บทความนี้เลิฟลี่สไมล์ทัวร์ขอเอาใจนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติกันสักหน่อย เพราะวันนี้เลิฟลี่จะพามารู้จักกับ “เมืองอาโอโมริ” เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติและบ่อน้ำร้อนที่ประเทศญี่ปุ่นและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวที่เมืองนี้ เมืองอาโอโมริเป็นเมืองที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีและรายล้อมด้วยทะเลทั้ง 3 ด้าน ก็คือด้านทิศตะวันออกติดมหาสมุทรแปซิฟิก ด้านทิศตะวันตกติดทะเลญี่ปุ่น และด้านเหนือติดช่องแคบสึงะรุที่กั้นระหว่างเกาะฮอนชูและเกาะฮอกไกโด เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่เหมาะมากกับการพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางธรรมชาติสวยงามซึ่งจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรที่น่าสนใจบ้างไปชมกันเลยค่ะ
สารบัญ
- ปราสาทฮิโรซากิ Hirosaki Castle
- หุบเขาสัตว์ประหลาดหิมะ The Frost-Covered Trees of Hakkoda Mountains
- พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาโอโมริ Aomori Museum of Art
- ลำธารโออิราเซะ (Oirase Stream)
- เทือกเขาชิราคามิ (Shirakami-Sanchi)
- ศาลเจ้าทาคายามะอินาริ (Takayama Inari Shrine)
- พิพิธภัณฑ์เนบุตะ วะ รัซเซ (Nebuta Museum WA RASSE)
1.ปราสาทฮิโรซากิ Hirosaki Castle
เป็นปราสาทเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงที่มีอายุมากกว่า 400 ปีมาแล้วค่ะ เป็น 1 ใน 12 ปราสาทที่ยังคงหลงเหลืออยู่มาจนถึงปัจจุบันหลังจากเกิดเหตุการณ์ดินปืนระเบิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันภายในปราสาทจากฟ้าผ่าซึ่งต่อมาก็ได้ถูกซ่อมแซมและบูรณะให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาจนถึงปัจจุบันและได้รับการขึ้นทะเบียนว่าเป็นมรดกชาติทางวัฒนธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นค่ะ
นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงมากๆอีกที่หนึ่งด้วยเช่นกัน ซึ่งทุกๆปีช่วงปลายเดือนเมษายน ซากุระกว่า 2,600 จ้นจะผลิบานสร้างความสวยงามให้ที่นี่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะริมคูล้อมรอบปราสาทฮิโรซากิ ผืนน้ำของคูเมืองจะเต็มไปด้วยกลีบซากุระที่ร่วงลงมาปกคลุมผิวน้ำทำให้เป็นอีกหนึ่งจุดที่ถ่ายรูปสวยงามและเป็นที่นิยมอย่างมากเมื่อมาที่นี่เลยค่ะ ซึ่งใครที่มาเที่ยวที่นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งในทัวร์อาโอโมริเลยค่ะ เพราะนอกจาหตัวปราสาทแล้วยังมีคูเมือง สวน สนามเด็กเล่น หอคอย สะพานรอบๆพื้นที่ปราสาทแห่งนี้เต็มไปหมด ซึ่งยังเป็นที่นิยมในการจัดอีเว้นท์หรือกิจกรรมมากมายด้วยนะคะ ซึ่งใครที่สนใจเข้าชมปราสาทจะมีค่าเข้าชมโดยคิดเป็นผู้ใหญ่ 320 เยน เด็ก 100 เยน ครอบคลุมพระราชวังฮมมารุปราสาทฮิโรซากิ – พระตำหนักเหนือ และ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 23 พฤศจิกายน ปิดทำการระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน – 31 มีนาคมในฤดูหนาว เวลาทำการ 9:00 – 17:00 ระหว่างงานเทศกาลชมซากุระเปิดทำการเวลา 7:00 – 21:00 น.ค่า
เว็บไซต์ทางการของปราสาทฮิโรซากิ https://www.hirosakipark.jp/
2.หุบเขาสัตว์ประหลาดหิมะ The Frost-Covered Trees of Hakkoda Mountains
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ท่านใดจะมาเที่ยวแนะนำให้มาช่วงหน้าหนาวนะคะ เพราะว่าหุบเขาที่นี่จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ทำให้ต้นไม้ที่ถูกหิมะคลุมอยู่เกิดรูปร่างคล้ายๆกับสัตว์ประหลาดไปทั่วทั้งหุบเขาปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้สร้างภูมิทัศน์อันน่าทึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ต้นไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งสีขาวหนาทึบ จะส่องแสงระยิบระยับเมื่อโดดแสงแดด ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ยอดนิยมในอาโอโมริอีกที่หนึ่งเลยค่ะ เพราะในแต่ละปีจะมีเพียงแค่ช่วงหน้าหนาวเท่านั้นที่จะเห็นวิวแบบนี้ได้ ท่านใดที่มาเที่ยวช่วงหิมะตกหรือช่วงฤดูหนาวต้องมาพลาดมาชมที่หุบสัตว์ประหลาดแห่งนี้เลยนะคะ
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิด-ปิด: มีเฉพาะช่วงฤดูหนาว
3.พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาโอโมริ Aomori Museum of Art
ใครที่เป็นสายอาร์ตต้องไม่พลาดกับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เลยนะคะ เพราะที่นี่ได้รวบรวมผลงานศิลปะในอาโอโมริไว้มากมายในบรรดางานศิลป์ มี “อาโอโมริอินุ (สุนัขอาโอโมริ)” รูปปั้นผลงานของคุณนาระ โยชิโทโมะ ศิลปินระดับโลกเป็นสัญลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ สุนัขสีขาวขนาดสูงใหญ่ถึง 8.5 เมตร ว่ากันว่าสร้างขึ้นมาโดยจินตนาการมาจากซากโบราณสถานที่ขุดพบ จุดเด่นของที่นี่นอกจากจะเป็นงานศิลปะแล้ว รูปแบบอาคารของที่นี่ก็ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเช่นกันค่ะ เพราะว่าตัวอาคารจะเป็นสีขาว สไตล์มินิมอล ออกแบบโดยคุณอาโอคิ จุน ซึ่งใส่ใจในการออกแบบความงามที่เปล่งประกายในทุกที่ด้วยค่ะ
ที่อยู่: 185 Chikano, Yasuta, Aomori GoogleMap
เว็บไซต์ทางการ: http://www.aomori-museum.jp/en/
4.ลำธารโออิราเซะ (Oirase Stream)
เป็นลำธารที่มีแหล่งต้นน้ำมาจากทะเลสาบโทวาดะซึ่งอยู่ติดพรมแดนระหว่างอาโอโมริและจังหวัดอาคิตะ เป็นระยะทางกว่า 14 กิโลเมตร ที่นี่จะสวยงามมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ใครที่เป็นสายชอบธรรมชาติต้องไม่พลาดที่นี่เลยนะคะ ที่นี่มีเส้นทางสำหรับเดินเล่นที่เดินง่าย ก่อนอื่นให้เข้าจากเนโนะคุจิ (Nenokuchi) ทะเลสาบโทวาดะ จากนั้นค่อยมุ่งหน้าไปยังจุดถ่ายรูปยอดฮิตอย่างลำธารอาชุระ (Flow of Ashura) หรือน้ำตกโชชิ (Choshi Falls) ที่ทรงพลังมากกันค่ะ
ที่อยู่: Okuse, Towada, Aomori GoogleMap
เว็บไซต์ทางการ: http://towadako.or.jp/en/
5.เทือกเขาชิราคามิ (Shirakami-Sanchi)
ใครที่ชอบเดินป่าชมต้นไม้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติต้องไม่พลาดที่นี่เลยค่ะ เทือกเขาที่นี่จะตั้งอยู่บนชายแดนระหว่างจังหวัดอาโอโมริ(Aomori)กับจังหวัดอากิตะ(Akita) ทางทิศเหนือของภูมิภาคโทโฮคุ(Tohoku) มีเส้นทางทางธรรมชาติให้เดินเเละศึกษามากมาย เส้นทางเดินป่าหลายเส้นทางที่นี่จะเข้าสู่ป่าทึบเพื่อไปยังน้ำตก ยอดเขา และทะเลสาบ โดยจุดหมายที่นิยมมากที่สุดคือ น้ำตกอันม่อน(Anmon Falls) ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ของเทือกเขา น้ำตกแห่งนี้มีทั้งหมด 3 ชั้น ใช้เวลาเดินจากเส้นทางเดินป่าเข้าสู่บริเวณหุบเขาประมาณ 90 นาที (ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน-ปลายเดือนเมษายน ไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้) ระหว่างทางเป็นทางแคบๆที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้สูงใหญ่ และจะพบกับน้ำตกแห่งแรกที่มีความสูง 26 เมตร จุดหมายที่นิยมของนักท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง ได้แก่ ทะเลสาบจูนิโกะ หรือทะเลสาบทั้ง 12 (Juniko Lakes) ซึ่งเป็นทะเลสาบบ่อเล็กๆที่เชื่อมต่อกันด้วยเส้นทางเดินป่าที่ติดริมชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเทือกเขา โดยพื้นที่รอบๆเหมาะแก่การเดินป่าเพื่อชมธรรมชาติอันงดงาม ตกปลา พายเรือ หรือตั้งแคมป์ใกล้ๆกับทะเลสาบ หนึ่งในบ่อน้ำที่น่าตื่นตาตื่นใจ คือ บ่อน้ำอาโออิเกะ(Aoike) บ่อน้ำที่มีสีฟ้าน้ำทะเลสวยสดงดงาม นอกจากนี้ยังมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวขนาดเล็ก(Juniko Eco-Museum Center) ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ป่าบีชอีกด้วย ใครที่เป็นสายธรรมชาติต้องไม่พลาดที่จะมาที่นี่เลยนะคะ
6.ศาลเจ้าทาคายามะอินาริ (Takayama Inari Shrine)
เป็นศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อในเรื่องการขอพรเพื่อให้ผลเก็บเกี่ยวทางเกษตรดีหรือจะเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือสำหรับคนที่ทำอาชีพการประมง หรืออาชีพที่เกี่ยวกับการค้าขายก็สามารถมาขอพรเพื่อกิจการรุ่งเรือง ค้าขายดิบดีได้เช่นกัน ซึ่งที่นี่จะมีความเด่นตรงที่เสาโทริสีแดงเรียงแถวกันยาวซ้อนกันกว่า 1,000 ต้น ทำให้ที่นี่ดูมีพลังและเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวที่สนใจมาขอพรเป็นอย่างมาก
เวลาทำการ
(เวลาเข้าสักการะ) 9:00-17:00
เปิดตลอดทั้งปี
7.พิพิธภัณฑ์เนบุตะ วะ รัซเซ (Nebuta Museum WA RASSE)
เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่จัดขึ้นเพื่อแสดงประวัติศาสตร์และประเพณีสำคัญของเทศกาลเนบูตะที่มีชื่อเสียงในอาโอโมริ ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเทศกาลเนบูตะมัตสุริ(Nebuta Matsuri) ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี ประดับประดาด้วยโคมไฟรูปปลาทองสีแดง(เป็นสัญลักษณ์ประจำเทศกาล) พร้อมกับฟังเสียงกลองไทโกะ ขลุ่ย และเสียงเพลงไปตลอดการเดินชม จนถึงห้องโถงใหญ่มืดๆที่จัดแสดงเกี้ยว 5 แบบที่เคยใช้ในขบวนงานเทศกาลที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาพศิลปะอันสวยงามและความประณีตของโครงสร้างที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดสำคัญ จะมีการแสดงสดจาก Haneto นักเต้นที่เป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมกับการบรรเลงดนตรีสด ตีกลองไทโกะและเป่าขลุ่ย หากนักท่องเที่ยวต้องการของที่ระลึก ทางพิพิธภัณฑ์ก็ยังมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกประจำท้องถิ่น และร้านอาหารให้บริการอีกด้วยค่ะ
ค่าเข้าชม: 600 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 9:00-19:00(เดือนกันยายน-เมษายน ปิด 18:00)
วันปิดทำการ: วันที่ 31 ธันวาคม – 1 มกราคม
8.สรุป
โดยสรุปแล้ว เมืองอาโอโมริเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีประวัติศาสตร์ กิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะกำลังมองหาการผจญภัยหรือการพักผ่อน ที่เมืองอาโอโมริมีครบทุกสิ่งทุกอย่างเลยค่ะ ดังนั้น หากท่านใดที่กำลังวางแผนเดินทางมาที่เมืองอาโอโมริ หวังว่าบทความนี้จะสามารถแนะนำที่เที่ยวเมืองอาโอโมริให้กับทุกท่านได้นะคะหรือท่านใดที่ต้องการเที่ยวแบบโปรแกรมทัวร์ที่ได้รวบรวมไฮไลท์เด็ดของเมืองนี้ไว้ในโปรแกรมทัวร์แล้วทางบริษัท Lovely Smile Tour มี โปรแกรมที่เที่ยวเมืองอาโอโมริ ให้เลือกมากมาย สนใจจองหรือสอบถามสามารถแอดไลน์หรือโทรสอบถามได้เลยค่ะ