รีวิว จิ่วเฟิ่น ที่เที่ยวไต้หวันยอดฮิต ที่ต้องมาสักครั้ง

แชร์บทความนี้

หากคุณกำลังจะไปเที่ยวประเทศไต้หวัน สถานที่ท่องเที่ยวที่อยากแนะนำให้ลองไปสักครั้งนั่นคือ จิ่วเฟิ่น (Jiufen) หมู่บ้านบนภูเขาซึ่งมีเสน่ห์และเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทัวร์ไต้หวัน ที่นี่มีบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโบราณของบ้านเรือน ร้านค้า และวิวธรรมชาติสวยๆ โดยเฉพาะในช่วงเย็นที่แสงไฟจากโคมแดงตามตรอกซอยต่าง ๆ ส่องสว่าง ทำให้บรรยากาศของหมู่บ้านเหมือนกับอยู่ในภาพยนตร์ย้อนยุค จะมีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง ลองอ่านรีวิว

1. ประวัติของจิ่วเฟิ่น

เป็นหมู่บ้านบนเขาที่อยู่ใกล้ทะเลที่มีความเป็นมายาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 สมัยที่หมู่บ้านนี้ยังมีครัวเรือนอยู่เพียง 9 ครัวเรือน การขนส่งสินค้าทางบกในยุคนั้นยากลำบากและไม่สะดวก เมื่อมีการขนส่งเสบียงหรือของใช้จำเป็นมายังหมู่บ้าน จึงต้องสั่งในปริมาณสำหรับ 9 ครอบครัว ชื่อ “จิ่วเฟิ่น” หรือ “เก้าส่วน” จึงเกิดขึ้นจากการสั่งเสบียงในลักษณะนี้ จากนั้น ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วหลังจากการค้นพบทองคำในบริเวณหมู่บ้าน กลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเหมืองทองคำ มีการสร้างอาคารบ้านเรือน ร้านค้า และสถานบันเทิงมากมายในหมู่บ้าน ส่งผลให้มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก

จิ่วเฟิ่น
จิ่วเฟิ่นหมู่บ้านบนเขาใกล้ทะเบ

ต่อมา หลังสงครามโลกครั้งที่สองและได้มีการยุติการขุดทองในช่วงปลายทศวรรษ 1950 เริ่มเข้าสู่ยุคที่เงียบเหงา ประชากรลดลงเนื่องจากผู้คนย้ายออกไปหางานทำที่อื่น จนทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เกือบจะถูกลืมเลือนไป และในช่วงทศวรรษ 1980 ได้รับการฟื้นฟูและกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งหลังจากที่ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ไต้หวันเรื่อง “A City of Sadness” (1989) ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมและทำให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจอย่างมาก

jiufen
กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของไต้หวัน

ด้วยความที่หมู่บ้านตั้งอยู่บนภูเขาที่มีวิวทิวทัศน์ที่งดงามของทะเลและหุบเขา เดินเข้าหมู่บ้านตามตรอกซอกซอยต่างๆ จะสามารถแวะชมวิวในหมู่บ้านและวิวภูเขาทะเลได้ อีกทั้งยังได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์อนิเมชั่นชื่อดัง “Spirited Away” ของ Studio Ghibli ที่ทำให้เห็นบรรยากาศในยามค่ำคืนที่โคมไฟสีแดงสว่างไสว นอกจากนี้ ระหว่างทางเดินในหมู่บ้าน ยังเต็มไปด้วยร้านค้าขายของฝาก ของท้องถิ่น ของกิน และของใช้ต่างๆ ที่มีทั้งสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของไต้หวัน รวมถึงขนมท้องถิ่น เช่น ถั่วเขียวเคี่ยว และเฉาก๊วยอีกด้วย

jiefen
นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาเที่ยวที่ Jiufen
ร้านค้าจิ่วเฟิ่น
ด้านในร้านค้ามากมาย

นอกจากนี้ Jiufen ยังมีร้านชาหลายร้านที่สามารถนั่งชิมชาและเพลิดเพลินกับบรรยากาศมองเห็นวิวหมู่บ้านและภูเขา ทะเล ชาจีนที่นี่มีหลายชนิดและนิยมเสิร์ฟพร้อมกับของว่างเล็กๆ อาหารที่นี่มีหลายอย่างให้เลือก อาหารที่แนะนำให้ลอง คือ เต้าหู้เหม็น น้ำเต้าหู้ เกี๊ยวไส้หมู และชานมไข่มุก อย่างไรก็ตาม ที่หมู่บ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ขอแนะนำให้ไปเที่ยวในวันธรรมดา จะได้ฟินกับบรรยากาศของสถานที่แห่งนี้

ร้านชา
ร้านชา
ร้านชานมไข่มุก
ร้านชานมไข่มุก

Jiufen มีร้านอาหารและร้านขนมท้องถิ่นมากมายที่ควรลองเมื่อไปเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ ร้านเหล่านี้ส่วนใหญ่มีอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งบรรยากาศของร้านยังคงเอกลักษณ์ความโบราณของหมู่บ้าน ขอแนะนำดังนี้

3.1 ร้านขนมและเครื่องดื่มแนะนำ

1) A-Mei Tea House

A-Mei Tea House เป็นบ้านชาที่มีชื่อเสียงที่สุดใน Jiufen มีบรรยากาศที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงเย็นที่โคมแดงสว่างไสว คุณสามารถนั่งชิมชาแบบดั้งเดิมและชมวิวทิวทัศน์ของหมู่บ้านและทะเล

A-Mei Tea House
A-Mei Tea House / credit ameiteahouse.com
A-Mei Tea House
ชาและขนมของ A-Mei Tea House / credit ameiteahouse.com
amei tea house jiufen view
นั่งชมวิวที่ A-Mei Tea House / credit ameiteahouse.com

2) Grandma Lai’s Sweet Taro Balls (賴阿婆芋圓)

ร้านนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของ “ยู้หยวน” หรือ บัวลอยเผือกและมันเทศ นั่นเอง มีทั้งแบบร้อนและเย็น แนะนำแบบร้อน เป็นขนมหวานที่หอมหวานและหนึบหนับ คล้ายๆ บัวลอยบ้านเรา ซึ่งเป็นที่นิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

Grandma Lai's Sweet Taro Balls
Grandma Lai’s Sweet Taro Balls / credit tripadvisor.com
บัวลอย
บัวลอยอร่อย / credit tripadvisor.com

3) Ah Lan Hakka Glutinous Rice Cake (阿蘭草仔粿)

เป็นร้านขนมพื้นเมืองโดยมีชื่อเสียงในเรื่องของ ขนมโมจิแบบพื้นบ้านของชาวฮากกา (Hakka) ที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวและไส้ต่าง ๆ เช่น ถั่วแดง เผือก หรือหมู เป็นขนมที่มีรสชาติหวานเล็กน้อยและมีเอกลักษณ์

Ah Lan Hakka Glutinous Rice Cake
ร้านขนมโมจิชื่อดัง / credit tripadvisor.com
ขนมโมจิแบบพื้นบ้านของชาวฮากกา
ขนมโมจิแบบพื้นบ้านของชาวฮากกา / credit tripadvisor.com

4) A Gan Yi Taro Balls (阿柑姨芋圓)

ร้านบัวลอยเผือกและมันเก่าแก่อีกหนึ่งร้าน ที่มีรสชาติหอมหวาน เนื้อหนึบ ร้าน A Gan Yi Taro Balls เป็นร้านที่สามารถนั่งกินบัวลอยชมวิวธรรมชาติ เห็นภูเขา ทะเล

A Gan Yi Taro Balls2
A Gan Yi Taro Balls / credit tripadvisor.com
บัวลอย
บัวลอยอร่อย บรรยากาศชิลๆ / credit tripadvisor.com

3.2 ร้านอาหารแนะนำ

1) Jin Zhi Red Yeast Rice Meat Ball (金枝紅糟排骨)

เป็นร้านอาหารท้องถิ่นที่ดังเมนู ซี่โครงหมูหมักด้วยข้าวหมักแดง รสชาติหอมหวาน ออกเปรี้ยวเล็กน้อย เป็นเมนูที่หาทานได้ยาก แนะนำให้มาลองทานสักครั้ง

Jin Zhi Red Yeast Rice Meat Ball
ร้าน Jin Zhi Red Yeast Rice Meat Ball / credit tripadvisor.com
Jin Zhi Red Yeast Rice Meat Ball
เมนูดัง / credit tripadvisor.com

2) Sheng Ping Theater Restaurant (昇平戲院餐廳)

เป็นร้านอาหารนี้ตั้งอยู่ในโรงละครเก่า มีบรรยากาศที่ย้อนยุคและให้บริการอาหารไต้หวันแบบดั้งเดิม เช่น ซุปเต้าหู้ ปลากะพงน้ำแดง และอาหารจานข้าวแบบท้องถิ่น

3) Zhajiangmian (炸醬麵)

Zhajiangmian หรือบะหมี่ซอสเต้าเจี้ยว เป็นอาหารเส้นที่ได้รับความนิยมใน Jiufen เส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม ผสมกับซอสเต้าเจี้ยวหมูที่รสชาติเข้มข้น และผักสด

4. เที่ยวช่วงไหนดี

เนื่องจากจิ่วเฟิ่นตั้งอยู่บนภูเขาทางตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวัน ใกล้ทะเล ทำให้มีอากาศเย็นและชื้นกว่าพื้นที่อื่น ๆ ในไต้หวัน จึงมีโอกาสเจอฝนตกได้ ดังนั้น จึงแนะนำไปในช่วงที่อากาศเย็นสบาย จะได้เดินเที่ยวกันชิลๆ นั่นคือไปได้ทั้งช่วงหน้าหนาว ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วงนั่นเอง ส่วนหน้าร้อนจะมีฝนตกหนักด้วย หากใครสะดวกช่วงนี้ แนะนำให้เช็คสภาพอากาศก่อนไปเที่ยว แต่ละฤดูอยู่ในช่วงเดือนไหนบ้าง ดูสรุปตารางด้านล่างได้เลย

jiufen high season
ร้านค้าต่างๆ

4.1 ฤดูหนาว

เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์
อุณหภูมิประมาณ 10 – 20 องศา
สภาพอากาศอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะในตอนกลางคืน มีหมอกช่วงเช้า แต่ช่วงนี้ยังมีฝนตกบ้าง
การแต่งตัวแนะนำให้เตรียมเสื้อกันหนาวและร่มไปด้วย
หน้าหนาว
หน้าหนาว

4.2 ฤดูใบไม้ผลิ

เดือนมีนาคม – พฤษภาคม
อุณหภูมิประมาณ 15 – 25 องศา
สภาพอากาศอากาศเย็นสบาย และอาจมีฝนตกบ้างบางวัน ช่วงเช้ามีหมอกลง ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติก
การแต่งตัวแนะนำให้เตรียมเสื้อกันหนาวและร่มไปด้วย
ฤดูใบไม้ผลิ
ฤดูใบไม้ผลิ

4.3 ฤดูร้อน

เดือนมิถุนายน – สิงหาคม
อุณหภูมิประมาณ 25 – 35 องศา
สภาพอากาศอากาศค่อนข้างร้อนชื้น ฝนตกหนัก โดยเฉพาะในช่วงที่มีพายุไต้ฝุ่น
การแต่งตัวแนะนำใส่เสื้อผ้าสบายๆ และเตรียมร่มไปด้วย
หน้าร้อน
ช่วงหน้าร้อน จะมีฝนตกหนัก

4.4 ฤดูใบไม้ร่วง (ใบไม้เปลี่ยนสี)

เดือนกันยายน – พฤศจิกายน
อุณหภูมิประมาณ 20 – 30 องศา
สภาพอากาศอากาศเย็นสบาย ฝนเริ่มน้อย ท้องฟ้าเปิด ใบไม้จะเปลี่ยนสี ถ่ายวิวภูเขาสวย
การแต่งตัวแนะนำแต่งตัวสบายๆ อาจเตรียมเสื้อกันหนาวมาเผื่อสักตัว และเตรียมร่มมาด้วย
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี อากาศเย็นสบาย

5. วิธีการเดินทางไปจิ่วเฟิ่น

การเดินทางจากไทเปไป Jiufen ค่อนข้างสะดวก มีให้เลือกหลายวิธี โดยสรุปได้ 5 วิธีดังนี้

5.1 การเดินทางโดยรถไฟและต่อแท็กซี่ (แนะนำ)

จากที่พักในไทเปที่ได้จองไว้ แนะนำให้ดูแผนที่ Google Maps ตามลิงค์ในตารางด้านล่าง Google Maps จะช่วยแนะนำการเดินทางโดยรถไฟให้ เพื่อไปถึง Jiufen Old Street จากนั้น เรียกแท็กซี่ขึ้นไปบนเขาจะสะดวกที่สุด เพราะแท็กซี่จะจอดตรงทางเข้าหมู่บ้านเลย

ที่ตั้งRuifang District, New Taipei City, Taiwan 224
แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
นั่งรถไฟไปจิ่วเฟิ่น
นั่งรถไฟไป
แท็กซี่
แท็กซี่ที่ขึ้นไปที่ Jiufen

5.2 การเดินทางโดยรถบัสตรงจากไทเป

จากสถานีรถบัสไทเป มีวิธีการเดินทางดังนี้

  1. ขึ้นรถบัสสาย 1062 (Keelung Bus) ที่มุ่งหน้าไป Jiufen จากสถานี Taipei Main Station หรือ Zhongxiao Fuxing Station
  2. ใช้เวลาประมาณ 1-1.5 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับการจราจร รถบัสจะพาคุณตรงไปที่ Jiufen Old Street ซึ่งเป็นทางเข้าถนนคนเดินหลัก

5.3 การเดินทางโดยแท็กซี่

นั่งรถแท็กซี่จากที่พักที่ไทเป ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร โดยราคาจะค่อนข้างแพง

นั่งแท็กซี่
นั่งแท็กซี่จากไทเป

5.4 การเดินทางโดยรถส่วนตัวหรือเช่ารถ

สำหรับใครที่ชอบความสะดวกสบาย ชอบขับรถไปเที่ยวเอง สามารถเปิด Google Maps ได้เลย แต่จะมีช่วงที่ต้องขับรถขึ้นเขา ต้องขับระวังนิดนึง การขับรถจากไทเปไป Jiufen ใช้เวลาประมาณ 45 นาที โดยสามารถขับไปจอดที่ลานจอดรถใกล้ๆ ทางเข้าหมู่บ้านได้เลย

5.5 การเดินทางโดยทัวร์

หากเดินทางมากับบริษัททัวร์ รถบัสจะไปจอดบริเวณลานจอดรถ และเดินประมาณ 200 เมตรเพื่อเข้าหมู่บ้านได้เลย

สรุป

เมื่อมีโอกาสมาเที่ยวไตัหวัน จิ่วเฟิ่น เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะถ้าชอบบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านโบราณ ผสมผสานความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นสถานที่เที่ยวยอดนิยม หากเลือกวันได้แนะนำให้มาวันธรรมดา ซึ่งตามตรอกซอกซอยต่างๆ ของหมู่บ้าน รวมทั้งร้านขนม ร้านอาหาร คนจะไม่เยอะมาก และแนะนำให้มาช่วงหน้าหนาว จะได้เดินได้สบายๆ ไม่ค่อยมีฝนตกด้วย ทั้งนี้ หากสนใจจองทัวร์ไต้หวัน สามารถทักไลน์ @lovelysmiletour ได้เลย

จิ่วเฟิ่น
4 เมษายน 2560 มาช่วงเช้า ไม่ค่อยมีคน
แชร์บทความนี้