ทัวร์ยุโรปตะวันออก
Lovely Smile Tour มีแพกเก็จ ทัวร์ยุโรปตะวันออก ให้เลือกหลากหลายเส้นทาง ได้แก่ เยอรมัน ออสเตรีย เช็ค สโลวาเกีย ฮังการี เที่ยวครบทุกไฮไลท์เด็ด สนใจจองแพ็กเกจไหน แอดไลน์หรือโทรสอบถามได้เลย
10 ที่เที่ยวทัวร์ยุโรปตะวันออก
ยุโรปตะวันออก คือหนึ่งในเส้นทางทัวร์ยุโรปท่องเที่ยวยอดนิยมที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมอันงดงาม ชวนให้ได้สัมผัสกับกลิ่นอายของยุโรปคลาสสิก ไม่ว่าจะเป็นปราสาทเก่าแก่ พระราชวังสุดหรู หรือจัตุรัสใจกลางเมืองที่ยังคงรักษาเสน่ห์แบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี จะมีสถานที่ที่น่าสนใจที่ไหนบ้าง ติดตามจากบทความนี้ได้เลย
สารบัญ
- ปราสาทเทพนิยาย นอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle)
- จัตุรัสมาเรียนพลาสท์ (Marienplatz)
- พระราชวังและสวนมิราเบล (Mirabell Palace and Gardens)
- จัตุรัสเรสซิเดนท์ (Residenzplatz)
- ปราสาทเชสกี้ครุมลอฟ (Cesky Krumlov Castle)
- สะพานชาร์ล (Charle Bridge)
- ปราสาทปราก (Prague Castle)
- ปราสาทบราทิสลาว่า (Bratislava Castle)
- พระราชวังและสวนเชินน์บรุน (Palace and Gardens of Schonbrunn)
- ถนนคาร์ทเนอร์ (Kartner Street)
1. ปราสาทเทพนิยาย นอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle)
ปราสาทนอยชวานสไตน์ ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ผู้มีจินตนาการล้ำลึกและหลงใหลในศิลปะดนตรี โดยเฉพาะผลงานของคีตกวีริชาร์ด วากเนอร์ (Richard Wagner) ปราสาทแห่งนี้จึงไม่ใช่เพียงสิ่งปลูกสร้างธรรมดา แต่เป็นการหล่อหลอมระหว่างสถาปัตยกรรมยุคกลาง ความฝัน และจินตนาการ ราสาทแห่งนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับปราสาทดิสนีย์ และถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งใน "ปราสาทที่สวยที่สุดในโลก" สิ่งที่ทำให้ปราสาทนอยชวานสไตน์โดดเด่น คือการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโกธิค โรมาเนสก์ และศิลปะแบบบาวาเรียน เข้ากับบรรยากาศธรรมชาติรอบด้านที่สวยงามราวภาพวาด ภายในปราสาทตกแต่งอย่างวิจิตร บันไดหิน แชนเดอเลียร์ทอง และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวตำนานต่าง ๆ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ของทัวร์ยุโรปตะวันออก

2. จัตุรัสมาเรียนพลาสท์ (Marienplatz)
จัตุรัสมาเรียนพลาสท์ (Marienplatz) คือศูนย์กลางประวัติศาสตร์อันมีชีวิตชีวาของเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นลานกว้างกลางเมือง แต่ยังเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และจุดนัดพบของผู้คนทั้งชาวเยอรมันและนักท่องเที่ยวทัวร์ยุโรปตะวันออกจากทั่วโลก Marienplatz มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 โดยเคยเป็นสถานที่จัดตลาดกลางและงานเทศกาลต่าง ๆ ในยุคกลาง ชื่อของจัตุรัสมาจาก "Mary" หรือพระแม่มารี ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวเมือง โดยตรงกลางจัตุรัสมีเสาแมเรียน (Mariensäule) ประติมากรรมทองคำของพระแม่มารีตั้งโดดเด่นอยู่เหนือฐานหินอ่อน เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะและความสงบสุข สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดในมาเรียนพลาสท์คือ ศาลาว่าการเมืองมิวนิกหลังใหม่ (Neues Rathaus) สถาปัตยกรรมสไตล์นีโอโกธิคที่ตระการตา ด้านหน้ามีหอนาฬิกาสูงกว่า 85 เมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Glockenspiel หุ่นกลนาฬิกาเคลื่อนไหวที่บรรเลงเสียงระฆังพร้อมโชว์เรื่องราวประวัติศาสตร์วันละสองรอบ (เช้าและบ่าย) ซึ่งเป็นไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวทัวร์ยุโรปตะวันออกไม่ควรพลาด

3. พระราชวังและสวนมิราเบล (Mirabell Palace and Gardens)
พระราชวังมิราเบลถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1606 โดยอาร์คบิชอป วูล์ฟ ดิทริช ฟอน เรเทนาว (Wolf Dietrich von Raitenau) เพื่อเป็นที่พำนักของคนรักของเขา โดยชื่อเดิมคือ "Altenau Palace" ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น “Mirabell” ซึ่งหมายถึง "งดงามน่าพิศวง" ในภาษาอิตาลี พระราชวังมิราเบลไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่สวยงามและมีชื่อเสียงระดับโลก แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) ด้วยเสน่ห์ของทั้งตัวอาคารและสวนดอกไม้ที่บานสะพรั่งรอบปี สวนมิราเบล (Mirabell Gardens) เป็นหัวใจของพระราชวัง ด้วยการจัดวางแบบสมมาตรและความประณีตของศิลปะภูมิทัศน์แบบฝรั่งเศส

4. จัตุรัสเรสซิเดนท์ (Residenzplatz)
จัตุรัสเรสซิเดนท์ (Residenzplatz) ถือเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญของเมืองซาลซ์บูร์ก (Salzburg) ประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า (Altstadt) อันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก บริเวณนี้ไม่เพียงเป็นแหล่งรวมสถาปัตยกรรมบาโรกที่งดงาม แต่ยังสะท้อนความรุ่งเรืองของอาณาจักรบิชอปเจ้าครองนครในยุคกลางอย่างชัดเจน จัตุรัสเรสซิเดนท์ถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยอาร์คบิชอป โวล์ฟ ดีทริช ฟอน เรเทนาว (Wolf Dietrich von Raitenau) เพื่อให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งตรงกลางของเขตพระราชวัง (Residenz Palace) และมหาวิหารซาลซ์บูร์ก (Salzburg Cathedral) ตั้งใจให้เป็นจุดรวมใจของเมืองและสถานที่สำหรับจัดกิจกรรมทางศาสนา งานเฉลิมฉลอง และตลาดต่าง ๆ

5. ปราสาทเชสกี้ครุมลอฟ (Cesky Krumlov Castle)
ปราสาทเชสกี้ครุมลอฟ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 โดยตระกูลวิตโควซี (Vítkovci) และได้ขยายขนาดเรื่อยมาจนกลายเป็น ปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองจากปราสาทปราก ภายหลังตกอยู่ในมือของตระกูลโรเซนเบิร์ก (Rosenberg) ซึ่งได้เพิ่มความวิจิตรด้วยสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์และบารอก ปราสาทแห่งนี้มีจุดไฮไลต์ ได้แก่ หอคอยสีพาสเทลเป็นไฮไลต์ของปราสาทที่สามารถปีนขึ้นไปชมวิวเมืองเก่าแบบพาโนรามา โรงละครบาโรก (Baroque Theatreสะพาน Cloak Bridge พระราชวังและห้องนิทรรศการ สวนปราสาท (Castle Gardens) ไม่เพียงน่าทึ่งในด้านสถาปัตยกรรม แต่ยังมอบประสบการณ์ย้อนยุคให้แก่นีกท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศเมืองเก่าที่แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อหลายร้อยปีก่อน

6. สะพานชาร์ล (Charle Bridge)
สะพานชาร์ล ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1357 ภายใต้คำสั่งของ พระเจ้าชาร์ลที่ 4 (Charles IV) จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อทดแทนสะพาน Judith ที่พังลงจากน้ำท่วม โครงสร้างสะพานทำจากหินทราย (Bohemian sandstone) และถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมในยุคกลาง สะพานมีความยาวประมาณ 520 เมตร และกว้าง 10 เมตร เชื่อมระหว่างเขตเมืองเก่า (Old Town) กับย่านมัลาสตรานา (Malá Strana) ซึ่งเป็นทางผ่านหลักในสมัยศตวรรษที่ 14–19 ตลอดสองฝั่งของสะพานมีรูปปั้นหินของนักบุญและบุคคลสำคัญทางศาสนา จำนวน 30 องค์ โดยรูปปั้นที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ นักบุญยอห์นแห่งเนโปมุก (Saint John of Nepomuk) ซึ่งเชื่อว่าหากสัมผัสแผ่นทองคำที่ฐานรูปปั้น จะนำโชคดีและช่วยให้ได้กลับมาเยือนปรากอีกครั้ง ทั้งสองฝั่งของสะพานมีหอคอยศิลปะโกธิกงดงาม สามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงของแม่น้ำวลตาวาและตัวเมืองได้ โดยเฉพาะ Old Town Bridge Tower ที่ฝั่งเมืองเก่า ถือเป็นหนึ่งในหอคอยสไตล์โกธิกที่สวยที่สุดในยุโรป

7. ปราสาทปราก (Prague Castle)
ปราสาทปราก ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 เพื่อเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและศาสนา ในยุคของเจ้าชายโบฮีเมียน ต่อมาได้กลายเป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งราชวงศ์ Přemyslid, ลักเซมเบิร์ก และฮับส์บูร์ก ปัจจุบันยังคงทำหน้าที่เป็นที่ทำการของ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเช็ก ปราสาทแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 70,000 ตารางเมตร และประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างหลากหลาย เช่น โบสถ์ พระราชวัง หอคอย สวน และจัตุรัส จุดไฮไลต์ภายในปราสาทนี้ ได้แก่ มหาวิหารเซนต์วิตัส (St. Vitus Cathedral) เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในเช็กเกียและสถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป พระราชวังหลวงเก่า ที่เคยเป็นที่ว่าราชการของราชวงศ์ อีกทั้งยังมีตรอกเล็กๆสีสันสดใสที่รวมร้านขายของที่ระลึกและนิทรรศการเล็ก ๆให้ได้เที่ยวชม

8. ปราสาทบราทิสลาว่า (Bratislava Castle)
ปราสาทบราทิสลาวา (Bratislava Castle) คือแลนด์มาร์กสำคัญที่โดดเด่นเหนือเมืองหลวงของประเทศสโลวาเกีย (Slovakia) ตั้งอยู่บนเนินเขาริมแม่น้ำดานูบ (Danube River) มองเห็นได้จากแทบทุกมุมของเมือง ตัวปราสาทเป็นอาคารสีขาวทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสใหญ่ มีหอคอย 4 มุมที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะ Crown Tower ซึ่งถือเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาทนี้ ด้วยทำเลที่ตั้งบนเนินเขาสูงกว่า 80 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำดานูบ เมืองบราทิสลาว่า ภายในปราสาทยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสโลวัก (Slovak National Museum) จัดแสดงวัตถุทางประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุ และผลงานศิลปะที่บอกเล่าเรื่องราวของสโลวาเกียจากยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคปัจจุบัน Crown Tower ที่สามารถขึ้นไปชมวิวพาโนรามาของเมืองได้ โถงพระราชวังและห้องจัดแสดง และสวนสไตล์บาโรกที่จัดแต่งอย่างประณีต

9. พระราชวังและสวนเชินน์บรุน (Palace and Gardens of Schonbrunn)
พระราชวังเชินน์บรุน (Schönbrunn Palace) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 โดยราชวงศ์ฮับส์บูร์ก เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์ ต่อมาในยุคของ จักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา (Maria Theresa) พระราชวังได้ถูกขยายและตกแต่งใหม่ให้มีความหรูหราในสไตล์บาโรกและโรโคโค กลายเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรมของจักรวรรดิในช่วงเวลานั้น พระราชวังเชินน์บรุนมีห้องทั้งหมดกว่า 1,400 ห้อง โดยเปิดให้เข้าชมประมาณ 40 ห้อง ซึ่งเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรา โคมไฟระย้า และผนังประดับลวดลายแบบราชวงศ์ หนึ่งในห้องไฮไลต์คือ ห้องกระจก (Hall of Mirrors) ที่จักรพรรดิฟรานซ์โจเซฟเคยใช้จัดงานเลี้ยงสำคัญ สวนของพระราชวังเชินน์บรุน ได้รับการออกแบบอย่างประณีตในสไตล์บาโรก มีเส้นทางเดินต้นไม้ พุ่มไม้ที่ตัดแต่งเป็นรูปทรง และน้ำพุที่สวยงาม สร้างขึ้นเพื่อยกย่องเทพเจ้าน้ำ

10. ถนนคาร์ทเนอร์ (Kartner Street)
ถนนคาร์ทเนอร์ (Kärntner Straße) คือถนนสายหลักที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความหรูหราและประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เป็นหนึ่งในถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมือง ถนนคาร์ทเนอร์ไม่ได้เป็นแค่ถนนช้อปปิ้งธรรมดา แต่เป็นจุดที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยกับเสน่ห์คลาสสิกของเวียนนา คุณจะได้พบกับร้านค้าแบรนด์เนมหรูอย่าง Gucci, Louis Vuitton, Swarovski รวมถึงร้านแฟชั่นยุโรปชื่อดังหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีร้านค้าท้องถิ่น ร้านเครื่องประดับ และร้านขายของที่ระลึกให้เลือกอย่างจุใจ ถนนคาร์ทเนอร์ยังรายล้อมไปด้วยอาคารเก่าแก่และสถาปัตยกรรมแบบยุโรปดั้งเดิมที่งดงาม ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์เก่า ร้านกาแฟสไตล์วินเทจ หรือระเบียงอาคารที่ประดับลวดลายวิจิตร บรรยากาศของที่นี่จึงเหมาะกับการเดินเล่น ถ่ายรูป หรือจิบกาแฟชมวิวเมือง

สรุป
ยุโรปตะวันออก เป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนาน เมืองต่างๆ ผสมผสานสถาปัตยกรรมยุคกลางกับชีวิตสมัยใหม่อย่างลงตัว สำหรับใครที่มองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลากหลายและไม่ซ้ำใคร หากสนใจแพ็กเกจทัวร์ยุโรปตะวันออก สามารถทักไลน์ไอดี @lovelysmiletour ได้เลย