มีความสูงมากกว่า 5 เมตร ซึ่งมีภูมิทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม จากจุดนี้มีความสูงประมาณ 2,590 เมตร ซึ่งเราจะต้องเดินขึ้นบันได ตามทางไปเรื่อยๆ จะเจอวิวทุ่งหญ้าป่าสน และโขดหินที่สวยงาม



รับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรม
ประมาณ 13.00 น. ได้ออกเดินทางและแวะรับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรม เป็นอาหารแบบโต๊ะจีน อาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารท้องถิ่นค่ะ ซึ่งเราจะใช้เวลาทานอาหารที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง และประมาณ 14.00 น. ได้ออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่อไปกัน


บ้านแพนด้ายักษ์เสินหนงเจี้ย (Shennongjia Giant Panda House)
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย เราก็ได้เดินทางมาถึงยังบ้านแพนด้ายักษ์เสินหนงเจี้ย โดยตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติเสินหนงเจี้ย เป็นหนึ่งในสถานที่ที่สำคัญในการดูแล อนุรักษ์ และวิจัยแพนด้ายักษ์ ด้วยสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งป่าไม้ ภูเขา และอากาศบริสุทธิ์ เสินหนงเจี้ยจึงกลายเป็นบ้านที่เหมาะสมสำหรับสัตว์หายากอย่างแพนด้ายักษ์ ที่แห่งนี้เป็นทั้งศูนย์เพาะพันธุ์ ศูนย์วิจัย และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมชีวิตประจำวันของแพนด้า เช่น การกินไผ่ การเล่น

ซึ่งในช่วงที่ไปมีการเลี้ยงอนุรักษ์แพนด้ายักษ์เอาไว้อยู่ 2 ตัว โดยที่อยู่อาศัยของแพนด้ามีพื้นประมาณ 7,133 ตารางเมตร นอกจากนี้บริเวณชั้นบนของบ้านแพนด้ายักษ์ยังมีของฝากของที่ระลึกที่เกี่ยวกับสินค้าแพนด้าจำหน่ายอีกด้วย



เสินหนงถัน (Shennong Altar)
จากนั้นประมาณ 15.20 น. เดินทางไปยังเสินหนงถัน หรือแท่นบูชาเสินหนง ซึ่งที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นเพื่อสักการะ “จักรพรรดิเสินหนง” หนึ่งในสามจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานจีนโบราณ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการเกษตรและการแพทย์แผนโบราณของจีน ตามตำนาน เสินหนงเป็นผู้คิดค้นการไถนา การปลูกพืช และทดลองสมุนไพรกว่าร้อยชนิดด้วยตนเอง เพื่อรักษาโรคภัยให้ผู้คน จึงได้รับความเคารพอย่างสูงจากชาวจีนมาหลายพันปี ตรงกลางแท่นบูชามีรูปปั้นหัววัวและร่างมนุษย์อันสง่างามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเสินหนง ยืนอยู่ท่ามกลางภูเขาสูง 21 เมตรและกว้าง 35 เมตร เมื่อเดินลงบันไดไป จะพบระฆัง กลอง ขาตั้ง และธูปหอม ซึ่งเป็นเครื่องมือในการบูชายัญมากมาย

นอกจากนี้ยังมีต้นไม้พันปี ที่มีอายุมากกว่า 1,200 ปี มีความสูง 48 เมตร มีเส้นผ่าสูงกลาง 2.8 เมตร ต้องมีมากกว่า 6 คนจับมือกันถึงจะกอดรอบต้นไม้ได้ และมีต้นไม้ที่เคยโดนฟ้าผ่ามีรูปองค์เทพกสิกรอยู่ตรงกลางต้นไม้ คนที่มาเยี่ยมชมต่างกราบไหว้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล และประมาณ 16.00 น. เดินทางกลับเพื่อไปรับประทานอาหารค่ำที่ร้านอาหาร

รับประทานอาหารค่ำร้านอาหาร
ก่อนจะเดินทางกันต่อ ได้แวะรับประทานอาหารค่ำในอำเภอซินสาง เป็นร้านอาหารเล็กๆในตึก อาหารมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผัดพัก ซุป ปลานึ่ง และมื้อนี้มีไข่เจียวให้ด้วย บอกเลยคิดถึงอาหารไทยสุด นอกจากนี้ยังมีผลไม้สดให้รับประทานอีกด้วย

นั่งรถไฟความเร็วสูงกลับเมืองอู่อั่น
หลังจากรับประทานเรียบร้อย เวลาประมาณ 18.40 ได้ออกเดินทางไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูงเพื่อเดินทางกลับไปเมืองอู่ฮั่น โดยจะออกเดินทางรอบ 19.32 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง เมื่อถึงยังจุดหมายปลายทางแล้ว จะมีรถบัสมารอรับเพื่อเดินทางเข้าที่พักกัน

โรงแรม Metro
หลังจากท่องเที่ยวและเดินทางมาทั้งวันแล้ว เราก็ได้เข้าที่พักกัน คืนนี้เราจะพักกันที่โรงแรม Metro เป็นเวลา 1 คืน หลังจากที่ไกด์แจกคีย์การ์ดและนัดหายเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องขึ้นไปพักผ่อน เพราะเช้าวันถัดไปเราจะต้องตื่นเช้า เก็บกระเป๋า และทำการเช็คเอ้าท์กันค่ะ


วันที่ 5 ของทัวร์อู่ฮั่น 5 วัน 4 คืน
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ้าท์ – ทดลองนั่งรถไฟรางแขวน – the China Architectural Science and Technology Museum – ถนนคนเดินฉู่ฮั่นเจีย – รับประทานอาหารกลางวัน – วัดกู่เต๋อ – สนามบินอู่ฮั่นเทียนเหอ – สนามบินดอนเมือง
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
วันสุดท้ายของการท่องเที่ยวทัวร์อู่ฮั่น ประมาณ 07.00 น. ได้ลงมารับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม อาหารจะเป็นบุฟเฟ่ต์สามารถเลือกทานได้ตามอัธยาศัยเลย โดยเมื่อเช้าที่โรงแรมจะมีอาหารอย่างเช่น ผัดพัก ข้าวผัด แฮม ไข่ดาว เกี้ยวเป็นต้นค่ะ หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสี็จเรียบร้อยแล้ว ได้ทำการเช็คเอ้าท์ และเวลา 08.00 น. ออกเดินทางไปไปยังสถานีรถไฟรางแขวนกันค่ะ


รถไฟรางแขวน
ประมาณเวลา 09.45 น. ได้เดินทางมาถึงยังสถานีรถไฟรางเเขวน ซึ่งเป็นรถไฟที่ไร้คนขับ ที่มีเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ที่ช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด อีกทั้งยังลดการปล่อยคาร์บอนอีกด้วย ซึ่งที่นี่ได้เปิดให้บริการวันที่ 11 พฤษภาคม 2023 สามารถวิ่งวิ่งได้ประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รับคนได้มากถึง 260 คน สามารถถ่ายรูปได้แบบ 270 องศา


The China Architectural Science and Technology Museum
นิทรรศการเกี่ยวกับโควิด
จากนั้นเวลา 11.00 น. ได้เดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์โควิด เป็นการจัดแสดงนิทรรศการในหัวข้อ “ordinary heroes create China speed” จัดเเสดงเกี่ยวกับโควิดตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าไปจนถึงการสร้างโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วเพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยโควิด


นิทรรศการการก่อสร้างและเทคโนโลยี
จากนั้นได้มาชมพิพิธภัณฑ์การก่อสร้างต่อ เป็นอาคารใกล้กับอาคารที่จัดนิทรรศการเกี่ยวกับโควิด เดินมาไม่นานก็มาถึง ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับโครงสร้าง การก่อสร้างบ้านเมือง ตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบันว่าแต่ละสถานที่มีการสร้างขึ้นมายังไงบ้าง มีการใช้เทคโลยีอะไรบ้าง


ถนนคนเดินฉู่เหอฮั่น (Chuhehan Street)
เวลา 12.30 น เดินทางมาถึงถนนคนเดินฉู่เหอฮั่น เป็นแหล่งช้อปปิ้งหลักของเมืองอู่ฮั่น ทั้งสองข้างทาง ตึกต่างๆ ตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรป ที่นี่มีร้านค้า ร้านอาหาร เสื้อผ้าเเบรนด์เนมมากมาย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีร้าน Pop Mart ให้ได้จุ่มอย่างจุใจ ใครสาวกนี่ห้ามพลาดเลย ซึ่งใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 50 นาที หลังจากนั้นเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมกันต่อ


รับประทานอาหารกลางวัน
หลังจากนั่งรถมาประมาณ 1 ชั่วโมง ได้เดินทางมาถึงโรงแรมเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ที่โรงแรมจัดเป็นแบบโต๊ะจีน ส่วนใหญ่เป็นอาหารท้องถิ่นเช่นเคยค่ะ อย่างเช่นซุป ผัดพัก ผัดวุ้นเส้นเป็นต้น ส่วนใหญ่จะทยอยมาเสิร์ฟเรื่อยๆค่ะ หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อยประมาณเวลา 14.30 น. ออกเดินทางไปยังวัดกู่เต๋อกันค่ะ

วัดกู่เต๋อ (Gude Temple)
เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย เป็นเวลาประมาณ 15.00 น. ได้เดินทางมาถึงยังวัดกู่เต๋อ เป็นวัดพุทธมหายานที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรป สไตล์โกธิค-โรมัน คล้ายกับโบสถ์คริสต์ในยุโรป สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1919 ภายใต้การสนับสนุนจากหลี่หยวนหง ขุนนางระดับต้นๆ และนอกจากนี้ยังมีพระพรหมสี่หน้าที่ประดิษฐานอยู่ตรงลาน ที่นำมาจากเมืองไทย คนวัยรุ่นหนุ่มสาวนิยมมากราบไหว้ขอพร และมาถ่ายรูปเช็คอินกัน เพราะโบสถ์มีเอกลักษณ์และสวยงามมากจริงๆ



สนามบินอู่ฮั่นเทียนเหอ
หลังจากที่เที่ยวมาตลอด 5 วัน ถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับไทยแล้ว เวลา 15.30 น. เดินทางไปยังสนามบินเพื่อทำการเช็คอิน โหลดกระเป๋า เข้าไไปนั่งรอขึ้นเครื่องในเกท ระหว่างนี้สามารถหาอะไรทานลองท้องได้เลย โดยไฟลท์บินขากลับออกเดินทางเวลา 18.25 น. กลับถึงไทยสนามบินดอนเมืองเวลาประมาณ 20.55 น. ค่ะ

สรุป
โดยสรุปแล้ว การไปเที่ยวทัวร์อู่ฮั่นหลังประเทศเปิดให้ท่องเที่่ยวนั้น อู่ฮั่นเป็นอีกเมืองที่น่าสนใจมากๆ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยงามมากมาย ทริปนี้ถือว่าได้เที่ยวไฮไลท์สำคัญของที่นี่เลย และนอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมายที่รอให้ได้ไปท่องเที่ยวกันค่ะ หากใครสนใจไปเที่ยวทัวร์จีน สามารถทักมาสอบถามข้อมูลหรือแอดไลน์มาได้ที่ LINE ID : @lovelysmiletour ได้เลย