เส้นทางท่องเที่ยวพม่ามีเรื่องราวของประวัติศาสตร์ต่างๆ มากมาย รวมถึงตำนานความเชื่อต่างๆ ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีวัดวาอารามที่ถูกสร้างขึ้นเป็นเอกลักษณ์และมีความสวยงามเฉพาะตัวอยู่หลายแห่ง เรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในจุดเช็คอินสำหรับการไปไหว้พระของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน วันนี้ทีมงานทัวร์พม่าขอพารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เหมาะกับการไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธ์ขอพร เพื่อเป็นสิริมงคลให้ตัวเองและครอบครัว พร้อมแล้วไปดูรีวิวกันเลยว่ามีที่ใดบ้าง
สารบัญ
- เทพทันใจ ที่เจดีย์โบตาทาวน์
- เจดีย์ชเวดากอง แห่งเมืองย่างกุ้ง
- พระมหามัยมุนี แห่ง มัณฑะเลย์
- พระธาตุอินทร์แขวน ที่รัฐมอญ
- พระพุทธไสยาสน์เจ๊าทัตยี หรือ พระนอนตาหวาน
- วัดพระหินอ่อน หรือ วัดเจ๊าตอจี
- วัดพระเขี้ยวแก้ว หรือ วัดชเวตอเมียต
- เจดีย์ชเวมอร์ดอร์ มหาบูชาสถานแห่งเมืองหงสาวดี
- เจดีย์ชเวสิกอง
- พระมหาเจดีย์ เจดีย์บุเรงนอง
1.เทพทันใจ ที่เจดีย์โบตาทาวน์
นัตโบโบยี หรือ เทพทันใจ เป็นเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่า เชื่อกันว่าหากได้มาไหว้ขอพรก็จะได้อย่างรวดเร็วทันใจ
วิธีการสักการะเทพทันใจ
เริ่มต้นสักการะด้วยดอกไม้ กล้วย มะพร้าวอ่อน หรือ จะเป็นผลไม้อื่นๆก็ได้ใส่ไว้ในถาดเดียวกัน (ทางวัดมีจัดไว้ขายเป็นชุดๆ)จากนั้นนั่งลงอธิฐานขอพรแล้วกราบโดยไม่ต้องแบมือ นำธนบัตรจะเป็นเงินไทยเงินจาดพม่าหรือดอลลาร์ก็ได้ม้วนเป็นรูปกรวยนำมาใส่ไว้ที่มือนัตโบโบยี 2 ใบ ไหว้เขอพรอีกครั้งก่อนที่จะดึงธนบัตรกลับไปเก็บไว้บูชา 1 ใบ จากนั้นใช้หน้าผากของเราแตะกับนิ้วชี้ของเทพทันใจอธิฐานจิตด้วยยความสงบนิ่ง ตามด้วยการจับไม้เท้าและเอาหน้าผากมาแตะที่ไม้เท้าของเทพทันใจ ขั้นตอนสุดท้ายนำธนบัตรอีกใบไปใส่ไว้ในตู้บริจาค การขอพรมีข้อแม้ว่า พรที่ขอทั้งหมดต้องเป็นสิ่งเดียวกันและต้องเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ หากจะขอให้ได้เป็นเศรษฐีโดยที่ไม่ทำอะไรเลยก็ไม่สมควร นอกจากนี้ยังมี “เทพกระซิบ” หรือ อะมาดอร์เมียะ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องข้ามถนนไปอีกด้านหนึ่ง เป็นธิดาพญานาคที่มีความศรัทธาในพุทธศาสนา คณะทัวร์พม่าต้องเข้าไปขอพรทีละคนด้วยการกระซิบขอพรข้างหูเบาๆไม่ให้คนอื่นได้ยิน จากนั้นก็นำนมกล่องไปจ่อไว้ที่ปากแล้วบูชาด้วยดอกไม้หรือผลไม้
2.เจดีย์ชเวดากอง แห่งเมืองย่างกุ้ง ที่เที่ยวพม่ายอดฮิต
ชเวดากอง แปลว่า “เจดีย์ทองแห่งเมืองดากอง” มีตำนานเล่าว่า สร้างขึ้นเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อนโดย ตปุสสะและภัลลิกะ พ่อค้าสองพี่น้องได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระองค์จึงได้ประทานพระเกศาให้ 8 เส้น ทั้งสองจึงได้อัญเชิญมายังเนินเขา “เสนคุตตระ” จากนั้นพระเจ้าโอกะลัป ทรงสร้างเจดีย์ครอบพระเกศาธาตุไว้ ต่อมาได้มีการบูรณะเพิ่มเติมอีกหลายครั้งโดยกษัตริย์มอญและกษัตริย์พม่า จนมีขนาดใหญ่โตดังที่เห็นในปัจจุบันอาณาบริเวณกว้างขวางอย่างเหลือเชื่อมีเจดีย์น้อยใหญ่เรียงรายกันอย่างสวยงามเหมือนอยู่บนเมืองสวรรค์ บนยอดเจดีย์ประดับด้วยเพชร พลอย อัญมณีต่างๆจำนวนมาก รวมทั้งระฆังทองจำนวน 1,065 ใบ พร้อมทั้งเพชรหนัก 72 กะรัต ใหญ่เท่าฝ่ามือคน ประดับไว้บนยอดสุดของเจดีย์
การสักการะเริ่มต้นที่ พระพุทธเจ้าตรงวิหารที่เป็นศาลาโถงครอบด้วยหลังคาทรงปราสาทซ้อนเป็นชั้นๆทิศใดทิศหนึ่งก่อนที่มีอยู่ 4 ทิศ จากนั้นจึงไหว้พระพร้อมกับสรงน้ำพระประจำวันเกิด ต่อด้วยการเดินประทักษิณ (เดินตามเข็มนาฬิกา)รอบเจดีย์ 1 รอบ แล้วไปขอพรที่ “ลานอธิฐาน” บูชาพระศรีมหาโพธิ์ทั้ง 2 ต้น เจดีย์ชเวดากองเป็นเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองคือศูนย์รวมจิตใจของชาวพม่าและเป็นเจดีย์ประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีมะเมียใครที่เกิดปีมะเมียต้องมาไหว้สักครั้งหนึ่ง
3.พระมหามัยมุนี แห่ง มัณฑะเลย์
พระมหามัยมุนี เป็นพระพุทธรูปทองคำขนาด ใหญ่ปางมารวิชัยแบบรัคอู หน้าตักกว้าง 3 เมตร สูงเกือบ 4 เมตร ทรงเครื่องกษัตริย์พุทธศิลป์งดงามยิ่งนักเป็นที่เคารพบูชาของชาวยะไข่ ในปี พ.ศ.2327 พระเจ้าปดุงได้สร้างวัดมหามุนีหรือวัดยะไข่เพื่อประดิษฐานพระมหามัยมุนีและในปี พ.ศ.2422 สมัยพระเจ้าสีป่อก่อนที่จะเสียพม่าให้อังกฤษ ได้เกิดไฟไหม้วัดจึงทำให้ทองเปลวที่ปิดพระละลายออกมาเก็บเนื้อทองได้ 700 บาท ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2426 มีการบูรณะวัดขึ้นใหม่ให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม
มีตำนานเล่าว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาแสดงธรรมแก่ชาวยะไข่ พระเจ้าจันทสุริยะทรงเลื่อมใสจึงทูลขอพระพุทธรูปไว้เป็นตัวแทนของพระองค์เพื่อบูชาสักการะ จอมเทพ ทราบเข้าจึงได้เนรมิตพระมหามัยมุนีขึ้นพระพุทธเจ้าจึงได้ประทานลมหายใจไว้ที่พระมหามัยมุนี จึงเป็นที่มาของ พิธีล้างพระพักตร์อันศักดิ์สิทธิ์ตอนเช้าตรู่ของทุกวัน เริ่มตั้งแต่เวลา 04.00 น. พิธีนี้ทำกันมายาวนานสองร้อยกว่าปีแล้วโดยพระมหาเถระและสาธุชนทั่วไปที่ศรัทธาจะมาทำพิธีล้างพระพักตร์ด้วยน้ำอบ น้ำหอมผสมด้วยทานาคาอย่างดีพร้อมกับใช้แปรงทองแปรงที่พระโอษฐ์เสมือนหนึ่งแปรงพระทนต์ถวายพระพุทธเจ้าก่อนใช้ผ้าจากแรงศรัทธาของสาธุชนที่นำมาถวายเช็ดจนแห้งสนิทแล้วใช้พัดทองโบกถวายเสมือนหนึ่งเป็นโยมอุปัฎฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ
4. พระธาตุอินทร์แขวน ที่รัฐมอญ
พระธาตุอินทร์แขวนอยู่ที่เมืองไจ๊ก์โถ่ อ.สะเทิมแห่งรัฐมอญบนยอดเขาพวงลวงสูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร อยู่ห่างจากเมืองย่างกุ้งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 160 กิโลเมตร คนมอญจะเรียกพระธาตุนี้ว่า “ไจ๊ก์ทิโย” ที่แปลว่า หินรูปหัวฤาษี ลักษณะเป็นหินก้อนใหญ่สีทอง สูง 8.15 เมตร หนัก 611.5 ตัน มีเจดีย์องค์เล็กๆที่บรรจุพระเกศาธาตุตั้งอยู่บนก้อนหินอย่างหมิ่นเหม่โดยไม่ตก ชาวพม่าเชื่อว่าในชีวิตนี้ต้องมาสักการะให้ได้ถึง 3 ครั้ง หากไม่มีเวลามาบ่อยๆก็ให้วันแรกที่มาถึงไหว้ก่อนครั้งหนึ่ง ช่วงเย็นๆไหว้เป็นครั้งที่ 2 ยามเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นไหว้อีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ 3 จะได้ครบคราเดียวเลย 3 ครั้ง
เส้นทางก่อนขึ้นไปถึงองค์พระธาตุ มีอาคารสร้างเป็นศาลาให้เข้าไปไหว้ 2 จุด คือ อาคารทางด้านซ้ายมีรูปปั้นพระนางชเวนันจิน เป็นเทพช่วยรักษาสุขภาพ ใครที่มีอาการเจ็บป่วยตรงส่วนไหนของร่างกาย เวลาไหว้ให้จับนวดตรงส่วนนั้นของรูปปั้นตั้งจิตอธิฐานแล้วมาจับร่างกายเราส่วนที่มีอาการเจ็บป่วย เชื่อกันว่าความเจ็บป่วยนั้นก็จะหายไป ส่วนอาคารทางด้านขวาจะมีภาพเล่าเรื่องประวัติของพระธาตุอินทแขวนและมีรอยพระพุทธบาทจำลอง มีไกด์ทัวร์พม่าแนะนำให้เอาธนบัตรมาลอยน้ำแล้วอธิฐานจิตขอพร ถ้าขอบธนบัตรม้วนงอเข้าหากันแสดงว่าพรที่ขอนั้นจะประสบความสำเร็จ
เมื่อขึ้นมาถึงองค์พระธาตุให้ซื้อแผ่นทองมาปิดองค์พระธาตุ สุภาพสตรีจะเข้าไปปิดทองไม่ได้ให้แต่สุภาพบุรุษเข้าไป ส่วนสุภาพสตรีตั้งจิตอธิฐานแล้วนำแผ่นทองไปฝากให้สุภาพบุรุษนำเข้าไปปิดแทนได้ บริเวณรั้วรอบพระธาตุอินทแขวนจะมีคนจำนวนมากนำระฆังมาแขวนไว้ตามความเชื่อเพื่อให้เกิดความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดัง ตามคติธรรมการบูชาพระธาตุประจำปีเกิดของชาวล้านนาพระธาตุอินทแขวนนี้ถือเป็นพระธาตุปีเกิดของปีจอแทนพระเกศแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์
5. พระพุทธไสยาสน์เจ๊าทัตยี หรือ พระนอนตาหวาน
เป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่มีความยาว 55 ฟุต สูง 16 ฟุต เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีความงดงามที่สุดของประเทศพม่า สวยงามทั้งพระพักตร์และดวงตาที่เป็นแก้วสั่งทำมาจากเมืองนอก ขนตางอนยาวได้สัดส่วนทำให้มองดูแล้วเสมือนมีชีวิตโดยเฉพาะจีวรที่มีความพริ้วไหวสมจริง เมื่อเดินมายังปลายสุดของพระบาทมีภาพมงคล 108 ประการ พระบาทมีลักษณะซ้อนกันแตกต่างจากพระไทย บริเวณด้านนอกของวัดจะมีร้านค้าขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวทัวร์พม่าได้ช็อปปิ้งกัน
6. วัดพระหินอ่อน หรือ วัดเจ๊าตอจี
เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปประทับนั่งปางให้พรมีขนาดใหญ่ที่แกะสลักมาจากหินอ่อนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีลักษณะเป็นสีขาวมันวาวสะอาดตา มีความสูง 37 ฟุต กว้าง 24 ฟุต อยู่ภายในห้องกระจกแก้วเปิดแอร์เพื่อเป็นการควบคุมอุณหภูมิป้องกันความเสียหายของหินอ่อนที่อาจจะร้อนเกินไปทำให้หินอ่อนมีความเปลี่ยนแปลงเกิดรอยร้าวได้
หินอ่อนที่นำมาใช้แกะองค์พระองค์นี้ได้นำมาจากภูเขาสกายน์ เมืองมัณฑะเลย์โดยการล่องมาทางแม่น้ำอิรวดีแล้วนำมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูปโดยช่างผู้มีฝีมือที่ดีที่สุดในพม่า ลักษณะของพระพุทธรูปทรงประทับนั่ง ยกพระหัตถ์ขึ้นหันออกจากองค์ นั่นหมายถึงการไล่เหล่าศัตรูออกไปให้พ้นภัยและได้ประทานความเจริญรุ่งเรือง ที่พระหัตถ์ขาวได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศสิงคโปร์และศรีลังกา ส่วนหินที่เหลือได้นำมาแกะสลักเป็นพระสาวกตั้งอยู่ทั้ง 4 ทิศหันเข้าหาพระประธาน และยังได้สลักเป็นพระพุทธบาทซ้ายขวาประดิษฐานไว้อยู่บริเวณด้านหลังของพระพุทธรูปอีกด้วย
7. วัดพระเขี้ยวแก้ว หรือ วัดชเวตอเมียต
วัดพระเขี้ยวแก้วสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วที่ได้อัญเชิญมาจากประเทศจีน เป็นวัดที่มีเจดีย์สวยงามตระการตากว่าเจดีย์อื่นๆที่อยู่ในย่างกุ้ง สร้างเป็นแบบปราสาทแปดเหลี่ยมบนยอดเจดีย์ประดับด้วยทองคำแท้มีลวดลายสวยงาม ลักษณะสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างศิลปะในสมัยพุกาม ภายในห้องโถงกลางมีบุษบกสีทองซึ่งมีพระทันตธาตุหรือพระเขี้ยวแก้วองค์จำลองบรรจุอยู่ ท่านที่อยากทำบุญสามารถซื้อแผ่นทองคำใส่ลงในตัวนกการะเวกจำลองแล้วทำการชักลอกขึ้นไปยังด้านบนยอดเจดีย์ซึ่งทางด้านบนจะมีเจ้าหน้าที่คอยรับและทำการปิดทองให้
8. เจดีย์ชเวมอร์ดอร์ มหาบูชาสถานแห่งเมืองหงสาวดี
เจดีย์ชดวมอร์ดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา ตั้งอยู่ในเมืองหงสาวดี สร้างขึ้นโดยสองพี่น้องชาวมอญชื่อว่า มหาศาลและจุลศาล เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระเกศธาตุ 2 เส้น ที่ได้รับมาจากพระพุทธเจ้าเชื่อกันว่า พระเจ้าอโศกมหาราชก็เคยเสด็จมาสักการะ กษัตริย์มอญจึงได้โปรดให้ขยายให้ใหญ่ขึ้นเป็นลำดับ เมื่อกษัตริย์พม่าได้ครอบครองดินแดนแห่งนี้ จึงได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ต่อเติมให้สูงขึ้นไปอีก ต่อมาได้ประสบกับแผ่นดินไหวหลายครั้ง ครั้งที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1930 ทำให้พระธาตุพังลงมา หลังจากนั้นได้นำชิ้นส่วนของพระธาตุมาประดิษฐานไว้ด้านข้าง จากการที่พระธาตุได้เสียหายมาก จึงทำให้ชาวพม่าและชาวมอญรวมพลังแห่งความศรัทธาต่างมาอธิฐานตรงส่วนของพระธาตุที่เหลืออยู่เพื่อให้มีชีวิตที่มั่นคง
จุดอธิฐานอยู่ตรงบริเวณที่ยอดเจดีย์หักตกลงมาด้วยน้ำหนักอันมหาศาลทำให้ตกลงมายังพื้นด้านล่างแต่ยอดฉัตรยังคงสภาพเดิมไม่เสียหาย จึงเป็นที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ ตรงจุดอธิฐานนี้ท่านสามารถนำธูปไปค้ำกับยอดเจดีย์ที่หักลงมาเพื่อเป็นการค้ำจุนชีวิตให้มีความเจริญรุ่งเรือง
9. เจดีย์ชเวสิกอง
“ชเว” แปลว่า ทอง “สิกอง” แปลว่า ชัยชนะ ชเวสิกองจึงมีความหมายว่า “ทองแห่งชัยชนะ” สร้างโดยพระเจ้าอโนรยามหาราชพระองค์แรกได้ทรงอธิฐานให้ช้างเผือกที่มีพระเขี้ยวแก้วจากลังกา ออกไปเสี่ยงทายถ้าช้างเผือกคุกเข่าลงที่ใดจะสร้างเจดีย์ไว้ที่นั่น ในที่สุดช้างเผือกก็ได้หยุดคุกเข่า ณ ที่แห่งนี้ พระองค์จึงได้โปรดเกล้าฯให้สร้างเจดีย์ชเวสิกองบขึ้น ยังสร้างไม่เสร็จพระองค์ก็ได้สวรรคตเสียก่อน แต่ได้มาสร้างเสร็จในสมัยของ “พระเจ้ากยันสิตถา” ในปี ค.ศ.1089 ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่สำคัญที่สุดในพุกาม ทั้งส่วนพระนลาฎ (หน้าผาก) และพระเขี้ยวแก้ว หรือ ทันตธาตุของพระพุทธเจ้า
ลักษณะเจดีย์เป็นเหมือนทรงระฆังคว่ำแบบมอญ ประดับลายงดงามด้วยเฟื่องอุบะและแถบคาดรอบองค์ระฆังที่เรียกว่า รัดอก แซมลอดลายประดับทั้งขอบล่างขอบบน องค์เจดีย์หุ้มด้วยแผ่นทองตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส 3 ชั้น มีความสูงจากฐานถึงยอด 53 เมตร รอบระเบียงมีภาพแผ่นเคลือบปูนปั้นเล่าเรื่องนิทานชาดกเป็นคติเตือนใจ
10. พระมหาเจดีย์ เจดีย์บุเรงนอง
เป็นเจดีย์ที่พระเจ้าบุเรงนองได้โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1560 ภายในประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วที่ทรงได้มาจากลังกาพร้อมบาตร 1 ใบ แต่ได้ถูกอัญเชิญไปไว้ที่เมืองสะกายในภายหลัง ด้านข้างๆมีพระมหาเจดีย์จำลอง บริเวณใกล้ๆกันมีรูปปั้นของ พระเจ้าบุเรงนอง กำลังสักการะพระมหาเจดีย์ ทุกครั้งที่พระองค์ทรงลั่นกองรบก็จะเสด็จมาทำพิธี ณ ลานแห่งชัยชนะ แห่งนี้ พร้อมกับนำดินติดพระวรกายไปทำศึกด้วย ปัจจุบันนี้ตรงจุดอธิฐานได้ทำกำแพงล้อมไว้เพื่อให้รู้ว่า เป็นจุดอธิฐานแห่งชัยชนะของพระเจ้าบุเรงนอง (Victory Ground of King Bayinnaung) ตรงจุดนี้จะมีชาวมอญและ ชาวพม่า นักธุรกิจที่ทำการค้ามีคู่แข่งมากมายก็จะมาเอาอย่างพระเจ้าบุเรงนอง เพื่อให้ได้ชัยชนะ นักเรียน นักศึกษา เมื่อใกล้สอบจะนิยมมากอบดินนำกลับไปเพื่อให้ความหวังนั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้าง 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่ทีมงานทัวร์พม่านำมารีวิว ล้วนเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพม่าให้ความศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง สำหรับท่านที่ยังไม่เคยไปขอคำแนะนำจากทีมงานของ เลิฟลี่สมายทัวร์ เพื่อเป็นตัวเลือกในการท่องเที่ยวได้ตลอดเวลา