ใครที่กำลังสนใจไปเที่ยวประเทศจีน เส้นทางคุนหมิงหรือเห็นรีวิวตามโซเชียลต่างๆอาจจะเคยเห็นภาพภูเขาสูง ที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี วิวสวยเว่อร์วังเหมือนอยู่ที่ยุโรป แต่รู้หรือไม่ว่าแลนด์มาร์คแห่งนี้เดินทางจากไทยเพียง 4 ชั่วโมงก็ได้สัมผัสวิวแบบนี้แล้ว ภูเขาแห่งนี้ได้แก่ ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) เมืองลี่เจียง หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของทัวร์จีนที่ถือว่าต้องมาเช็คอินให้ได้ถ้าได้มาเมืองลี่เจียง ภูเขาแห่งนี้จะมีอะไรที่น่าสนใจและทำไมถึงเป็นที่นิยมมากๆในหมู่นักท่องเที่ยว อ่านรีวิวนี้ก่อนออกเดินทางกันได้เลย
1.ประวัติ
ภูเขาแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A ตั้งอยู่ในอุทยานหิมะมังกรหยกเขตเมืองลี่เจียง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน มีระดับความสูงเหนือน้ำทะเล 5,596 เมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 415 ตารางกิโลเมตร ยอดเขามีลักษณะเป็นคลื่นเรียงกันคดเคี้ยวเหมือนมังกรที่กำลังเลื้อยอยู่กว่า 13 ยอด จึงได้ชื่อว่า ภูเขาหิมะมังกรหยก นั่นเอง โดยชาวนาซีซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองของลี่เจียงเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นที่สถิตของโอรสคนสุดท้องของพญามังกร โดยจุดชมวิวสูงสุดของภูเขาแห่งนี้ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวทัวร์ลี่เจียงได้สามารถท่องเที่ยวได้จะอยู่ที่ความสูง 4,506 เมตร สามารถสัมผัสวิวหิมะที่ปกคลุมยอดเขาได้อย่างใกล้ชิดและสามารถดื่มด่ำกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นธารน้ำแข็ง ป่าไม้ น้ำตก ทะเลสาบ ทุ่งหญ้า ได้แบบ 360 องศา

นอกจากนี้ รอบๆภูเขายังมีจุดชมวิวและสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ให้ได้แวะเช็คอินกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น จุดชมวิวกลาเซียร์พาร์ค , หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน และ ทุ่งหญ้าหยุนซานผิง รับรองว่ามาที่นี่จะได้ชมวิวและดื่มด่ำกับธรรมชาติกันอย่างเต็มที่แน่นอน นอกจากความงดงามทางธรรมชาติแล้ว ยังมีการแสดง Impression Lijiang ที่กำกับโดยผู้กำกับชื่อดัง จางอี้โหมว ซึ่งจัดแสดงกลางแจ้งท่ามกลางฉากหลังเป็นภูเขาหิมะ นำเสนอวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวนาซีอย่างน่าประทับใจ

2.การเดินทางสู่ยอดเขา
หลังจากที่เรามาถึงที่อุทยานหิมะมังกรหยกแล้ว เราจะได้นั่งรถของอุทยานเพื่อเดินทางสู่จุดนั่งกระเช้าที่ระดับความสูง 3,356 เมตร หลังจากนั้นจะได้นั่งกระเช้่าใหญ่ขึ้นสู่จุดชมวิวสูงสุดในระดับความสูง 4,506 เมตร โดยกระเช้านี้สามารถนั่งได้ 6-8 ท่าน ระหว่างทางที่ขึ้นไปสู่ยอดเขาเราจะได้ชมทิวทัศน์และธรรมชาติบนจุดที่สูงที่สุด และสวยงามที่สุดตลอดสองข้างทาง รับรองว่าจะได้ชื่นชมและดื่มด่ำกับความหนาวเย็นของธรรมชาติอย่างแน่นอน


3.เที่ยวเดือนไหนดี
ที่นี่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี บรรยากาศในแต่ละฤดูกาลก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันออกไปแต่ยังคงมีหิมะให้ได้ชมตลอดแต่จะมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่สภาพอากาศหน้างานด้วย ในแต่ละฤดูกาลจะมีอากาศเป็นอย่างไร เลือกท่องเที่ยวตามเดือนที่เหมาะสมกับตัวเองได้เลย
ฤดูหนาว : ธันวาคม – กุมภาพันธ์
ในช่วงฤดูหนาวของเมืองลี่เจียง อากาศจะค่อนข้างหนาวจัด อุณหภูมิเฉลี่ย 0-10 องศา โดยเฉพาะบนยอดเขาหิมะมังกรหยกอากาศอาจจะหนาวเย็นจนถึงอุณหภูมิติดลบได้ ฤดูนี้เหมาะสมอย่างมากที่จะมาชมหิมะที่จะค่อนข้างฟูและมีมากกว่าทุกช่วง โดยเฉพาะเดือนมกราคมจะเป็นช่วงที่อากาศหนาวเย็นและเป็นช่วงที่หิมะตกเยอะที่สุด ใครที่อยากสัมผัสหิมะแบบฟูๆ สามารถปักวันเดินทางมาที่ช่วงนี้ได้เลย

ฤดูใบไม้ผลิ : มีนาคม – พฤษภาคม
หลังจากที่ผ่านช่วงฤดูหนาวมาแล้ว ใครที่กลัวจะเดินทางช่วงฤดูหนาวไม่ไหว ช่วงฤดูใบไม้ผลิเป็นอีกหนึ่งฤดูที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวในช่วงนี้กันเป็นอย่างมาก โดยอุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ 5-17 องศา บนยอดเขาหิมะจะยังคงมีหิมะสวยงามให้ได้ชมอยู่ ดอกไม้และทุ่งหญ้าบนเขาจะเริ่มออกดอกและเริ่มเขียวขจีหลังจากที่หิมะได้เริ่มละลายลง โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน – พฤษภาคม ใครที่อยากมาสัมผัสบรรยากาศหิมะสลับกับป่าไม้ที่เริ่มเขียวขจีสามารถเดินทางช่วงนี้ได้เลย

ฤดูร้อน : มิถุนายน – สิงหาคม
ช่วงฤดูร้อนของเมืองลี่เจียงอากาศจะค่อนข้างเย็นสบาย อากาศไม่ร้อนจัดมาก ภูเขาและทุ่งหญ้ารอบๆจะเป็นสีเขียวขจีเต็มที่ โดยอุณหภูมิจะอยู่ที่ 14-25 องศา แต่ถึงจะเป็นฤดูร้อนบนยอดเข้าหิมะมังกรหยกก็ยังคงมีหิมะให้ได้ชมอยู่ และในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคมถ้าเดินทางในช่วงนี้อาจจะต้องระวังในเรื่องของฝนที่อาจตกลงมาได้ อาจจะต้องเตรียมร่มหรือเสื้อกันฝนมาด้วยน้า

ฤดูใบไม้ร่วง : กันยายน – พฤศจิกายน
ใครที่กำลังรอชมใบไม้เปลี่ยนสีสามารถเลือกปักวันเดินทางมาในช่วงฤดูนี้ได้เลย อุณหภูมิในช่วงนี้จะไม่เกิน 20 องศา เป็นช่วงที่ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศเย็นสบาย ต้นไม้และใบไม้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มและสีเหลืองสวยงาม ในช่วงของปลายเดือนพฤศจิกายนอาจจะเป็นช่วงที่หิมะเริ่มตกลงมาเพื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวต่อไป ในฤดูนี้เรียกได้ว่าเหมาะแก่การมาท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

4.การเตรียมตัว
4.1 ด้านสภาพอากาศ
จุดชมวิวบนยอดเขาแห่งนี้ในระดับความสูง 4,506 เมตร อากาศจะค่อนข้างเบาบาง อาจทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย เวียนหัว หรือหายใจไม่ทันได้ ในระหว่างเดินทางควรค่อยๆเริ่มเดินช้าๆ หรือ หยุดพักเดินระหว่างทางเมื่อรู้สึกเหนื่อย เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพขณะอยู่ที่สูง โดยสามารถซื้อออกซิเจนกระป๋องไปไว้ใช้ระหว่างทางตามร้านค้าก่อนขึ้นมาที่จุดชมวิวได้ สำหรับท่านใดที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับโรคความดัน โรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกเดินทาง

4.2 ด้านการแต่งกาย
ด้านบนภูเขาอากาศจะค่อนข้างหนาวเย็นกว่าด้านล่าง ความเตรียมอุปกรณ์กันหนาวที่ให้ความอบอุ่น เช่น เสื้อกันหนาว ถุงมือ ฮีทเทค ผ้าพันคอ เป็นต้น ที่สำคัญเลยคือรองเท้ากันลื่น เพราะด้านบนยอดเขาส่วนใหญ่จะปกคลุมไปด้วยหิมะ อาจจะทำให้ลื่นได้หากใส่รองเท้าที่ไม่มียางกันลื่น โดยด้านบนจะมีร้านขายอุปกรณ์กันหนาวสำหรับนักท่องเที่ยวให้ได้เลือกซื้อด้วย

5.ข้อมูลเพิ่มเติม
เวลาเปิดบริการ | เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.00 – 18.00 น. |
ค่าเข้าชมพื้นที่หลัก | 130 หยวน |
ค่ากระเช้า | กระเช้าใหญ่ (Glacier Park) : 180 หยวน กระเช้ากลาง (Yak Meadow) : 60 หยวน กระเช้าเล็ก (Spruce Meadow) : 55 หยวน |
สรุป
ภูเขาหิมะมังกรหยก เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ระดับ 5A ประจำเส้นทางคุนหมิงที่ได้รับความนิยมและสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ใครที่อยากสัมผัสวิวภูเขาที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปีท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเหมือนอยู่ยุโรปโดยที่ไม่ต้องเดินทางไกล สามารถลิสต์ที่นี่ไว้ในแพลนการเดินทางไว้ได้เลย สำหรับใครที่สนใจทัวร์คุนหมิง สามารถติดต่อสอบถามโปรแกรมทัวร์และข้อมูลเพิ่มเติมทางไลน์ @lovelysmiletour ได้เลย