การเริ่มต้นเดินทางไปทัวร์กัมพูชาในครั้งนี้ เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว หลังจากที่ตัดสินใจว่าจะเดินทางก็จัดการจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก และวางโปรแกรมเที่ยวกัน 3 วันก่อนเดินทางเท่านั้นจ้า !!
การออกเดินทางไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างแดนในครั้งนี้ สิ่งที่คิดภาพไว้ในหัวก่อนจะไปเลยก็คือ ประเทศกัมพูชา น่าจะเป็นประเทศที่อากาศร้อนมาก คงจะร้อนพอพอกับบ้านเรา ฝุ่นต้องเยอะมากแน่ๆ แล้วอาหารที่กัมพูชาจะเป็นยังไงนะ เรียกได้ว่าคิดไปต่างๆนาๆ แต่พอได้เดินทางไปถึง บอกได้เลยว่าภาพที่คิดไว้ในตอนแรกนั้นค่อยๆถูกลบออกไปหมดเลย จะเป็นเพราะอะไรต้องให้รีวิวนี้เป็นตัวช่วยในการเล่าเรื่องแล้วกันนะคะ
แต่ก่อนอื่นเลย อยากให้ทุกคนที่สนใจเดินทางไปเที่ยวที่กัมพูชาได้รู้ข้อมูลคร่าวๆกันก่อนนะคะ
- ประเทศกัมพูชา อาจจะยังไม่ได้เจริญเท่าประเทศไทยบ้านเรา ความสะดวกสบายอาจจะยังไม่ได้มีพร้อมมากนัก
- คนกัมพูชาใช้ชีวิตกันค่อนข้าง SLOW LIFE ค่อยเป็นค่อยไป ขับรถไม่เร็ว และการจราจรไม่ติดขัด
- การมาเที่ยวที่กัมพูชา บอกได้เลยว่าสถานที่เที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นปราสาท ปราสาท และ ปราสาท เพราะแต่ละปราสาทที่นี่จะมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย
- คนกัมพูชาใช้เงินสกุล “เรียล” แต่เวลานักท่องเที่ยวอย่างเราแลกไป แนะนำให้แลกเป็นเงิน ดอลล่าร์ (USD) ไปใช้จะคุ้มค่ากว่าค่ะ และบางสถานที่ บางร้านค้าสามารถใช้เงินไทยได้นะคะ
- ปลั๊กไฟที่กัมพูชา และ กำลังไฟ จะเหมือนของประเทศไทยบ้านเรา
- ประเทศกัมพูชาเป็นประเทศที่ “น้ำเปล่า” แพงกว่า “เบียร์”
- สภาพอากาศที่ประเทศกัมพูชา จะเหมือนประเทศไทยค่ะ
- คนกัมพูชาส่วนใหญ่เลย จะพูดภาษาอังกฤษได้
- รสชาติอาหารที่กัมพูชา ไม่แตกต่างจากอาหารไทยเท่าไหร่ค่ะ แต่จะเน้นออกไปทางรสหวาน
- การไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆที่กัมพูชา แนะนำให้เตรียมเสื้อผ้าสีสันสดๆนะคะ จะทำให้เวลาเราถ่ายรูปออกมาสวย
- สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เวลามาเที่ยวที่กัมพูชา คือ ครีมกันแดด หมวก ร่ม แว่นกันแดด และพัดลมพกพา
เส้นทางที่เลือกเดินทางไปท่องเที่ยวในครั้งนี้ คือ เส้นทางเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา จำนวนวันที่เดินทางคือ 3 วัน 2 คืน
มาเริ่มต้นการเดินทางไปพร้อมๆกันเลยนะคะ
เสียมเรียบ DAY 1
ในครั้งนี้ออกเดินทางไฟล์ทเช้า จากสนามบินดอนเมือง (DMK) บินตรงมาลงที่สนามบินเสียมเรียบ (REP) ประเทศกัมพูชาเลยค่ะ สะดวกมากๆ ใช้เวลาเดินทางแค่ประมาน 50 นาที – 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง นึกภาพตามได้เลยว่า หลังจากกรอกใบตม.เรียบร้อย
กำลังจะงีบสักนิดนึงก่อนเครื่องลง แต่ยังไม่ทันจะงีบเลยจ้า กัปตันประกาศว่ากำลังจะนำเครื่องลงแล้ว รวดเร็วจริงๆ
เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินเสียมเรียบแล้ว สนามบินไม่ใหญ่มากค่ะ เราสามารถเดินลงจากเครื่องบินและเดินเข้าไปภายในสนามบินได้เลย หลังจากที่ผ่านตม.เข้ามาและรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็เดินทางออกมาขึ้นรถ
สำหรับใครที่ต้องการซื้อ SIM NET สามารถซื้อได้ที่ประตูทางออกของสนามบิน เดินทางออกประตูมาแล้วร้านจะอยู่ทางขวามือค่ะ
ไกด์แนะนำเป็นร้านสีเขียว ชื่อว่า “SMART” หากเดินทางแค่ 3 วัน ใช้แบบราคา 5 USD (ใช้โทรและเล่นเน็ตได้ 7 วัน)
สัญญาณถือว่าเร็ว และแรงใช้ได้เลยนะคะ
มาถึงก็หิวเลยเพราะใกล้เที่ยงแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เพราะฉะนั้นเราก็แวะกินข้าวกันก่อนเลยค่ะ อาหารมื้อแรกที่กัมพูชานี้เป็นอาหารที่คล้ายๆอาหารไทย สั่งมาแบบเต็มเปี่ยม รสชาติดีเลยค่ะ
เมื่ออิ่มท้องกับมื้อเที่ยงกับเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อเลย โปรแกรมในการมาถึงของเราวันแรกนี้จะยังไม่แน่นมาก มาเริ่มกันที่แรกคือ
วัดทะไม (วัดหัวกะโหลก)
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองเสียมเรียบ เป็นวันที่รวบรวมเก็บหัวกะโหลกของผู้ที่เสียชีวิตในช่วงของสงครามเขมรแดง ถูกเก็บไว้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ และ อุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
ภายในนี้จะมีหัวกะโหลกของผู้เสียชีวิตเรียงไว้มากมายเต็มไปหมด
ศาลเจ้าเจกเจ้าจอม
ไกด์เล่าประวัติคร่าวๆให้ฟังว่าทั้ง 2 พระองค์เป็นพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 และทั้งสองพระองค์มีความสามารถในการรบที่น่าเกรงขามและเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงาม จึงได้มีการสร้างรูปเคารพเพื่อเป็นตัวแทน โดยองค์ใหญ่แทนเจ้าเจก องค์เล็กแทนเจ้าจอม เราสามารถซื้อดอกบัวจากร้านค้าที่อยู่ข้างๆศาลเพื่อมาไหว้ท่านได้
ไปกันต่อไม่รอแล้วนะ เดินทางไปกันต่อจากในเมืองเสียบเรียม นั่งรถไปประมาน 30 นาที จะไปถึงที่เราจะไปล่องเรือกัน
นั่นคือสถานที่นี้
โตนเลสาบ หรือ ทะเสสาบโตนเล
ไปถึงก็ไปซื้อตั๋วและขึ้นเรือกันได้เลย ใช้เวลาในการล่องเรือไป-กลับอยู่ที่ 1 ชั่วโมง
ระหว่างล่องเรือ เราจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านละแวกนี้ ที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง แต่หากในช่วงหน้าแล้งก็จะหันมาทำนาปลูกข้าว และทำการเกษตรแทน
เมื่อเรือล่องไปเรื่อยๆจะเห็นโรงเรียนที่อยู่กลางน้ำ ไกด์เล่าว่าชาวเวียดนามมาสร้างไว้เพื่อเป็นที่สอนภาษาให้เด็ก
เรือจะพาเราไปยังจุดที่แวะพัก ให้เราได้ลงไปชมและเลือกซื้อของฝาก จะมีของฝากที่ทำจากหนังจระเข้ หนังงู
และหากใครอยากลองชิมเนื้อจระเข้ที่นี่ก็มีขายด้วยนะคะ
ในช่วงตอนที่ล่องเรือกลับมาถึงท่าแล้ว ก็เดินทางกลับเพื่อไปเชคอินโรงแรมกันค่ะ
ที่พักตลอด 2 คืน ในทริปนี้ คือ REGENCY ANGKOR HOTEL
– โรงแรมอยู่ติดถนนใหญ่
– ห้องพักมีความกว้างขวาง สะดวกสบาย และสะอาดมากๆ
– โรงแรมอยู่ห่างจาก NIGHT MARKET และ PUB STREET ประมาน 3 กิโลเมตร
– ที่โรงแรมมีรถตุ๊กตุ๊กไว้คอยบริการ (แต่ไม่ได้บริการฟรีนะคะ) สามารถแจ้งพนักงานให้เรียกให้ได้ค่ะ
แค่วันแรกก็สนุกมากๆแล้ว พักผ่อนกันก่อนนะคะ พรุ่งนี้เที่ยวต่อแบบเต็มอิ่มจุใจกันไปเลย
DAY 2
เช้าวันที่ 2 อันแสนสดใส เริ่มต้นด้วยการทานอาหารเช้าที่โรงแรม ขอบอกเลยว่าอาหารอร่อยใช้ได้เลยนะคะ และมีให้เลือกหลากหลายด้วยเมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อยก็เริ่มออกเดินทางกันเลย วันนี้เราจะเดินทางไปเที่ยว ปราสาท ปราสาท และ ปราสาทกันค่ะ
ไกด์แนะนำให้เราเดินทางไปตั้งแต่เช้าเพราะวันนี้ต้องเก็บหลายสถานที่
แต่หลังจากที่ล้อหมุนออกจากโรงแรม เราจะต้องไปซื้อตั๋วเพื่อเข้าชมสถานที่ต่างๆกันก่อนค่ะ
เราเลือกซื้อตั๋วแบบ ONE DAY TRIP ในราคา 37$
ปราสาทนครวัด หรือ ANGKOR WAT TEMPLE
ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างโดยพระเจ้าสุริยะวรมันที่ 2 เป็นวัดประจำพระองค์ ก่อนหน้านี้สร้างไว้เพื่อบูชาพระวิษณุ ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู และต่อมาได้เปลี่ยนเป็นศาสนาพุทธ ซึ่งใช้เวลาในการสร้างประมาน 100 ปี ใช้ช้างในการลากหินมาเพื่อสร้าง และใช้เวลาในการแกะสลักลวดลายต่างๆอีกเกือบ 40 ปี
เคยได้อ่านหลายๆบทความ ที่บอกกันว่า “ YOU MUST SEE ANGKOR WAT BEFORE YOU DIE ”
และพอได้มาเห็นกับตาตัวเอง บอกได้เลยว่าปราสาทแห่งนี้คู่ควรกับคำนี้จริงๆค่ะ
เมื่อเราเดินเข้ามาด้านในตัวปราสาทเราจะเห็นภาพแกะสลักมากมายตามผนัง ศิลปะบนผนังถูกแกะสลักและบอกเล่าเรื่องราวไว้อย่างมากมาย เดินฟังไกด์เล่า และ ถ่ายรูปไปเพลินๆเลยทีเดียวค่ะ
ด้านบนขอยอดปราสาทแห่งนี้จะมีจุดชมวิว ที่สามารถขึ้นไปดูวิวโดยรวมของปราสาทและมีพระพุทธรูปอยู่ทั้ง 4 ด้านในแต่ละมุมปราสาทเพื่อให้เราขึ้นไปกราบไหว้ได้ โดยจะมีจุดให้เราต่อแถวขึ้นไป จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความเรียบร้อยในการขึ้นไปด้านบน
เมื่อขึ้นมาด้านบน ลมเย็นมาก และภาพวิวมุมสูงของปราสาทแห่งนี้สวยงามมากค่ะ เก็บภาพเพลินๆอีกแล้ว
ที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความเรียบร้อย ตั้งแต่ตรวจบัตร ตรวจการแต่งกาย มีป้ายคอยบอกข้อห้ามตามจุดต่างๆ
ใช้เวลาอยู่ที่ปราสาทนครวัดนานพอสมควร เพราะมันสวยมากจริงๆค่ะ
ปราสาทบายน ใจกลางเมืองนครธม
ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ความโดดเด่นของปราสาทนี้คือ รอบๆปราสาทและบนยอดของปราสาทจะเต็มไปด้วยพระพักตร์บนยอดปราสาท 54 ยอด แต่ได้พังทลายลงไปจนปัจจุบันนี้เหลืออยู่ 37 ยอด ให้ความรู้สึกว่าไม่ว่าเราจะยืนอยู่มุมใดของปราสาท ก็ไม่อาจจะรอดพ้นจากสายตาเหล่านี้ไปได้
ตัวปราสาทประกอบด้วย ระเบียงคด 2 ชั้น ประกอบด้วย
– ระเบียงคดชั้นนอก เป็นภาพแกะสลักลายฝังลึกถึงเนื้อหิน เช่นเดียวกับภาพแกะสลักที่ปราสาทนครวัด
– ระเบียงคดชั้นใน เป็นภาพแกะสลักเนื้อเรื่องเกี่ยวกับเทพเจ้าฮินดู พระศิวะ พระนารายณ์
เดินทางออกนอกตัวเมืองไปเที่ยวปราสาทด้านนอกกันค่ะ ใช้เวลานั่งรถไปประมาน 30 นาที เราก็จะมาถึงที่
ปราสาทบันทายสรี
บันทายสรี ออกเสียงตามภาษาเขมรว่า “บอนเตียสเรย” หมายถึง ป้อมสตรี
ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพราหมณ์ยัชญวราหะ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระเจ้าชัยวรมันที่ 5
** สร้างในตอนปลายของสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 และสร้างเสร็จในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 **
เป็นปราสาทที่อยู่ออกมานอกเมือง สร้างจากหินทรายสีชมพู และขึ้นชื่อว่าเป็นปราสาทที่มีความชดช้อยงดงามที่สุด
ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทขนาดเล็กที่ประกอบด้วยปราสาท 3 หลัง โดยปราสาททางทิศใต้สร้างขึ้นเพื่อถวายพระพรหม ปราสาททางทิศเหนือสร้างเพื่อถวายพระวิษณุ และส่วนปราสาทกลางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดสร้างเพื่อถวายพระศิวะ
ปราสาทแห่งนี้ได้รับขนานนามว่า เป็น “อัญมณีแห่งศิลปะขอม”
นั่งรถกลับเข้าเมืองเสียมเรียบกันค่ะ เรากำลังจะเดินทางไปเที่ยวอีกหนึ่งปราสาทที่ถือเป็นอีกหนึ่ง HIGHLIGHT ของทริปนี้
ปราสาทตาพรหม
ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่ออุทิศแด่พระราชมารดาของพระองค์
ตัวปราสาทให้ความรู้สึกเหมือนเทวาลัยล้างกลางป่าที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นสะปงยักษ์ที่รากชอนไชไปตามระเบียงคด
ดูเหมือนเป็นการนำธรรมชาติมารวมกับสถาปัตยกรรม
เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะพบกับจุดที่ต้นสะปงขนาดใหญ่แผ่รากปกคลุม ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกัน และยังถูกใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง TOMB RAIDER ซึ่งทำให้คนรู้จักปราสาทแห่งนี้มากขึ้น
วันนี้ทั้งวันก็ได้เที่ยวปราสาทกันอย่างจุใจถึง 4 ปราสาทสำคัญของชาวกัมพูชา พอได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง แต่ละสถานที่ยังคงสวยงามมากจริงๆค่ะ
เราเดินทางกลับมาที่โรงแรมเพื่อพักเหนื่อยกันสักครู่ แล้วพอตกค่ำ ก็ออกไปเดินเที่ยวที่ตลาด NIGHT MARKET และ PUB STREET
NIGHT MARKET / PUB STREET
ย่านนี้เป็นย่านถนนกลางคืนที่มีความครึกครื้นมากค่ะ ให้นึกภาพตาม ความรู้สึกเหมือนเรากำลังเดินอยู่ที่ถนนข้าวสาร หรือ ถนนคนเดินเชียงใหม่ ละแวกนี้เต็มไปด้วยบาร์ และ ร้านอาหารมากมาย
มาถึงที่นี่ไกด์แนะนำว่าต้องมาลองกิน STREET FOOD หรือ KHMER FOOD ของคนที่นี่ ราคาเริ่มต้นที่ 1$ ซึ่งเราก็ลองกินข้าวผัดผักรวมโปะด้วยไข่ดาว อร่อยใช้ได้เลยค่ะมีความเผ็ดเล็กน้อย จานนี้ราคาแค่ 2$
หากต้องการซื้อของฝาก เสื้อผ้า กระเป๋า งานสาน อาหารทะเลแห้ง พริกไทย ขนม ก็สามารถซื้อได้จากที่ตลาด NIGHT MARKET เช่นกันราคาไม่แพง และสามารถต่อรองราคากับคนขายได้ค่ะ
DAY 3
เช้าวันสุดท้ายของทริปกัมพูชาแล้วค่ะ เนื่องจากไฟล์ที่เดินทางกลับเป็นไฟล์ทดึก ทำให้วันนี้มีเวลาเที่ยวได้เต็มๆวันอีก 1 วัน
หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ก็ทำการ CHECK OUT และเดินทางไปกันต่อค่ะ
สถานที่วันนี้ที่เราจะไปก็ถือได้ว่าเป็น HILIGHT ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมากัมพูชาเช่นกัน เราจะไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติของกัมพูชากันค่ะ
ออกเดินทางไปนอกเมืองไปกันค่ะ ใช้เวลานั่งรถไปประมาน 1 ชั่วโมง นั่งไปเพลินๆ ชมวิวไปเรื่อยๆ ก็ถึงทางเข้า
พนมกุเลน
สถานที่แห่งนี้พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ทรงสถาปนาให้พนมกุเลนเป็นราชธานีแห่งแรกของอาณาจักรขอมโบราณ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติพนมกุเลน มีความโดเด่นทางธรรมชาติ และ ความอุดมสมบูรณ์ทั้งภูเขา และ น้ำตก
เมื่อขับรถเข้ามาสู่เขตอุทยานแล้ว ขับมาสักพักไกด์ก็แวะพาเราชมจุดชมวิวหน้าผา เพื่อเก็บภาพสวยๆ
สูงมากๆ แต่วิวตรงหน้าสวยมากๆค่ะ
ลำธารสหัสลึงค์
เดินทางมากันต่อที่ ลำธารสหัสลึงค์ ซึ่งมีความเชื่อว่าลำธารแห่งนี้เป็นตัวแทนของพระศิวะ ซึ่งทำการบวงสรวงด้วยการใช้น้ำรดผ่านไปยังศิวลึงค์ผ่านฐานโยนีที่เป็นตัวแทนของพระแม่อุมา ถือได้ว่าน้ำที่ไหลลงมาเป็นน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ประกอบพิธีอันเป็นมงคล
มีศิวลึงค์จำนวนนับร้อยนับพันที่ถูกแกะสลักไว้ใต้น้ำจะถูกน้ำจากเทือกเขาไหลผ่าน ทอดเป็นทางยาวกว่า 400 เมตร เปรียบเสมือนการบวงสรวงพระศิวะและพระแม่อุมา จึงเชื่อกันว่าลำธารแห่งนี้ คือ “ลำธารอันศักดิ์สิทธิ์”
วัดพระองค์ธม
สถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นแหล่งโบราณคดีกลางป่าใหญ่
มีรูปแกะสลักพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ที่ถูกแกะสลักจากหินส่วนยอดเขาของหินก้อนใหญ่ ประดิษฐานอยู่ภายในโบสถ์ลอยฟ้า
หากเมื่อเดินขึ้นไปยังสามารถชมวิวทิวทัศน์ของผืนป่าพนมกุเลนได้อีกด้วย
ที่วัดพระองค์ธมแห่งนี้ มีศิวลึงค์ขนาดใหญ่ ให้เราได้รดน้ำขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคงแก่ชีวิต
หลังจากที่ไหว้พระขอพระเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางลงมาจากเข้าพนมกุเลน เพื่อจะเดินทางไปอีก 1 ปราสาทในเส้นทางนี้
แต่ก่อนอื่น ต้องพักทานอาหารกลางวันกันก่อนนะคะ อร่อยอีกแล้วมื้อนี้
บึงมาลา หรือ เบ็งเมเลีย
ในภาษาเขมรเรียกว่า เบ็งเมเลีย แปลว่า บึงดอกไม้หอม ถูกสร้างขึ้นก่อนปราสาทนครวัด โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2
บรรยากาศของบึงมาลาแห่งนี้ เป็นเหมือนกับปราสาทศิลาที่หลับใหลอยู่ท่ามกลางพงไพร เวลาเดินชมจะให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังเดินอยู่ในอาณาจักรที่ล่มสลาย
หลังจากที่เราเที่ยวกันจนเต็มอิ่มจุใจแล้ว ก็เดินทางกลับเข้ามาสู่ตัวเมืองเสียมเรียบ
ก่อนเดินทางไปสนามบิน พอจะมีเวลาเหลือ ไหนๆมาเที่ยวที่กัมพูชาทั้งที สังเกตตั้งแต่วันแรกแล้วว่าที่เสียมเรียบนี้ก็มีร้านคาเฟ่สวยๆ ชิคๆ เยอะแยะมากมาย เลยลองเลือกร้านที่เล็งๆไว้ตั้งแต่วันแรกที่เห็น เพราะไม่ไกลจากสนามบินมากนัก
BROWN CAFE
ร้านคาเฟ่ที่มีชื่อเสียงพอสมควรในเมืองเสียมเรียบ มีหลายสาขา
สไตล์การตกแต่งร้านออกไปในแนวไม้โทนสีน้ำตาลคลีนคลีน สบายตา
มีของตกแต่งภายในร้านเป็นสไตล์เขมร ภายในร้านมีความโอ่โถง กว้างขวาง เพดานสูง และหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟ
เป็นคาเฟ่ที่เหมาะกับการนั่งผ่อนคลาย นั่งทำงานมากๆเลยค่ะ
::::: เมนูที่สั่งมาลองกัน :::::
– COFFEE DRIP 2.50$
– MATCHA LATTE 1.50$
– BANANA MUFFIN
– GREENTEA CHIFFON ROLL
เมื่อทานกาแฟทานขนมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาที่เราจะต้องเดินทางไปสนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯกันแล้ว
ถึงสนามบิน CHECK IN โหลดกระเป๋า รับ BOARDING PASS เรียบร้อยแล้ว
ยังเหลือเวลาเดินเล่นใน DUTY FREE และทานอาหารเย็นมื้อสุดท้ายของทริปนี้ที่สนามบินก่อนขึ้นเครื่องกลับ
กลับแล้วนะ เดี๋ยวจะมาใหม่ BYE BYE SIEM REAP
เดินทางถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ พร้อมความสุข
สรุป
ตลอด 3 วัน 2 คืน ที่ได้ท่องเที่ยวหาประสบการณ์ใหม่ๆที่เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชานี้ ทำให้รับรู้ถึงความรู้สึกดีและเริ่มหลงรักประเทศนี้ขึ้นมาซะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เที่ยว ที่พัก อาหารการกิน การเดินทาง หรือแม้แต่คนที่นี่ส่วนใหญ่ก็ล้วนดูเป็นมิตรและมีรอยยิ้มมอบให้เสมอๆ มีโอกาสจะกลับมาอีกอย่างแน่นอน
บอกได้เลยว่าการได้มาสัมผัสประเทศนี้ทำให้เราลบภาพความคิดต่างๆนาๆที่คิดไว้ก่อนเดินทางมาถึงไปจนหมดสิ้นเลย
ทริปนี้มีแต่ความสุข และ ความประทับใจที่ได้รับและหอบกลับบ้านอย่างเต็มเปี่ยม
สุดท้ายนี้อย่าลืมนะคะ
“ YOU MUST SEE ANGKOR WAT BEFORE YOU DIE ”
“ กัมพูชา ต้องลองได้มาสักครั้งแล้วจะติดใจ ”