วากายามะ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะฮอนชู อยู่ติดกับโอซาก้าและนารา จึงทำให้เป็นจังหวัดที่ถูกมองข้ามอยู่บ่อยๆ เป็นเพราะว่าโอซาก้าและนาราเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงและทัวร์ญี่ปุ่นนิยมไปเที่ยวกันมากกว่านั่นเองค่ะ แต่ที่จริงแล้ววากายามะเป็นจังหวัดที่เหมาะกับการมาเที่ยวและพักผ่อนอย่างมาก เพราะว่าที่นี่มีทั้งภูเขา แม่น้ำ สถานที่สำคัญทางศาสนา และมีออนเซ็นให้ได้แช่เยอะเลยค่ะ ใครที่เหนื่อยจากการทำงานและอยากพักผ่อนก็แวะมาเที่ยวกันได้นะคะ ในบทความนี้จึงจะมาแนะนำ 9 ที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดกันค่ะ
สารบัญ
- ศาลเจ้าคุมาโนะนาชิ และวัดเซงันโทะจิ (Kumano Nachi Taisha and Seiganto-ji)
- แม่น้ำคุมาโนะ (Kumano River)
- ยุโนะมิเนะออนเซ็นและซึโบยุออนเซ็น (Yunomine Onsen and Tsuboyu Onsen)
- ปราสาทวากายามะ (Wakayama Castle)
- ตลาดปลาคุโรชิโอะ (Kuroshio Fish Market)
- พอร์โต ยูโรป้า (Porto Europa)
- สวนสนุกและธีมปาร์คแอดเวนเจอร์ เวิลด์ (Adventure World)
- ชายหาดชิราฮามะ (Shirahama Beach)
- ภูเขาโคยะ (Koya Mountain)
1. ศาลเจ้าคุมาโนะนาชิ และวัดเซงันโทะจิ (Kumano Nachi Taisha and Seiganto-ji)
ศาลเจ้าคุมาโนะนาชิ เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงและสวยงามแห่งนึงของเมืองคุมาโนะ ที่มีต้นกำเนิดมาจากการบูชาน้ำตกนาชิ ซึ่งที่ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ของเมืองคุมาโนะ ที่ว่าทัวร์วากายามะจะมาเที่ยวก็จะต้องแวะมาไหว้พระและถ่ายรูปชมวิวกันค่ะ ศาลเจ้าแห่งนี้จะไม่มีค่าเข้าชมค่ะ แต่ในส่วนของห้องเก็บสมบัติของศาลเจ้า จะมีค่าเข้าชม 300 เยนต่อท่านเท่านั้นค่ะ
วัดเซงันโทจิ เป็นวัดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับศาลเจ้าคุมาโนะนาชิ และเป็นวัดที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ในฐานะส่วนหนึ่งของแหล่งศักดิ์สิทธิ์และเส้นทางจาริกแสวงบุญในทิวเขาคิอิ โดยจุดเด่นของที่นี่จะเป็นศาลเจ้าสีแดงจำนวน 3 ชั้น ที่ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 330 เมตร มีฉากหลังเป็นน้ำตกนาชิและต้นไม้ต่างๆ ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากเลยค่ะ
2. แม่น้ำคุมาโนะ (Kumano River)
แม่น้ำคุมาโนะ เป็นเม่น้ำที่มีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยอดีต นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องวิวที่สวยงามและสีของน้ำที่มีความใสเหมือนกับมรกตแล้ว แม่น้ำคุมาโนะยังเป็นแม่น้ำในญี่ปุ่นที่แรกที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วยค่ะ โดยแม่น้ำคุมาโนะถูกใช้เป็นเส้นทางการเดินทางและขนส่งสินค้าของชาวบ้านในสมัยก่อน สำหรับใครที่อยากชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ที่นี่ก็มีบริการให้นั่งเรือ Sandanbo ด้วยค่ะ สามารถชมธรรมชาติ ต้นไม้ ภูเขาและความสวยงามของแม่น้ำได้ 360 องศา ถือว่าเป็นการพักผ่อนอย่างนึงเลยค่ะ ใครที่เดินทางมาที่แม่น้ำคุมาโนะก็อย่าลืมแวะมาล่องเรือชมธรรมชาติกันนะคะ
3. ยุโนะมิเนะออนเซ็นและซึโบยุออนเซ็น (Yunomine Onsen and Tsuboyu Onsen)
ยุโนะมิเนะออนเซ็น และซึโบยุออนเซ็น เป็นบ่อออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งมีอายุกว่า 1,800 ปี และได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโก โดยทั้งสองออนเซ็นนี้เป็นออนเซ็นที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านยุโนมิเนะ อุดมไปด้วยแร่โซเดียม กำมะถันและแร่ธาตุอื่นๆ อีกมากมาย น้ำพุร้อนจะมีอุณหภูมิถึง 92 องศาเซลเซียส ที่มีคุณสมบัติช่วยบำบัดและรักษาโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคทางเดินอาหาร โรคเบาหวาน ไขข้ออักเสบ รวมไปจนถึงโรคผิวหนัง นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องบ่อน้ำพุร้อนแล้ว ที่นี่ยังมีวิวที่สวยงามของแม่น้ำยูโนะทานิที่ไหลผ่านกลางหมู่บ้านยุโนะมิเนะอีกด้วย บริเวณ 2 ข้างทางของแม่น้ำก็จะมีบ้านเล็กๆ ของชาวบ้าน มีชาวบ้านบางส่วนที่ได้เปิดบ้านของตัวเองให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนกันด้วยค่ะ หรือถ้าจะใช้บริการโรงอาบน้ำแร่สาธารณะที่นี่ก็มีให้บริการ ซึ่งมีทั้งแบบธรรมดา ค่าบริการ 260 เยน และห้องอาบน้ำสมุนไพร ค่าบริการ 390 เยน เปิดให้บริการตั้งแต่ 06:00-22:00 น.
บริเวณริมแม่น้ำยูโนะทานิก็จะมีซึโบยุออนเซ็น เป็นกระท่อมไม้หลังเล็กๆ ภายในจะมีบ่อออนเซ็นที่ทำมาจากหินธรรมชาติ จุดเด่นของบ่อน้ำพุที่นี่คือ น้ำในบ่อจะเปลี่ยนสีประมาณ 7 ครั้งต่อวันค่ะ บ่อน้ำพุร้อนของที่นี่จะมีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก จึงใช้บริการได้แค่ครั้งละ 1-2 คนเท่านั้นค่ะ โดยแต่ละรอบสามารถใช้บริการได้ครั้งละ 30 นาที สำหรับใครที่อยากมาแช่น้ำพุร้อนที่นี่นะคะ ที่ออนเซ็นแห่งนี้จะมีค่าบริการคนละ 750 เยน ซึ่งเปิดตั้งแต่เวลา 06:00 – 21:30 น.
4. ปราสาทวากายามะ (Wakayama Castle)
ปราสาทวากายามะ เป็นปราสาทที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1858 ถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้ถูกบูรณะจนถึงปัจจุบัน โดยยังคงอนุรักษ์ให้อยู่ในรูปแบบดั้งเดิมในหลายๆ ส่วน ปราสาทนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่สำคัญของวากายามะเลยค่ะ ระหว่างทางเดินไปปราสาทก็จะมีส่วนหย่อมที่เป็นแบบสไตล์ญี่ปุ่นให้ได้ชม
ที่ปราสาทก็จะมีจุดไฮไลท์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกำแพงเมือง คูน้ำ ประตูเก่าดั้งเดิม หอคอยที่สร้างขึ้นใหม่ รวมไปถึงสะพาน Ohashi Roka ภายในก็จะจัดแสดงสมบัติของผู้ที่ปกครองปราสาทนี้ในอดีต ซากของปราสาทในอดีต ข้าวของเครื่องใช้ในอดีต และยังมีนิทรรศการที่เล่าถึงประวัติความเป็นมาของปราสาทอีกด้วย ที่นี่เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 9:00-17:30 น. โดยจะมีค่าเข้าชมอยู่ที่ 400 เยนต่อท่านค่ะ และที่ปราสาทแห่งนี้ยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวซากุระที่สวยเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ
5. ตลาดปลาคุโรชิโอะ (Kuroshio Fish Market)
ตลาดปลาคุโรชิโอะ เป็นตลาดปลาที่ตั้งอยู่ในเขตของ Marina City ซึ่งเป็นเกาะที่เกิดจากการถมทะเล มีเนื้อที่มากถึง 300 ไร่ โดยตลาดปลาแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดขายปลาและรองรับนักท่องเที่ยว ไฮไลท์ของที่นี่ก็จะเป็นการแล่ปลามากุโระสดๆ ให้ดู ซึ่งการแล่ปลานี้จะต้องใช้ฝีมืออย่างมากเลยค่ะ สำหรับโชว์การแล่ปลามากุโระจะมีเพียงวันละ 3 รอบต่อวันเท่านั้น ก็คือ 11:00 น., 12:30 น. และ 15:00 น. ถ้าใครที่อยากชมโชว์การแล่ปลาล่ะก็วางแผนเรื่องเวลาการเดินทางกันดีๆ นะคะ นอกจากจะมีโชว์แล่ปลาให้ดูแล้ว ภายในตลาดยังมีสินค้าให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเลสดๆ หรือที่ปรุงสุกแล้วก็มีค่ะ แต่ว่าที่นี่เขาไม่ได้มีแค่อาหารทะเลขายเท่านั้นนะคะ ที่นี่ยังขายสินค้า OTOP สินค้าทางการเกษตร สินค้าแปรรูป ไปจนถึงของที่ระลึกอีกด้วย
6. พอร์โต ยูโรป้า (Porto Europa)
พอร์โต ยูโรป้า เป็นสวนสนุกที่ตกแต่งสไตล์ยุโรป ภายในก็จะมีเครื่องเล่นให้ได้เล่นมากมายเลยค่ะ และนอกจากนี้ยังมีจุดให้ถ่ายรูปสวยๆ เพียบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตึกต่างๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมของประเทศในฝั่งยุโรป ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน หรือทะเลที่อยู่ล้อมรอบสวนสนุก ใครที่ชอบการถ่ายรูปถ้ามาที่นี่ถือว่าคุ้มเลยค่ะ สำหรับพอร์โต ยูโรป้าจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม แต่สำหรับเครื่องเล่นต่างๆ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่ะ
7. สวนสนุกและธีมปาร์คแอดเวนเจอร์ เวิลด์ (Adventure World)
สวนสนุกและธีมปาร์คแอดเวนเตอร์ เวิลด์ เป็นสวนสนุกที่มีทั้งสวนสัตว์ สวนน้ำ และซาฟารีอยู่ภายใน เรียกได้ว่าครบจบในที่เดียวเลยค่ะ ที่สวนสนุกก็จะมีเครื่องเล่นให้ได้เล่นกันแบบจุใจ ทั้งชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน รถไฟเหาะ โดยตัวเครื่องเล่นที่นี่จะมีความพิเศษตรงที่เป็นลายสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ในสวนสนุกธีมปาร์คแอดเวนเจอร์ค่ะ หรือถ้าใครที่ไม่ชอบการเล่นเครื่องเล่น ก็สามารถมาเดินเล่นภายในสวนสัตว์หรือซาฟารีได้ค่ะ ภายในก็จะมีสัตว์หลายชนิดให้ได้ชม ไม่ว่าจะเป็นสิงโต ม้าลาย ยีราฟ นกแก้ว และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย และที่นี่ยังเป็นศูนย์เพาะพันธุ์แพนด้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย สำหรับใครที่ไม่อยากเดินชมสัตว์ในโซนต่างๆ ให้เหนื่อย ที่นี่ก็จะมีรถไฟ Kenya ให้ได้นั่ง ซึ่งจะไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม โดยจะให้บริการตั้งแต่เวลา 10:40-15:30 น. หรือถ้าใครมาเป็นครอบครัวที่นี่ก็มีรถให้เช่าด้วยค่ะ จะมีตั้งแต่จักรยาน รถจี๊ป ไปจนถึงรถกอล์ฟเลยค่ะ ใครที่อยากให้อาหารสัตว์อย่างใกล้ชิดก็สามารถทำได้ค่ะ โดยจะมีอาหารจำหน่ายอยู่บริเวณใกล้เคียงกรงของสัตว์นั้นๆ และอีกโซนนึงที่จะพลาดไม่ได้เลยก็จะเป็นในส่วนของการแสดงขบวนพาเหรดของเจ้านกเพนกวิ้น โชว์ของปลาโลมาและโชว์การแสดงของแมวน้ำค่ะ ใครที่พาลูกหรือหลานมาเที่ยว รับรองว่าถูกใจและอยากมาอีกแน่นอน
8. ชายหาดชิราฮามะ (Shirahama Beach)
ชายหาดชิราฮามะ เป็นชายหาดที่มีความยาวประมาณ 800 เมตร ชายหาดของที่นี่จะสวยเหมือนกับชายหาดไวกิกิที่ฮาวายเลยค่ะ เม็ดทรายสีขาวละเอียด น้ำใส และมีต้นปาล์มมากมาย ที่นี่ก็มีกิจกรรมให้ทำเยอะเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำ เล่นเซิร์ฟ นอนอาบแดด หรือเดินเล่นชมวิวก็ได้เช่นกันค่ะ จุดไฮไลท์ของที่นี่ที่อยากแนะนำเลยก็คือออนเซ็นกลางแจ้งที่มองเห็นวิวของทะเลและชายหาดชิรามฮามะนั่นเองค่ะ ได้แช่ออนเซ็นไปด้วยชมวิวไปด้วย เรียกได้ว่าผ่อนคลายสุดๆ เลยค่ะ ที่บริเวณริมชายหาดก็จะมีประตูชิราฮามะของศาสนาชินโตตั้งอยู่ด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีโซนที่ขายอาหารมากมายให้ได้เลือกซื้อเลือกทานด้วยค่ะ ใครที่ชอบทะเลล่ะก็อย่าลืมแวะมาเดินเล่น ถ่ายรูปเช็คอินกันนะคะ
9. ภูเขาโคยะ (Koya Mountain)
ภูเขาโคยะหรือโคยะซัง ถือเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางศาสนาแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเลยค่ะ เพราะว่าที่นี่เป็นจุดกำเนิดศาสนาพุทธนิกายชินงอน และเต็มไปด้วยวัดโบราณถึง 117 วัด เนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานและมีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ ทำให้ที่ภูเขาโคยะได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโกค่ะ ภายในภูเขาโคยะก็จะมีสถาปัตยกรรมหรือสิ่งก่อสร้างมากมาย ทั้งวัด สุสาน วิหาร และยังมีบรรยากาศที่เงียบสงบอีกด้วย นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่ภูเขาโคยะก็สามารถนอนค้างคืนที่ชุคุโบหรือห้องพักที่อยู่ภายในวัดได้ค่ะ ทำให้ได้ศึกษาถึงกิจวัตรของพระภิกษุสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน การสวดมนต์เช้า ไปจนถึงการเขียนเผื่อฝึกสมาธิ
จุดไฮไลท์ของที่นี่จะมีให้ได้ชมเยอะเลยค่ะ ในบทความนี้ก็จะยกตัวอย่างจุดไฮไลท์ที่เด่นๆ 5 ที่ค่ะ ที่แรกจะเป็นเจดีย์ Konpon Daito ต่อมาจะเป็นวิหารคอนโดะ (Kondo) เป็นวิหารหลักของวัดโคยะซัง ที่ใช้สำหรับทำพิธีกรรมทางศาสนา, ประตูชูมง (Chumon), ประตูไดมง (Daimon) และสุดท้ายวัด Kongobuji ซึ่งเป็นวัดหลักของวัดกว่า 4,000 วัดของพุทธศาสนานิกายชินงอนในโลก สำหรับใครที่อยากหนีความวุ่นวายในเมืองเพื่อมาหาความสงบล่ะก็แนะนำเลยค่ะ
สรุป
และนี่เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยววากายามะเพียงบางส่วนที่อยากจะแนะนำให้กับทุกคนค่ะ จะเห็นได้ว่าแต่ละที่ก็จะมีจุดเด่นและความน่าสนใจที่แตกต่างกันไป ถ้าอ่านมาจนถึงตรงนี้และรู้สึกว่าอยากจะไปเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นเพื่อพักผ่อนหรือไปถ่ายรูปสวยๆ มาลงโซเชียลแล้วล่ะก็ลองดูแพ็กเกจทัวร์วากายามะได้เลยค่ะ