หากพูดถึงประเทศจีน เมืองจางเจียเจี้ยถือเป็นอีกเมืองยอดฮิตของนักท่องเที่ยวชาวไทย ไฮไลท์น่าเที่ยวของจางเจียเจี้ยก็คือธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา ซึ่งหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง “ประตูสวรรค์หรือเทียนเหมินซาน” ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ว่าใครเดินทางมาที่จางเจียเจี้ยจะต้องแวะมาเช็คอินและชมความสวยงามกันสักครั้ง ที่ภูเขาเทียนเหมินมีไฮไลท์หลายอย่างที่รับรองว่า การมาเที่ยวทัวร์จีนในที่แห่งนี้จะต้องประทับใจแน่นอน ที่เขาเทียนเหมินจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปชมรีวิวกัน
1. ข้อมูลทั่วไปของเทียนเหมินซาน
เทียนเหมินซาน หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันว่าประตูสวรรค์ (The Heaven’s Gate of Tianmen Shan) 1 ใน 4 ภูเขาที่สวยที่สุดในประเทศจีน ตั้งอยู่เมืองจางเจียเจี้ย มณฑลหูหนาน ซึ่งอยู่ทางตอนกลางของประเทศจีน ที่มีความสูงถึง 1,518 เมตร เป็นอุทยานป่าแห่งชาติแห่งที่สองในทัวร์จางเจียเจี้ย ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “หนึ่งในภูเขาที่สวยงามที่สุดในโลก” นอกจากนี้ภูเขาเทียนเหมินยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวระดับ 5A ของประเทศ โดยมีผู้มาเยี่ยมชมปีละ 4 ล้านคน ภูเขาเกิดระเบิดขึ้นเองโดยธรรมชาติจนกลายเป็นถ้ำประตูนี้สูง 131.5 เมตร กว้าง 57 เมตร และลึก 60 เมตร เทียน หมายถึง ฟ้าหรือสวรรค์ เหมิน หมายถึง ประตู และ ซาน หมายถึง ภูเขา รวมๆ จึงแปลว่าประตูสวรรค์นั่นเอง
2. จุดไฮไลท์
2.1 นั่งกระเช้าลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในโลก
กระเช้านี้จะเป็นกระเช้าที่ใช้ในการเดินทางขึ้นไปยังด้านบนของภูเขา ด้วยความยาวถึง 7,455 เมตรหรือประมาณ 7.5 กิโลเมตร และระดับความสูงแนวนอน 1,279 เมตร จึงทำให้กระเช้านี้เป็นกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลก ในการเดินทางขึ้นไปยังด้านบนจะใช้เวลาในการนั่งประมาณ 30 – 40 นาทีด้วยกัน โดยกระเช้า 1 คัน จะสามารถนั่งได้ 7 – 8 ท่าน ระหว่างทางก็สามารถมองเห็นวิวเมืองจางเจียเจี้ยมุมสูงได้แบบพาโนรามา ตั้งแต่บ้านเรือนไปจนถึงส่วนที่เป็นชนบท ใครที่กลัวความสูงก็จะแนะนำให้นั่งทางฝั่งขวามือซึ่งจะเป็นด้านที่หันหลังให้กับความสูง ในส่วนของกระเช้าขาลงจะมีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งสามารถนั่งได้ประมาณ 20 ท่าน
2.2 ชมวิวถนน 99 โค้ง
ถนน 99 โค้ง สร้างขึ้นในปี 1998 มีทางแยกติดต่อกัน 99 ทาง และมีความยาวรวม 6.7 ไมล์ ซึ่งเมื่อก่อนถนน 99 โค้งนี้จะเป็นอีกเส้นทางในการเดินทางขึ้นไปยังด้านบนเขาเทียนเหมิน แต่เนื่องจากโค้งที่คดไปมา จึงทำให้เป็นถนนที่อันตรายที่สุด จึงไม่ได้ใช้เป็นเส้นทางในการเดินทาง โดยนักท่องเที่ยวสามารถชมวิวถนน 99 โค้งได้จากกระเช้าลอยฟ้า
2.3 เดินบนระเบียงกระจกริมหน้าผา
ระเบียงกระจกริมหน้าผานี้ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาด โดยระเบียงกระจกนี้จะเป็นทางเดินตามแนวหน้าผา บริเวณทางเดินด้านล่างจะปูด้วยกระจกใสนิรภัยที่สามารถมองเห็นได้ถึงความสูงและวิวด้านล่าง ความยาวของระเบียงจะอยู่ที่ 6 เมตร ความกว้างของระเบียงกระจกวัดจากขอบหน้าผาได้ประมาณ 3 ฟุต หนา 2.5 นิ้ว สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,433 เมตร ซึ่งก่อนจะเดินทางที่ระเบียงกระจกนี้ได้ นักท่องเที่ยวจะต้องสวมถุงผ้าหุ้มรองเท้า เพื่อกันลื่นและเพื่อรักษาสภาพของกระจกเอาไว้ ระเบียงกระจกอาจปิดให้บริการในช่วงที่มีฝนตกหนัก มีน้ำแข็ง และหิมะตก เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้ตรวจสอบพยากรณ์อากาศล่วงหน้าก่อนเดินทาง หากใครที่ชื่นชอบความท้าทายและความหวาดเสียวแล้วล่ะก็แนะนำว่าห้ามพลาดเลย
2.4 ชมความสวยงามของประตูสวรรค์
มาถึงจุดไฮไลท์ของที่นี่กัน ก็คือประตูสวรรค์นั่นเอง ที่บริเวณประตูสวรรค์จะเป็นโพรงที่เกิดการระเบิดโดยธรรมชาติจนกลายเป็นช่องขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนกับบานประตู ประตูสวรรค์นี้มีความสูง 131.5 เมตร กว้าง 57 เมตร และลึก 60 เมตร บริเวณด้านหน้าของประตูสวรรค์จะมีบันไดยาวจำนวน 999 ขั้น เปรียบเสมือนบันไดที่เดินไปยังสวรรค์ ซึ่งเป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาถ่ายรูปเช็คอิน แต่สำหรับใครที่เดินไม่ไหว บริเวณด้านขวามือก็จะมีบันไดเลื่อนให้ลงไปยังด้านล่าง นอกจากวิวตอนกลางวันจะมีความสวยงามแล้ว ในตอนกลางคืนก็สวยงามไม่แพ้กัน โดยที่ประตูสวรรค์ในตอนกลางคืนก็จะมีการจัดแสดงแสง สี เสียง ให้ได้ชมกันอีกด้วย ใครที่อยู่จนถึงตอนกลางคืนก็สามารถรอดูกันได้
2.5 ชมการแสดงจิ้งจอกขาว
เมื่อขึ้นมาด้านบนเขาเทียนเหมินแล้ว อีกสิ่งที่ไม่ควรพลาดเลยและถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ก็คือการแสดงจิ้งจอกขาวหรือการแสดงจางอี้โหมว เป็นการแสดงที่บอกเล่าถึงนิทานพื้นบ้านของจีน เรื่องราวความรักโรแมนติกเกี่ยวกับนางจิ้งจอกที่แปลงร่างเป็นมนุษย์และตกหลุมรักกับชายตัดฟืน กำกับการแสดงโดยจางอี้โหมว ซึ่งเป็นการแสดงที่จัดแสดงบริเวณเวทีกลางแจ้งที่มีฉากหลังเป็นประตูสวรรค์ โดยการแสดงนี้จะใช้นักแสดงกว่า 600 คน และคอรัสอีกกว่า 80 คน ถือเป็นการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจและอลังการไปด้วยแสง สี เสียง การแสดงจิ้งจอกขาวนี้จะจัดแสดงตั้งแต่เดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน และจะหยุดจัดแสดงในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากจะมีหิมะตกค่อนข้างหนาจึงทำให้ไม่สะดวกในการจัดแสดงนั่นเอง หากใครที่อยากเก็บไฮไลท์ของที่นี่ให้ครบก็ห้ามพลาดเลย
3. เส้นทางที่ใช้ในการเดินทาง
เส้นทางในการเดินทางที่แนะนำจะเป็นแบบ Riute A เริ่มจากการนั่งกระเช้าขึ้นมายังด้านบนภูเขา เมื่อขึ้นมาถึงบริเวณสถานีกระเช้าด้านบน ก็จะเดินตามเส้นทางถนนไม้ไปยังระเบียงกระจก จากนั้นลงบันไดเลื่อนลงมายังบริเวณด้านหลังของประตูสวรรค์ และสำหรับบันได 999 ขั้นที่อยู่ด้านหน้าประตูสวรรค์ ใครที่คิดว่าเดินลงไปไม่ไหว บริเวณด้านขวามือก็จะมีบันไดเลื่อนให้ขึ้นเพื่อลงไปบริเวณด้านล่าง ในส่วนของขากลับก็จะนั่งกระเช้าลงมาด้านล่าง โดยเส้นทางการเดินทางนี้จะเป็นเส้นทางที่ทางทัวร์นิยมใช้ ซึ่งจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด
4. การเข้าชม
พิกัด | ดูแผนที่ Google Maps |
เวลาทำการ | เปิดทำการทุกวัน เวลา 08:30 – 16:00 |
ค่าเข้าชม + กระเช้าลอยฟ้าไปกลับ | – ผู้ใหญ่ราคา 275 หยวน – ผู้เยาว์อายุ 14 – 18 ปี และผู้สูงอายุอายุ 60 – 65 ปี ราคา 147 หยวน – เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี และสูงเกิน 1.2 เมตร และผู้สูงอายุอายุ 65 ปีขึ้นไป ราคา 116 หยวน – เด็กที่มีความสูงต่ำกว่า 1.2 เมตร เข้าชมฟรี หากไม่ได้นั่งที่นั่ง |
– ผู้ใหญ่ราคา 235 หยวน – ผู้เยาว์อายุ 14-18 ปี และผู้สูงอายุอายุ 60-65 ปี ราคา 126 หยวน – เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี และสูงเกิน 1.2 เมตร (3.9 ฟุต) และผู้สูงอายุอายุมากกว่า 65 ปี ราคา 95 หยวน – เด็กที่มีความสูงต่ำกว่า 1.2 เมตร (3.9 ฟุต) เข้าชมฟรี หากไม่ได้นั่งที่นั่ง | |
ค่าบัตรเข้าชมการแสดงจิ้งจอกขาว | 230 หยวน |
5. ช่วงที่เหมาะในการเดินทาง
ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม – พฤษภาคม)
หากใครที่ชอบอากาศที่ไม่เย็นจนเกินไป ท้องฟ้าเปิด บรรยากาศดีๆ จะแนะนำเป็นช่วงนี้เลย เพราะว่าในช่วงฤดูใบไม้ผลิ บรรยากาศโดยรอบจะเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดที่กำลังบาน ส่วนสภาพอากาศก็เย็นสบายกำลังดี ไม่หนาวจนเกินไป อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 15 – 25 องศา สามารถเที่ยวได้สบาย ถือว่าเป็นช่วงที่สวยที่สุดและเหมาะแก่การท่องเที่ยวมากๆ แต่อาจจะต้องระวังนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงวันหยุดจีนช่วงต้นเดือนพฤษภาคมด้วย
ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน – สิงหาคม)
ในช่วงฤดูร้อน อากาศจะเริ่มร้อนขึ้น โดยอุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 25 – 34 องศา และถือเป็นช่วงที่มีโอกาสเจอฝนและมรสุมได้ตลอด หากใครที่อยากเลี่ยงฝนจะไม่แนะนำให้เดินทางช่วงนี้ แต่ช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงที่มีหมอกค่อนข้างหนา ใครที่อยากชมหมอกก็สามารถเดินทางช่วงนี้ได้เช่นกัน ใครที่เดินทางช่วงนี้ก็อย่าลืมเตรียมร่มหรือเสื้อกันฝนไปด้วย
ฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้เปลี่ยนสี (เดือนกันยายน – พฤศจิกายน)
อีกหนึ่งช่วงที่เหมาะแก่การเดินทางก็คือ ช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั่นเองค่ะ อากาศในช่วงนี้จะเริ่มเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 13 – 25 องศา และในช่วงเดือนกลางเดือนตุลาคมไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน จะเป็นช่วงที่ใบไม้และต้นไม้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้ม และสีแดง ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศหน้างานในช่วงนั้นๆ ด้วย
6. คำแนะนำในการเดินทาง
6.1 การแต่งกาย
อากาศด้านบนเขาจะแตกต่างกับอากาศด้านล่างประมาณ 6 – 8 องศา มีลมแรง สภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวน และมีโอกาสเจอฝนได้อยู่ตลอด การเดินทางขึ้นมาด้านบนจึงจะแนะนำให้เตรียมเสื้อแขนยาวหรือร่มมาเผื่อด้วย และบริเวณพื้นทางเดินจะมีทั้งทางเรียบ ทางลาดชัน ทางขรุขระ ไปจนถึงบันได แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบที่ทำให้เดินได้สบายและคล่องตัว เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง
6.2 ห้องน้ำ
ภายในสถานที่ท่องเที่ยวจะมีห้องน้ำกระจายกันไปตามจุดแวะพัก ซึ่งห้องน้ำส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะนั่งยองและไม่มีสายฉีดชำระ เพื่อความสะอาดและสุขอนามัยที่ดี จึงจะแนะนำให้เตรียมกระดาษชำระไปด้วย
6.3 อาหาร ของทานเล่น และเครื่องดื่ม
อาหาร ของทานเล่นและเครื่องดื่มตามสถานที่ท่องเที่ยวจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง แนะนำให้เตรียมขนมทานเล่น อาหาร หรือเครื่องดื่มจากด้านล่างจะมีราคาที่ถูกกว่า
6.4 ยาประจำตัว
สำหรับใครที่มีโรคประจำตัวที่จำเป็นต้องทานยา แนะนำให้เตรียมยานั้นๆ ไปด้วย หรือพกยาบางชนิดที่ใช้กันทั่วไปติดตัวไว้ยามฉุกเฉิน
6.4 การชำระเงินซื้อของ
ตามร้านค้าและจุดจำหน่ายของฝากในประเทศจีน ส่วนใหญ่จะยังคงรับเงินหยวนอยู่ แต่สำหรับใครที่แลกเงินไปไม่เพียงพอจะมีอีก 2 วิธีการชำระเงินที่ใช้งานง่ายและสะดวก นั่นก็คือการชำระผ่าน Truemoney Wallet และการชำระเงินผ่าน Alipay ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางการชำระเงินที่เป็นที่นิยมและใช้งานง่ายอีกวิธีนึง โดยจะแปลงจากเงินไทยให้เป็นเงินหยวนตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันนั้นๆ
สรุป
เทียนเหมินซาน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีความสวยงามที่ถึงแม้ว่าจะเดินค่อนข้างเยอะแต่ก็มีความคุ้มค่าที่จะมา ด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และสามารถมองเห็นเมืองจางเจียเจี้ยได้จากมุมสูง ใครที่เดินทางมาจางเจียเจี้ยแล้วล่ะก็ห้ามพลาดที่จะมาที่นี่เลย หากสนใจทัวร์จางเจียเจี้ยสามารถแอดไลน์ LINE ID : @lovelysmiletour เพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลย