โอซาก้ามีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และมีจุดแลนด์มาร์กให้ได้เที่ยวมากมาย “ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)” ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งนึงในโอซาก้าค่ะ เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอซาก้า และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นอีกด้วย ในบทความนี้จะมาเล่าถึงประวัติความเป็นมาและจุดน่าสนใจของปราสาทโอซาก้ากันค่ะ
สารบัญ
ประวัติความเป็นมา
ปราสาทโอซาก้า ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองโอซาก้า สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1583 โดยโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyori) หรือที่รู้จักกันใช้ชื่อของ นโปเลียนแห่งญี่ปุ่น นั่นเอง โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 14 ปี ซึ่งบริเวณที่สร้างปราสาทเคยเป็นที่ตั้งของวัดอิชิยามะ ฮงกันจิ (Ishiyama Honganji) มาก่อนค่ะ ตัวปราสาทจะได้โดยนำแบบผังมาจากปราสาทอาซูจิ โดยหอคอยหลักมีทั้งหมด 5 ชั้น และมีชั้นใต้ดินอีก 3 ชั้น มีใบไม้ที่ทำมาจากทองประดับด้านข้างของปราสาท ทำให้ตัวปราสาทมีความสวยงามและโดดเด่น ปราสาทสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางแห่งใหญ่ของญี่ปุ่นและเป็นที่พำนักของโทโยโทมิ แต่หลังจากที่โทโยโทมิเสียชีวิต ก็ได้มีการแย่งชิงอำนาจกัน และปราสาทแห่งนี้ก็ได้ถูกทำลายลงในช่วงสงคราม “The Summer War in Osaka” เมื่อปี ค.ศ. 1615 โดยสงครามนี้จะเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มผู้สำเร็จราชการโทกุกาวะ อิเอะยาซุ (Tokugawa Ieyasu) และกลุ่มของโทโยโทมิ จนสุดท้ายอำนาจทางการเมืองก็ได้เปลี่ยนมาอยู่ทางฝั่งของตระกูลโทกุกาวะ
ปราสาทได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1620 โดยโทกุกาวะ ฮิเดะทาดะ (Tokugawa Hidetada) ซึ่งเป็นลูกชายของอิเอะยาซุ ใช้เวลาเกือบ 10 ปีในการก่อสร้าง ต่อมาในปีค.ศ. 1665 ก็ได้เกิดฟ้าผ่าและได้มีไฟไหม้ทำลายปราสาท หลังจากนั้นก็ยังเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้อีกครั้งในปี ค.ศ. 1868 ทำให้สิ่งก่อสร้างภายในเกือบทุกอย่างไหม้จนไม่เหลืออะไรเลยค่ะ
ต่อมาในปี ค.ศ. 1931 ก็ได้มีการบูรณะปราสาทขึ้นใหม่อีกเป็นครั้งที่ 3 เนื่องจากว่าได้รับความเสียหายจากระเบิดจนได้รับความเสียหายอย่างมากในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงปี ค.ศ. 1945 ปราสาทก็ได้มีการซ่อมแซมอีกครั้ง พร้อมกับติดตั้งลิฟต์และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยบูรณะเสร็จในปี ค.ศ. 1997 และกลายเป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิตของทัวร์โอซาก้าเป็นต้นมา
ลักษณะเด่น
ปราสาทโอซาก้ามีขนาดประมาณ 15 เอเคอร์ หรือ 2 ตารางกิโลเมตร มีสิ่งก่อสร้างทั้งหมด 13 อย่างที่รัฐบาลญี่ปุ่นระบุให้เป็นทรัพย์สมบัติสำคัญในทางวัฒนธรรม ได้แก่ ประตูโอเทะมง (Ote-mon), กำแพงปราสาท, ประตูซากุระมง, ป้อมปราการอิชิบันยากุระ (Ichiban-yagura), ป้อมปืนอินุอิยากุระ (Inui-yagura), ป้อมปืนโรกุบันยากุระ (Rokuban-yagura), ป้อมปราการเซนกัง (Sengan), ป้อมปราการทะมง, บ่อน้ำคินเมซุย, โรงเก็บของคินโซ และนิตยสารดินปืน Enshogura โดยสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ ประตูขนาดใหญ่และและป้อมปราการที่อยู่ตามคูกำแพงเมืองรอบนอก กำแพงของปราสาทสูงเกือบถึง 30 เมตรเลยค่ะ ทำมาจากก้อนหินขนาดใหญ่ซึ่งส่งเข้ามาในเมืองโอซาก้าจากเหมืองที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 100 กิโลเมตร เนื่องจากความสูงของกำแพงและความกว้างของคูกำแพงเมืองมีความพิเศษ จึงเป็นปราสาทที่มีความสวยงามและไม่สามารถเทียบกับปราสาทอื่นๆ ในญี่ปุ่นได้เลยค่ะ อีกสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็จะเป็นรูปปั้นปลาสีทองที่ประดับอยู่บนหลังคา ซึ่งรูปปั้นปลาทั้งหมดจะถูกชุบด้วยทองคำค่ะ ด้วยความสวยงามนี้จึงทำให้ปราสาทโอซาก้าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองโอซาก้าค่ะ
ภายในปราสาทโอซาก้า
ภายในปราสาทมีทั้งหมด 8 ชั้นด้วยกันค่ะ ตัวปราสาทถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหินคอนกรีต คูน้ำ และสวนนิชิโนมารุ ซึ่งอยู่ทางป้อมตะวักตก ในแต่ละชั้นก็จะจัดแสดงประวัติความเป็นมาของปราสาท ประวัติของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyori) ผู้สร้างปราสาทโอซาก้า และยังเป็นที่จัดแสดงโบราณวัตถุ ชุดเกราะ อาวุธ ไปจนถึงหุ่นที่จำลองภาพสงครามในการแย่งชิงอำนาจและรวบรวมญี่ปุ่นในอดีตอีกด้วย ถึงปราสาทจะมีทั้งหมด 8 ชั้น แต่ว่าจะมีแค่ 7 ชั้นที่ได้เปิดให้เข้าชมเท่านั้น เพราะว่าที่ชั้น 6 จะไม่ได้เปิดให้ได้เข้าชมค่ะ มาดูกันค่ะว่าในแต่ละชั้นจะมีสิ่งสนใจและมีอะไรให้ได้ชมกันบ้าง
เมื่อเดินผ่านทางเข้าหลักของปราสาทหรือประตูซากุระมอน (Sakuramon Gate) จะเจอกันร้านขาสยตั๋วเพื่อเข้าชมทางด้านหน้าค่ะ เมื่อซื้อตั๋วเสร็จก็จะมี 2 ทางเลือกให้ได้เลือกค่ะ ระหว่างขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 5 เพื่อชมแต่ละชั้นจากบนลงล่าง หรือจะเลือกเป็นเดินดูจากชั้นล่างขึ้นไปชั้นบนสุดก็ได้เช่นกันค่ะ โดยทางการชมจากชั้นบนลงมาชั้นล่างเป็นวิธีที่แนะนำมากที่สุดค่ะ เนื่องจากว่าเป็นวิธีที่ใช้แรงน้อยที่สุด แต่ว่าก็จะมีคนต่อคิวเพื่อขึ้นลิฟต์ค่อนข้างยาวเลยค่ะ
โดยชั้นที่ 1 จะเป็นทางเข้าปราสาท และร้านขายของที่ระลึก ในส่วนของร้านขายของจะขายสินค้าที่มีขายเฉพาะในปราสาทโอซาก้าหรือเมืองโอซาก้าค่ะ นอกจากนี้ยังมีโรงหนังขนาดเล็กที่ฉายภาพยนต์เกี่ยวกับ 5 เรื่องที่น่าสนใจของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิให้ได้ชมกันด้วยค่ะ
ถัดมาที่ชั้น 2 เป็นการจำลองปราสาท และจัดแสดงของตกแต่งปราสาทในสมัยก่อน นอกจากนี้ยังมีหนังสั้น 3 นาทีที่เกี่ยวกับปราสาทในสมัยเมจิให้ได้ชมด้วยค่ะ หรือใครที่อยากเช่าหมวกซามูไรเพื่อใส่ถ่ายรูป ที่นี่ก็จะมีให้เช่าคนละ 500 เยนค่ะ โดยของตกแต่งปราสาทในสมัยก่อนที่น่าสนใจจะมี 3 อย่างด้วยกันค่ะ
ป้อมจำลองหิน ซึ่งเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาส ครบรอบ 2 ปี ของการเป็นพันธมิตรกันระหว่าง Osaka Castle กับ Ueda Castle
ฉากกั้นรูปเสือ หรือที่เรียกกันว่า Fusetora (Tiger Watching for Game) เป็นแบบ Full-scale
รูปปั้นปลาสีทอง เป็นของตกแต่งที่เอาไว้ตกแต่งบนหลังคาของปราสาท
ชั้น 3 และ 4 จัดแสดงสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ โดยที่ชั้น 4 จะมีทรัพย์สินต่างๆ ของใช้ในชีวิตประจำวันของโทโยโทมิ ภาพวาดในสมัยนั้น รวมไปถึงจดหมายที่เขียนโดยโทโยโทมิ ในส่วนของชั้นที่ 3 จะมีสิ่งของเครื่องใช้จากในยุคของโทโยโทมิ ที่จะมีทั้งชุดเกราะซามูไร หมวกซามูไรหลากหลายรูปแบบและมีอาวุธให้ได้ชมค่ะ ซึ่งที่ชั้น 3 และ 4 นี้จะไม่สามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้ค่ะ
ชั้นที่ 5 เป็นการจัดฉากจำลองสงคราม “The Summer War in Osaka” หรือสงครามฤดูร้อนในโอซาก้า ภายในชั้นนี้จะมีทั้งหุ่นจำลองเหตุการณ์ในสงคราม ภาพวาดที่แสดงการต่อสู้ในสงคราม และยังมีจอขนาดใหญ่ที่ฉายภาพยนต์เกี่ยวกับสงครามให้ได้ชมอีกด้วยค่ะ
ส่วนชั้น 7 เป็นชั้นที่จัดแสดงนิทรรศการประวัติของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิและตระกูลของฮิเดโยชิ โดยจะจัดแสดงแบบไดโอรามาขนาดเล็ก 19 ภาพ ซึ่งจะบรรยายประวัติความเป็นมาและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ 19 เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นกับโทโยโทมิ มีความยาวประมาณ 20 นาที ซึ่งถือว่าเป็นการนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ เข้าใจง่าย และมีความสร้างสรรค์มากเลยค่ะ
ส่วนชั้นที่ 8 จะเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นสวนของปราสาท และเมืองโอซาก้าได้แบบ 360 องศา จากความสูงประมาณ 160 ฟุต ถ้าใครที่ชอบในการชมวิวแล้วล่ะก็ไม่ผิดหวังแน่นอน ซึ่งที่ชั้น 8 นี้ก็จะมีร้านค้าให้ได้เลือกซื้อของฝากกลับไปด้วยค่ะ และนอกจากยังมีจัดแสดงภาพ 3 มิติ จำนวน 2 ภาพ ที่แสดงภาพลักษณะของโอซาก้าในสมัยก่อนจากมุมมองตรงนี้อีกด้วยค่ะ
รอบๆ ปราสาทจะมีสวนสาธารณะนิชิมารุ (Nishinomaru Garden) เป็นสวนขนาดใหญ่ในพื้นที่ 105.6 เฮกเตอร์ ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 16 ปีด้วยกัน ภายในสวนก็ได้ปลูกต้นซากุระสายพันธุ์ Someiyoshino กว่า 600 ต้น ซึ่งเป็นจุดชมดอกซากุระที่สวยอีกที่นึงเลยค่ะ ช่วงซากุระนี้เปิดให้ชมทุกวันยกเว้นวันจันทร์ตั้งแต่ 9.00 – 21.00 น. โดยกลางคืนจะมีเปิดไฟสวยๆ ให้ได้ชมค่ะ การเข้าชมสวนนี้ ต้องเสียเงินเพิ่มเติมคนละ 350 เยน แต่ถือว่ามีความคุ้มค่าไม่แพ้ภายในตัวปราสาทเลย คนส่วนใหญ่จะนิยมมานั่งปิคนิคชมซากุระและทานอาหารไปด้วย ทางด้านหลังของสวนก็จะมีร้านอาหารมากมายได้เลือกซื้อทานกันแบบจุใจ ใครที่เดินทางมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็อย่าลืมแวะมาชมซากุระที่สวนนิชิมารุกันได้นะคะ
การเดินทาง
เนื่องจากปราสาทอยู่ใจกลางเมือง วิธีในการเดินทางก็สามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟหลายสถานี ในบทความนี้จะแนะนำการเดินทางจากสถานียอดนิยมที่คนส่วนใหญ่ใช้ในการเดินทางมาที่ปราสาทค่ะ โดยเวลาการเดินทางจากแต่ละสถานีจะใช้เวลาประมาณ 10-20 นาทีเท่านั้นค่ะ
– ถ้าเดินทางมาจากสถานีโอซาก้า ให้ลงที่สถานีโอซาก้าโจโคเอ็น (Osakajo-koen) เนื่องจากเป็นสถานีเริ่มต้นและเป็นสถานีปลายทางของรถไฟสาย Osaka Loop Line ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินทางเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นค่ะ
– สำหรับใครที่อยากเข้าทางหน้าปราสาท แนะนำให้มาขึ้นรถไฟที่สถานีทานิมาจิ ยงโจเมะ (Tanimachi Yonchome) เป็นสถานีที่มีรถไฟผ่าน 2 สาย นั่นก็คือสายทานิมาจิ (Tanimach) และสายจูโอ (Chuo) เพราะเป็นสถานีที่อยู่ใกล้กับประตูใหญ่โอเทะมง (Otemon Gate) นั่นเอง
อัตราค่าบริการ
ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็กมัธยมต้นหรืออายุต่ำกว่า 15 ปีลงไป ไม่มีค่าเข้าชม
หากต้องการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้า ซึ่งเป็นนิทรรศการถาวร และต้องการเข้าชมหอคอยโอซาก้าด้วย ก็สามารถซื้อตั๋วเป็นเซ็ตได้ในราคา 1,000 เยน นอกจากนี้ยังมีตั๋วเซ็ตสำหรับเข้าชมภายในตัวปราสาทและขึ้นเรือโดยสารโอซาก้าวอเตอร์บัส ในราคา 2,000 เยนอีกด้วยค่ะ โดยบัตรเข้าชมสามารถซื้อที่บริวณทางเข้าปราสาทหรือซื้อออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ก็ได้เช่นกันค่ะ
ประเภทของตั๋ว | ผู้ใหญ่ | เด็กมัธยมและต่ำกว่า |
ตั๋วธรรมดา | 600 เยน | ไม่มีค่าเข้าชม |
ตั๋วสำหรับชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้าและหอคอยโอซาก้า | 1,000 เยน | |
ตั๋วสำหรับชมหอคอยโอซาก้าและขึ้นโอซาก้าวอเตอร์บัส | 2,000 เยน |
เวลาเปิดทำการ
ที่ปราสาทจะเปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. รอบสุดท้ายควรเข้าก่อนเวลา 16.30 น. ซึ่งจะมีการขยายเวลาเปิดทำการในช่วงซากุระบาน โกลเด้นวีคและวันหยุดฤดูร้อน โดยจะปิดทำการในช่วงวันที่ 28 ธันวาคม – 1 มกราคมของทุกปีค่ะ
สรุป
ปราสาทโอซาก้าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจ มีเอกลักษณ์ และยังเป็นสถานที่ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองโอซาก้า นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ อยากให้เพื่อนๆ ได้ลองมาเที่ยวที่นี่กันสักครั้งค่ะ รับรองว่าคุ้มค่าและประทับใจแน่นอนค่ะ สำหรับใครที่อยากเที่ยวชมความสวยงามของปราสาทหรือสนใจทัวร์โอซาก้า สามารถคลิกที่ลิงก์เพื่อดูโปรแกรมหรือแอดไลน์ LINE ID : @lovelysmiletour เพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลยค่ะ