9 ที่เที่ยวสุดฮิตเมืองนากาโน่ ญี่ปุ่น

แชร์บทความนี้

เมืองนากาโน่ (Nagano) เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติมากมาย ที่นี่จึงเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับการพักผ่อน นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น เช่น วัดและปราสาทโบราณ พร้อมทั้งกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสธรรมชาติที่งดงาม ใครที่กำลังมีแพลนไปเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นต้องไม่พลาดกับสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตในเมืองนี้เลย

1. ปราสาทมัตสึโมโตะ นากาโน่ (Matsumoto Castle)

ปราสาทมัตสึโมโตะ ตั้งอยู่เมืองมัตสึโมโตะ จังหวัดนากาโน่ ประเทศญี่ปุ่น เป็นปราทสาทไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1592 และสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1593-1954 ปราสาทแห่งนี้มีอีกชื่อหนึ่งที่เรียกว่า “ปราสาทอีกา” เนื่องจากผนังปราสาทมีสีดำ และด้านข้างของปราสาทแผ่กางออกคล้ายกับปีกนก ปราสาทมีรูปร่างอันเป็นเอกลักษณ์ ประกอบด้วยป้อมปราการ 5 ชั้น สูงประมาณ 30 เมตร ภายในปราสาทมีห้องชมวิวและห้องต่างๆ จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณ รวมถึงมีจุดชมวิวทิวทัศน์เมืองได้อย่างสวยงามและบริเวณรอบๆปราสาทมีคูน้ำล้อมรอบ นอกจากนี้ปราสาทยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 1950 ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สำคัญของญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ

ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 610 เยน
เด็กประถม-มัธยมต้น 300 เยน
เด็กยังไม่ถึงชั้นประถมเข้าฟรี
วันเวลาทำการเวลาทำการปกติ
เวลา 08:30 – 17:00 น. (เข้าได้ภายใน 16:30 น.)
โกเด้นวีค ต้นพฤษภาคม และกลางเดือนสิงหาคม
เวลา 08:00 – 18:00 (เข้าได้ภายใน 17:30 น.)
วันที่ 1- 3 มกราคม
เวลา 10:00 – 15:30 (เข้าได้ภายใน 15:00 น.)
หยุดวันที่ 29 – 31 ธันวาคม
เว็บไซต์ทางการhttps://www.matsumoto-castle.jp/
แผนที่ ดูแผนที่ Google Maps
นากาโน่
ปราสาทมัตสึโมโตะ Credit : en.japantravel.com

2. นาราอิ จูกุ (Narai-Juku)

นาราอิ จูกุ เป็นหมู่บ้านชนบทโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีในจังหวัดนากาโน่ ซึ่งที่นี่เคยเป็นหนึ่งในสถานีพักแรมสำหรับขบวนคาราวานในสมัยเอโดะ ปัจจุบันได้กลายเป็นหมู่บ้านมรดกที่สะท้อนชีวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นในอดีต ด้วยอาคารบ้านเรือนไม้โบราณกว่า 400 หลัง ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1603 – 1868 เป็นจุดพักของคาราวานที่เดินทางตามเส้นทางไปกรุงเอโดะ ปัจจุบันคือเมืองโตเกียว ในสมัยการปกครองของโชกุนโตกุงาวะ มีการสร้างที่พักแรม ร้านอาหาร และบ้านพักคนงาน ปัจจุบันทำให้ที่นี่คึกคัก เต็มไปด้วยพ่อค้า แม่ค้า นักท่องเที่ยวที่มาเดินเล่น เที่ยวชมเมือง และได้สัมผัสกับบรรยากาศของกรุงเอโดะในสมัยก่อนอีกด้วย

ค่าเข้าชมเข้าชมฟรี
วันเวลาทำการเปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
เว็บไซต์ทางการhttps://www.naraijuku.com/
แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
Narai Juku
ถนนเมืองเก่านาราอิ จูกุ Credit : grapeejapan.com

3. คามิโคจิ (KamiKochi)

คามิโคจิ เป็นหุบเขาธรรมชาติอันงดงามในเขตอุทยานแห่งชาติจิโงคุดานิ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติของญี่ปุ่น โดยหุบเขาแห่งนี้กว้างประมาณ 15 กม. ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นเหนือ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร มีแม่น้ำอาซุซะไหลผ่าน สายน้ำใสราวคริสตัล ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้เขียวขจี สามาารถมองเห็นเทือกเขาโฮทะกะ และยอดเขายะเคะได้ด้วยตาเปล่า สภาพอากาศที่นี่จะเย็นสบายในฤดูร้อนและหนาวจัดในฤดูหนาว

ค่าเข้าชมเข้าชมฟรี
วันเวลาทำการเปิดให้บริการ 17 เมษายน – 15 พฤศจิกายน
เวลา 05:00 – 19:00 น.
เว็บไซต์ทางการhttps://www.kamikochi.or.jp/
แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
kamiKochi
คามิโคจิ Credit : thegate12.com

4. สวนลิงจิโกกุดานิ (Jigokudani Monkey Park)

อุทยานลิงจิโกกุดานิ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกหนึ่งแห่ง ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งที่นี่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านยามาโนอูจิ ใกล้หมู่บ้านยามานคา จังหวัดนากาโน่ ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติในหุบเขาแอลป์ของเทือกเขาจิโกกุ มีแม่น้ำร้อนจากบ่อน้ำพุร้อนไหลผ่าน อุณหภูมิน้ำร้อนประมาณ 40-42 องศาเซลเซียส ลิงจึงนิยมแช่เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นในช่วงฤดูหนาว ที่นี่เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่ดีที่สุดคือฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคม-มีนาคม เนื่องจากจะได้เห็นฝูงลิงแช่น้ำร้อนอย่างชัดเจน เป็นภาพที่แปลกตาและน่าประทับใจมาก

ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ อายุ 18 ปีขึ้นไป 800 เยน
เด็ก อายุ 6-17 ปี 500 เยน
วันเวลาทำการเดือนเมษายน-ตุลาคม เวลา 08:30 – 17:00 น.
เดือนพฤศจิกายน-มีนาคม เวลา 09:00 – 16:00 น.
เว็บไซต์ทางการhttps://jigokudani-yaenkoen.co.jp/
แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
Jigokudani Monkey Park
ลิงแช่ออนเซน Credit : theworldtravelguy.com

5. วัดเซ็นโคจิ (Zenkoji Temple)

วัดเซ็นโคจิ เป็นวัดพุทธนิกายเซนที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 642 ในสมัยอาณาจักรอาสุกะเป็นวัดแรกในญี่ปุ่นที่เผยแพร่พุทธศาสนานิกายเซน เป็นศูนย์กลางแห่งคำสอนเซนมาตั้งแต่อดีต ซึ่งมีองค์พระพุทธรูปแกะสลักจากไม้กฤษณาที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ภายในวัดมีพระวิหารหลักหรือฮงอนโดว์ เป็นอาคารไม้สร้างในศิลปะสไตล์ซุคุริ มีความสูงถึง 28 เมตร พระพุทธรูป 1 องค์ในจำนวน 3 องค์ที่ได้รับการบูชาภายในวัด เป็นพระพุทธรูปหินอ่อนที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะและพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่รวบรวมโบราณวัตถุสำคัญไว้มากมาย นอกจากนี้ วัดเซ็นโคจิยังมีงานประจำปีที่จัดขึ้นทุกปี เช่น เทศกาลไฟยักษ์ในเดือนมีนาคม และการมอบพรประจำปีแก่ผู้คนในช่วงต้นปีใหม่

ค่าเข้าชมบริเวณวัดเข้าชมฟรี
บริเวณด้านในอาคารและพิพิธภัณฑ์
– ผู้ใหญ่ 500 เยน
– เด็กมัธยมปลาย 200 เยน
– เด็กประถม-มัธยมต้น 50 เยน
– เด็กเล็ก และอนุบาล เข้าชมฟรี
วันเวลาทำการเปิดทุกวันเวลา 09:00 – 16:30 น.
เว็บไซต์ทางการhttps://www.zenkoji.jp/
แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
Zenkoji Temple
อาคารหลักของวัดเซ็นโคจิ Credit : zenkoji.jp

6. ศาลเจ้าโทงาคุชิ (Togakushi Shrine)

ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เชิงเขาโทงาคุชิในอุทยานแห่งชาติเมียวโค-โทงาคุชิ สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 8 ในสมัยจักรพรรดิ์คามุ โดยนักบวชผู้นำศาสนาชินโต้ ซึ่งศาลเจ้าโทงาคุชิประกอบไปด้วยศาลเจ้า 5 แห่ง เรียกว่า พื้นที่ศาลเจ้าตอนล่าง กลาง และตอนบน มีพื้นที่ห่างกันประมาณ 2 กม. เมื่อมาถึงศาลเจ้าจะเจอประตูโทริอิ บริเวณศาลเจ้าตอนล่าง มีบันไดทอดยาวไปจนถึงบริเวณโถงสวดมนต์ บริเวณศาลเจ้าตอนกลางจะมีร้านค้า ร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยว ทางเข้าไปยังศาลเจ้าด้านบนเรียงรายไปด้วย ต้นไม้ Cryptomeria มากกว่า 300 ต้น ซึ่งบางต้นเชื่อกันว่ามีอายุถึง 900 ปี จากนั้นจะเจอประตู Zuishinmon และเดินไปตามเส้นทางจนสิ้นสุด ก็จะเจอศาลเจ้าตอนบนตั้งตระหง่าน ที่นี่นับเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ผสมผสานความงดงามของสถาปัตยกรรมและธรรมชาติไว้อย่างลงตัว

ค่าเข้าชมเข้าชมฟรี
วันเวลาทำการเปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
เว็บไซต์ทางการhttps://www.togakushi-jinja.jp/
แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
Togakushi Shrine
ศาลเจ้าโทงาคุชิ Credit : zekkeijapan.com
Zuishinmon Gate
ประตู Zuishinmon Credit : db.go-nagano.net

7. ไร่ไดโอะวาซาบิ (Daio Wasabi Farm)

ไร่วาซาบิ เป็นไร่ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในอะซูมิโนะ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1915 ซึ่งมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับการปลูกวาซาบิ คือมีน้ำไหลผ่านตลอดเวลาและมีหินปูนปิดคลุมพื้น มีพื้นที่กว่า 3,300 ตารางเมตร มีระบบท่อน้ำจากสายน้ำธรรมชาติหล่อเลี้ยงวาซาบิอย่างทั่วถึง นักท่องเที่ยวสามารถชมกระบวนการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยววาซาบิได้อย่างใกล้ชิด ที่นี่ยังมีร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากวาซาบิ เช่น วาซาบิสด วาซาบิแช่อิ่ม ซอสวาซาบิ เป็นต้น ที่ไร่ไดโอะวาซาบิ จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่น่าสนใจ ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วิธีการปลูกวาซาบิแบบดั้งเดิม ชิมรสชาติของวาซาบิญี่ปุ่นคุณภาพดี และสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติที่แสนสงบในหุบเขา

ค่าเข้าชมเข้าชมฟรี
วันเวลาทำการเดือนมีนาคม-พฤศจิกายน เวลา 08:00 – 17:00 น.
เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ เวลา 09:00 – 16:00 น.
เว็บไซต์ทางการhttps://www.daiowasabi.co.jp/
แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
Daio Wasabi Farm
ไร่ไดโอะวาซาบิ Credit : touristinjapan.com
Shop in Daio Wasabi Farm
ร้านค้าภายในไร่ไดโอะวาซาบิ Credit : japanjourneys.jp

8. คารุอิซาว่า (Karuizawa)

คารุอิซาว่า เป็นเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงในจังหวัดนางาโนะ ประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่บนที่ราบสูงในบริเวณพื้นที่ทางตอนกลางของเกาะฮอนชู มีลักษณะภูมิประเทศที่สวยงามและอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มีรีสอร์ทและโรงแรมนับร้อยแห่ง พร้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม เช่น น้ำพุร้อน น้ำตกชิไรโตะ สระคุโมบาอิเกะ แหล่งช้อปปิ้ง นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะหลายแห่งด้วย ในช่วงฤดูร้อน คารุอิซาว่าได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่หนีความร้อนจากโตเกียวและภูมิภาคอื่นๆ ส่วนในช่วงฤดูหนาวก็เป็นแหล่งสกีรีสอร์ทยอดนิยม ที่นี่จึงเป็นแหล่งพักผ่อนยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ

ค่าเข้าชมเข้าชมฟรี
ว็บไซต์ทางการhttps://visitkaruizawa.com/en/
แผนที่ ดูแผนที่ Google Maps
Kumobaike Pond
สระคุโมบาอิเกะ Credit : timeout.com
Shiraito Waterfall
น้ำตกชิไรโตะที่คารุอิซาว่า Credit : thegate12.com

9. หุบเขาฮาคุบะ (Hakuba)

หุบเขาฮาคุบะ เป็นหนึ่งในแหล่งปีนเขาและสกีรีสอร์ทที่ได้รับความนิยมสูงสุดในญี่ปุ่น หุบเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาเจแปนแอลป์ในจังหวัดนากาโน่ ฮาคุบะประกอบด้วยหมู่บ้านเล็กๆ หลายแห่ง รายล้อมด้วยภูเขาสูงชันและยอดเขาปกคลุมด้วยหิมะในฤดูหนาว โดยมียอดเขาทาเทยาม่า ซึ่งสูง 3,015 เมตร เป็นจุดสูงสุด ฮาคุบะเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งสกีระดับโลก มีลานสกีกว่า 10 แห่ง ทั้งสำหรับผู้เริ่มหัดเล่นและนักสกีมืออาชีพ นอกจากนี้ยังเป็นจุดปีนเขาที่ได้รับความนิยมด้วยเส้นทางปีนเขาหลากหลายระดับ ในฤดูร้อน นักท่องเที่ยวนิยมเดินป่า ปั่นจักรยาน และท่องเที่ยวชมธรรมชาติอันงดงามของหุบเขาฮาคุบะ มีทัวร์เดินป่าและกิจกรรมผจญภัยกลางแจ้งต่างๆ พร้อมให้บริการ หากใครที่รักการผจญภัยแนะนำให้มาสัมผัสความงามของภูมิทัศน์แบบเจแปนแอลป์นี่เลย

ค่าเข้าชมเข้าชมฟรี
เว็บไซต์ทางการhttps://hakuba.com/
แผนที่ ดูแผนที่ Google Maps
Hakuba
หุบเขาฮาคุบะ Credit : snow-forecast.com

สรุป

โดยสรุปแล้ว นากาโน่เป็นเมืองขนาดเล็ก แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมดั้งเดิม ประวัติศาสตร์และธรรมชาติมากมายให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส รวมถึงบรรยากาศเมืองเล็กๆ แบบญี่ปุ่นเเท้ๆ ทำให้ที่เมืองนี้จึงเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปยังประเทศญี่ปุ่น ทาง Lovely Smile Tour มีโปรแกรมญี่ปุ่นให้เลือกมากมาย หากสนใจจองทัวร์หรือสอบถามข้อมูล สามารถแอดไลน์มาได้ที่ LINE ID : @lovelysmiletour หรือดูเเพ็กเกจทัวร์ญี่ปุ่นทั้งหมดในเว็บไซต์ได้เลย

แชร์บทความนี้