วัดคิโยมิสึเดระ หรือที่คนนิยมเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดน้ำใส” นั่นเองค่ะ ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขาโอโตวะ ทางตะวันออกของนครเกียวโต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกหนึ่งแห่งในเมืองเกียวโต เป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน และได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย และแน่นอนว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นที่พลาดไม่ได้เลยค่ะ ซึ่งวันนี้เราจะมาเเนะนำข้อมูลเกี่ยวกับวัดเเห่งนี้และพาไปเที่ยวชมวัดแห่งนี้กันค่ะ
1. ประวัติความเป็นมาวัดน้ำใส
วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งเมืองเกียวโต เป็นวัดพุทธศาสนาที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,200 ปี ตั้งอยู่บนเขาโอโตวะทางตะวันออกของเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นในยุคเฮอังเกียวตอนต้นหรือสร้างขึ้นมาก่อนที่เกียวโตจะเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 778 โดยตระกูลโตกุกาว่า วัดแห่งนี้สร้างด้วยไม้เกือบทั้งหมดเลยค่ะ และตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา อาคารต่างๆ ของวัดได้รับความเสียหายจากเหตุไฟไหม้หลายครั้ง และอาคารในปัจจุบันส่วนใหญ่ได้มีการสร้างขึ้นใหม่ตั้งแต่ปี 1631-1633 โดยคำสั่งของโชกุนลำดับที่ 3 ของตระกูลโทกูงาวะ อิเอมิตสึนั่นเองค่ะ และกลายเป็นสถานที่ยอดฮิตของทัวร์เกียวโตนั่นเอง
เว็บไซต์ทางการ https://www.kiyomizudera.or.jp/en/
2. สถานที่ต่างๆภายในวัด
2.1 ประตูนิโอะมอน (Nio-mon Gate)
ประตูนิโอะมอน เป็นซุ้มประตูทางเข้าหลักของวัดน้ำใส ที่เคยถูกไฟไหม้ไปในช่วงสมัยสงครามในศตววรรษที่ 14 และได้มีการสร้างขึ้นใหม่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 ในปี ค.ศ. 2003 ซึ่งประตูได้ถูกรื้อออกและมีการตกแต่งใหม่สวยงามมากขึ้น ลักษณะโครงสร้างของประตูมีโครงสร้าง 2 ชั้น ขนาด 5×10 เมตร และมีความสูงประมาณ 14 เมตรเลยค่ะ
2.2 ประตูไซมอน (Sai-mon Gate)
เป็นประตูที่อยู่ฝั่งทิศตะวันตก ซึ่งจะอยู่ถัดจากประตูนิโอะมอนไปไม่ไกล แต่จะไม่ได้เปิดให้เดินผ่านเลยค่ะ ซุ้มประตูที่เห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1631 เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินของวัดเลยค่ะ สวยงามมากๆ
2.3 เจดีย์ซันจุโนโตะ (Three Story Pagoda)
หากเดินผ่านประตูเข้ามาแล้วก็จะพบกับ เจดีย์สีแดง หรือเรียกว่า เจดีย์ซันจุโนโตะ เป็นเจดีย์ 3 ชั้นขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ภายในวัด เป็นหนึ่งในเจดีย์ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีความสูงถึง 31 เมตร โครงสร้างในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1633 โดยมีกระเบื้องโอะนิงะวะระ เป็นกระเบื้องรูปยักษ์ที่ประดับหลังคาอยู่บนมุมทั้งสี่ของหลังคา หากสังเกตจะเห็นว่ามีกระเบื้องรูปมังกรหนึ่งตัว ที่แตกต่างจากตัวอื่นๆ โดยกระเบื้องมังกรนี้ได้มีความเชื่อว่าเป็นเทพเจ้ามังกรที่ช่วยปัดเป่าเคราะห์ร้าย และอันตรายจากอัคคีภัยอีกด้วยค่ะ
2.4 ศาลาซุยกุโด (Zuigu-do hall)
ศาลาซุยกุโด สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1718 ซึ่งในศาลามีภาพที่สำคัญเป็นภาพของพระโพธิสัตว์ ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Daizuigu ที่คอยรับฟังความปรารถนาและแรงบันดาลใจของทุกคน นอกจากนี้เทพชินโต เทพแห่งการจับคู่ และการเลี้ยงดูบุตรก็ได้ประดิษฐานอยู่ที่นี่เช่นกันค่ะ
2.5 อาคารฮอนโดะ (Hondo)
และไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ อาคารฮอนโดะนั่นเองค่ะ เป็นอาคารหลักของวัดคิโยมิสึเดระ เป็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยค่ะ ตั้งอยู่บนไหล่เขาโอโตวะ โครงสร้างอาคารทำมาจากไม้ทั้งหมด เสาที่ค้ำยันระเบียงของวัดเอาไว้ด้วยไม้ขนาดใหญ่ มีความสูงจากพื้นประมาณ 12 เมตร โดยใช้วิธีเอาไม้เข้าลิ่มด้วยภูมิปัญญาของชาวญี่ปุ่นโบราณ ซึ่งไม่ได้ใช้ตะปูเเม้แต่ชิ้นเดียวเลยค่ะ มีการสร้างใหม่ในปี ค.ศ. 1633 และในปี ค.ศ. 2013-2014 มีการบูรณะใหม่ และบูรณะครั้งใหญ่ ใช้เวลาถึง 4 ปี 2017-2020 ด้านในอาคารมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมพันมือ 11 เศียร จากบริเวณระเบียงของวัด นักท่องเที่ยวทัวร์เกียวโตสามารถชมวิวทิวทัศน์รอบๆ เมืองเกียวโตได้ ที่สำคัญยังเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีและซากุระที่ขึ้นชื่อของเกียวโตอีกด้วยค่ะ
นอกจากนี้ในปี ค.ศ 1994 อาคารไม้แห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในฐานะส่วนหนึ่งของอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ของเมืองเกียวโตอีกด้วย
2.6 น้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall)
ในส่วนของชื่อวัดคิโยมิซูเดระ แปลว่า น้ำใส ก็คือมาจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfal) มาจากสายน้ำทั้ง 3 สายไหลลงมายังบ่อน้ำ ซึ่งจะอยู่ด้านล่างของศาลาวัด ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าหากใครที่ดื่มน้ำจากที่วัดแห่งนี้จะสมปรารถนาในสิ่งที่ตัวเองหวังไว้ โดยสายน้ำแต่ละสายจะมีความศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งนักท่องเที่ยวจะนิยมดื่มน้ำทั้ง 3 สายรวมกันเลยค่ะ
หากดื่มน้ำจากแม่น้ำแต่ละสาย จะสมหวัง ดังนี้
- สายที่ 1 จะประสบความสำเร็จด้านการเรียน และการศึกษา
- สายที่ 2 จะสมหวังในเรื่องของความรัก
- สายที่ 3 จะมีสุขภาพแข็งแรงทำให้มีอายุที่ยืนยาว
แนะนำวิธีการดื่มน้ำจากน้ำตกโอโตวะทั้ง 3 สาย
- ล้างมือขวา
- ล้างมือซ้าย
- ตักน้ำใส่มือซ้ายแล้วให้ดื่มจากมือซ้าย
- ล้างมือซ้ายอีกครั้ง
- สุดท้ายให้ตักน้ำล้างมือทั้ง 2 ข้าง จะต้องเอียงกระบวยตักน้ำเข้าหาตัวให้ราดมือทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน
2.7 ศาลเจ้าจิชู (Jishu Shrine)
หลังจากที่ได้ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้ว ภายในบริเวณวัดน้ำใสก็ยังมีศาลเจ้าจิชู หรือที่เรียกกันว่าศาลเจ้าแห่งความรัก เชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของเทพโอคุนินุชิ โนะ มิโคโตะ (Okuninushi no Mikoto) เป็นเทพเจ้าแห่งความรักและเนื้อคู่
ภายในศาลเจ้าจะมีก้อนหินแห่งความรักอยู่ 2 ก้อนเรียกว่า “เมกุระอิชิ” แปลว่า หินตาบอดหรือหินแห่งความรัก ซึ่งหินทั้งสองตั้งห่างกันอยู่ประมาณ 18 เมตร เชื่อกันว่าถ้าสามารถเดินหลับตาแล้วเดินจากหินก้อนหนึ่งไปยังหินอีกก้อนหนึ่งได้ คนนั้นก็จะสมหวังในเรื่องความรักค่ะ ศาลเจ้าแห่งนี้จึงดึงดูดคนหนุ่มสาวเป็นจำนวนมากที่ต้องการหาเนื้อคู่ของตนเอง ไม่ว่าจะโสดหรือไม่ก็ตาม ทำให้ศาลเจ้าจิชูเป็นสถานที่ที่ต้องไปให้ได้เลยค่ะ
2.8 ร้านขายของฝาก
ร้านขายของฝาก ของที่ระลึก จะอยู่ระหว่างทางเดินขึ้นเขาไปวัดเลยค่ะ ซึ่งจะเรียงรายอยู่ทั้งสองข้างทางเลย จะมีทั้งร้านอาหาร ร้านขนม และร้านเครื่องดื่มมากมายเลยค่ะ และของแต่ละอย่างก็ทั้งน่าซื้อและน่ากินทั้งนั้น หากเที่ยวชมวัดเสร็จแล้ว ก็สามารถเดินหาอะไรอร่อยๆที่นี่ทานหรือจะซื้อของที่ระลึกก็ได้เลยค่ะ
3. เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถมาเยี่ยมชมที่วัดคิโยมิสึเดระได้ตลอดทั้งปีเลยค่ะ ซึ่งบริเวณรอบๆวัดจะสวยงามเป็นอย่างมากในช่วงดอกซากุระผลิบานสะพรั่งในระหว่างฤดูใบไม้ผลิ ประมาณปลายเดือนมีนาคม-กลางเดือนเมษายนของทุกปี และอีกหนึ่งฤดูที่สวยงามไม่แพ้กันเลยค่ะก็คือช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีค่ะ จะเป็นช่วงประมาณกลางเดือน-ปลายเดือนพฤศจิกายนของทุกปี แต่ละฤดูจะมีความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฤดูนั้นๆเลยค่ะ
4. การเข้าเยี่ยมชม
ค่าเข้าชมวัดน้ำใส
- ผู้ใหญ่ 400 เยน
- เด็ก 200 เยน
วันเวลาทำการ
เปิดทุกวันเวลา 06:00 – 18:00 น. บางช่วงจะมีเปิดรอบกลางคืน ตั้งแต่เวลา 18:00 – 21:30 น. สามารถดูข้อมูลเวลาทำการเพิ่มเติมได้ที่ http://www.kiyomizudera.or.jp/en/
5. วิธีการเดินทาง
5.1 รถไฟ
สถานีใกล้เคียง คือ Kiyomizu-Gojo (รถไฟสาย Keihan Main Line) ใช้เวลาเดินประมาณ 25 นาที
จากสถานี Kyoto ให้นั่งรถไฟสาย JR Nara Line มาลงที่สถานี Tofukuji แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Keihan Main Line มาลงที่สถานี Kiyomizu-Gojo
5.2 รถบัส
จากสถานี Kyoto ให้นั่งรถบัสสาย 100 หรือ 206 มาลงที่ป้าย Gojozaka หรือ Kiyomizu-michi ใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 นาที
สรุป
วัดคิโยมิสึเดระ หรือวัดน้ำใส เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาสักการะและขอพรจากองค์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม ศาลเจ้าจิชู และน้ำศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ยังเป็นนิยมไปชมวิวทิวทัศน์ในช่วงฤดูซากุระบานและช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดมากๆค่ะ หากท่านใดสนใจเดินทางไปเที่ยวที่วัดแห่งนี้ ทางบริษัทมีทัวร์เกียวโต สามารถดูโปรแกรมได้ที่ลิงก์หรือโทรมาสอบถามได้เลยนะคะ