หากพูดถึงประเทศยอดฮิตที่เดินทางง่าย ใช้เวลาเดินทางไม่นาน และยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ สิงคโปร์ก็เป็นอีกประเทศที่น่าสนใจเช่นกันค่ะ และเมื่อนึกถึงสิงคโปร์หลายๆ คนก็จะนึกถึงเรื่องความสะอาด ระบบขนส่งที่ทันสมัย ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และอีกสิ่งที่มีความสำคัญและโดดเด่นไม่แพ้กัน นั่นก็คือสัญลักษณ์ประจำประเทศสิงคโปร์อย่างสิงโตทะเลที่ชื่อว่า เมอร์ไลออน (Merlion) นั่นเองค่ะ ในบทความนี้ทีมงานทัวร์สิงคโปร์จะมาแนะนำเมอร์ไลออนกันค่ะ
1. ประวัติความเป็นมา Merlion
เมอร์ไลออนมีหัวเป็นสิงโตและลำตัวเป็นปลา ส่วนหัวที่เป็นสิงโตจะเป็นชื่อเดิมของสิงคโปร์ ก็คือสิงหปุระ และส่วนลำตัวมีลักษณะคล้ายปลาจะสื่อถึงจุดกำเนิดของสิงคโปร์ ที่ในอดีตเคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงมาก่อน หรือเรียกว่าเทมาเส็ก (Temasek) โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า ทาสิกที่แปลว่าทะเลสาบในภาษามาเลย์ และหลังจากนั้นก็ได้รับการขนานนามอีกชื่อว่า “เมอร์ไลออน” ที่เกิดจากคำว่า Mer แปลว่า ทะเล และ Lion ที่แปลว่า สิงโต
สำหรับรูปปั้นเมอร์ไลออนที่เป็นแลนด์มาร์กและจุดถ่ายรูปสำคัญของสิงคโปร์ขณะนี้ ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1972 โดยลิม นัง เส็ง (Lim Nang Seng) ช่างฝีมือชาวสิงคโปร์ และได้รับการออกแบบโดยควัน ไซ เคียง โดยรูปปั้นเมอร์ไลออนจะมีความสูงถึง 8.6 เมตร หนัก 70 ตัน และจะมีการพ่นน้ำออกมาอยู่ตลอดเวลา รูปปั้นนี้ได้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1972 ซึ่งตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำสิงคโปร์ แต่หลังจากที่สะพานเอสพลานาด (Esplanade Bridge) ได้สร้างเสร็จในปีค.ศ. 1997 ก็ทำให้บดบังทัศนียภาพของรูปปั้น ต่อมาในช่วงเดือนเมษายน ปีค.ศ. 2002 จึงได้มีการย้ายรูปปั้นไปไว้ที่เมอร์ไลออน พาร์ค (Merlion Park) บริเวณด้านหน้าของโรงแรมฟุลเลอร์ตัน (Fullerton Hotel) ที่สามารถมองเห็นวิวของอ่าวมารีน่า (Marina Bay) ได้อีกด้วยค่ะ
2. เมอร์ไลออนทั้ง 5 จุดอยู่ที่ไหนบ้าง
หลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบว่ารูปปั้นเมอร์ไลออนไม่ได้มีแค่ตัวเดียวในสิงคโปร์ โดยรูปปั้นที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสิงคโปร์จะมีทั้งหมด 5 ตัวด้วยกันค่ะ แต่จะมีที่ไหนบ้างไปดูกันค่ะ
2.1 เมอร์ไลออน พาร์ค (Merlion Park)
เริ่มต้นกันที่ที่แรก นั่นก็คือบริเวณเมอร์ไลออน พาร์ค จุดแลนด์มาร์กของสิงคโปร์ โดยที่เมอร์ไลออน พาร์คจะมีรูปปั้นเมอร์ไลออนทั้งหมด 2 ตัวด้วยกันค่ะ ตัวแรกจะอยู่ด้านหน้าโรงแรมฟุลเลอร์ตัน ซึ่งเป็นรูปปั้นตัวใหญ่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่สามารถพ่นน้ำออกจากปากได้ และอีกตัวจะเป็นตัวเล็กที่สูงเพียง 2 เมตร หนัก 3 ตัน ซึ่งมีชื่อว่า Merlion Cub หรือ ลูกของเมอร์ไลออน จะอยู่ห่างจากรูปปั้นเมอร์ไลออนตัวแรก 28 เมตรเท่านั้นค่ะ แต่เห็นตัวเล็กแบบนี้ก็ยังสามารถพ่นน้ำได้เช่นเดียวกันกับรูปปั้นตัวใหญ่ค่ะ ซึ่งบริเวณเมอร์ไลออน พาร์คจะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกับรูปปั้นเมอร์ไลออนมากที่สุดค่ะ ที่เมอร์ไลออน พาร์คจะมีการจัดแสดง Wonder Full–Light & Water Spectacular จะเป็นระบำน้ำพุพร้อมกับแสง สี เสียงให้นักท่องเที่ยวได้รับชมกันแบบไม่มีค่าใช้จ่าย โดยจะมีรอบการแสดงในช่วงกลางคืน รอบละประมาณ 15 นาที สำหรับวันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดี จะจัดแสดงในรอบ 20:00 น. และ 21:30 น. สำหรับวันศุกร์-เสาร์ จะจัดแสดงในรอบ 20:00 น. 21:30 น. และ 23:00 น.
ค่าเข้าชม | ฟรี |
เวลาทำการ | เปิดบริการทุกวัน 24 ชั่วโมง |
วิธีการเดินทาง
สามารถเดินทางได้โดยรถไฟ (MRT & LRT) รถบัส หรือรถแท็กซี่ แต่วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดจะแนะนำเป็นการนั่งรถไฟฟ้า MRT และรถเมล์ค่ะ โดยถ้าเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT จะมาลงที่สถานี Raffles Place Station (NS26/EW14) จากนั้นเดินออกที่ทางออก H และเดินไปบริเวณ One Fullerton ถัดไปก็จะเป็นสวนเมอร์ไลออน พาร์คค่ะ หรือจะเดินทางด้วยรถประจำทางก็ได้เช่นกันค่ะ โดยจะลงที่ป้ายรถเมล์ Fullerton Square แล้วเดินไปยังเมอร์ไลออน พาร์คต่อได้เลยค่ะ แต่ถ้าใครมีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาก็จะแนะนำเป็นแท็กซี่ค่ะ
ที่ตั้ง | 1 Fullerton Rd, Singapore 049213 | |
แผนที่ | ดูแผนที่ google map |
2.2 บริเวณเมาท์เฟเบอร์ (Mount Faber Park)
รูปปั้นนี้จะตั้งอยู่ที่บนจุดสูงสุดของเทือกเขา Mount Faber ซึ่งเป็นเทือกเขาที่สูงเป็นอันดับสองของสิงคโปร์ และยังเป็นจุดชมวิวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวมากมายอีกด้วยค่ะ เนื่องจากว่าเป็นจุดเชื่อมระหว่างสถานีกระเช้าลอยฟ้าสถานี Habour Front กับสถานี Sentosa Merlion โดยตัวรูปปั้นจะมีความสูง 3 เมตร สร้างด้วยหินอ่อนโพลีมาร์เบิล ซึ่งจะไม่สามารถพ่นน้ำได้เหมือนกับรูปปั้น 2 ตัวแรกค่ะ
ค่าเข้าชม | ฟรี |
เวลาทำการ | เปิดบริการทุกวัน 24 ชั่วโมง |
วิธีการเดินทาง
สามารถเดินทางได้ทั้งหมด 2 แบบค่ะ แบบแรกสามารถเดินทางด้วยกระเช้าไฟฟ้าไปลงที่ Mount Faber และแบบที่สอง นั่งรถไฟฟ้า MRT มาลงที่สถานี HarbourFront จากนั้นนั่งรถเมล์ VivoCity เพื่อต่อรถไปยัง Mount Faber ค่ะ
ที่ตั้ง | Mount Faber Park, Mount Faber Rd, Singapore | |
แผนที่ | ดูแผนที่ google map |
2.3 สำนักงานกรมการท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board)
รูปปั้นเมอร์ไลออนที่สำนักงานกรมการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ใกล้กันกับถนนแกรนด์ รูปปั้นตัวนี้จะอยู่ด้านในสำนักงาน สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1995 มีความสูง 3 เมตร ถึงรูปปั้นเมอร์ไลออนตัวนี้จะไม่ได้เป็นที่นิยมมากเท่ากับตัวที่อยู่ที่เมอร์ไลออน พาร์ค แต่ก็ถือเป็นรูปปั้นที่ความสำคัญสำหรับชาวสิงคโปร์อีกตัวเช่นกันค่ะ
นอกจากภายในสำนักงานแล้ว ยังมีรูปปั้นเมอร์ไลออนอีกตัวที่อยู่บริเวณจุดจอดแท็กซี่อีกด้วยค่ะ รูปปั้นเมอร์ไลออนตัวนี้เป็นรูปปั้นที่มีความสูง 3 เมตรเช่นเดียวกันกับรูปปั้นภายในสำนักงาน และจุดเด่นของรูปปั้นนี้ก็คือเป็นรูปปั้นเมอร์ไลออนตัวที่ผอมที่สุดค่ะ แต่อย่างไรก็ตามรูปปั้นตัวนี้ไม่ได้เป็นรูปปั้นเมอร์ไลออนที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลค่ะ
ค่าเข้าชม | ฟรี |
เวลาทำการ | เปิดทำการวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น. |
วิธีการเดินทาง
สามารถเดินทางได้โดยรถเมล์สาย 75 และ 564
ที่ตั้ง | 1 Orchard Spring Ln, #01-03, Tourism Court, Singapore 247729 | |
แผนที่ | ดูแผนที่ google map |
2.4 บริเวณ Ang Mo Kio
รูปปั้นเมอร์ไลออนตัวสุดท้าย จะตั้งอยู่ที่ถนน Ang Mo Kio บริเวณลานจอดรถบล็อก 216 ถึง 220 อยู่ตรงกันข้ามกับสวน Bishan Park โดยรูปปั้นเมอร์ไลออนตัวนี้เกือบที่จะไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการให้เป็นรูปปั้นเมอร์ไลออนอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลสิงคโปร์ เหตุเกิดมาจากความขัดแย้งของคณะกรรมการท้องถิ่นของเมือง Ang Mo Park นั่นเองค่ะ แต่ท้ายที่สุดก็ได้รับการรับรองให้เป็นเมอร์ไลออนในปีค.ศ. 1998
ค่าเข้าชม | ฟรี |
เวลาทำการ | เปิดบริการทุกวัน 24 ชั่วโมง |
วิธีการเดินทาง
สามารถเดินทางได้โดยรถเมล์สาย 262 และ 761 หรือนั่งรถไฟฟ้า MRT ลงที่สถานี Ang Mo Kio
ที่ตั้ง | Near 218 Ang Mo Kio Ave 1, Singapore 560218 | |
แผนที่ | ดูแผนที่ google map |
3. สามารถเยี่ยมชมเมอร์ไลออนช่วงไหนได้บ้าง
รูปปั้นเมอร์ไลออนตามจุดต่างๆ ในประเทศสิงคโปร์จะสามารถชมได้ตลอดทั้งปีค่ะ แต่รูปปั้นเมอร์ไลออนที่อยากแนะนำให้ไปถ่ายรูปเช็คอินและยังเป็นรูปปั้นยอดฮิตของนักท่องเที่ยวมากมาย จะเป็นรูปปั้นเมอร์ไลออน ที่เมอร์ไลออน พาร์คค่ะ โดยรูปปั้นเมอร์ไลออนนี้จะเป็นรูปปั้นที่สามารถพ่นน้ำได้และสามารถชมได้ตลอดทั้งวัน จะมีการพ่นน้ำจากปากสิงโตอยู่ตลอดเวลา
หากไปตอนกลางวันก็สามารถถ่ายรูปออกมาสวย มองเห็นได้ชัด หรือหากไปตอนกลางคืนก็จะมีการประดับไฟมากมาย นอกจากนี้ยังมีการแสดงให้ได้ชมอีกด้วยค่ะ และที่สำคัญไม่มีค่าเข้าชม สามารถเดินทางไปถ่ายรูปเช็คอินกันได้เลยค่ะ แต่เนื่องจากว่าสภาพอากาศของประเทศสิงคโปร์จะมีความคล้ายคลึงกับภาคใต้บ้านเรา อากาศจะร้อนชื้นและมีฝน ดังนั้นถ้าจะเดินทางไปเที่ยวกันอย่าลืมเช็คสภาพอากาศช่วงนั้นๆ อีกครั้งด้วยนะคะ
สรุป
ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายไม่ว่าจะเป็นสวนสนุกยอดฮิตอย่าง Universal Studio วัดต่างๆ แหล่งช้อปปิ้งและธรรมชาติ และอีกสถานที่ที่ยอดนิยมและไม่ควรพลาดอีกสถานที่ก็คือสวนเมอร์ไลออน พาร์ค ที่มีรูปปั้นสิงโตทะเลที่เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติสิงคโปร์นั่นเองค่ะ หากใครสนใจทัวร์สิงคโปร์ สามารถคลิกที่ลิงก์เพื่อดูโปรแกรมหรือแอดไลน์ LINE ID : @lovelysmiletour เพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลยค่ะ