10 สถานที่น่าสำรวจในเจแปนแอลป์

แชร์บทความนี้

เจแปนแอลป์ เป็นเทือกเขาในญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ใจกลางเกาะฮอนชู ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ นิงาตะ โทยามะ นางาโนะ และกิฟุ ด้วยทัศนียภาพที่งดงามไม่แพ้เทือกเขาแอลป์ในยุโรป จึงทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ เนื่องจากเป็นที่ที่มีความสวยงาม เต็มไปด้วยธรรมชาติมากมาย ทั้งภูเขา ต้นไม้ และทะเลสาบ เรียกได้ว่าเป็นหลังคาของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ค่ะ โดยแต่ละพื้นที่จะเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงาม ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกมากมาย ในบทความนี้จะแนะนำ 10 สถานที่ที่ทัวร์ญี่ปุ่นควรไปเมื่อเดินทางมาที่เจแปนแอลป์กันค่ะ

1. กำแพงหิมะ ยูกิ โนะ โอทานิ (Yuki no Otani)

กำแพงหิมะ ยูกิ โนะ โอทานิ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่จะต้องมาเช็คอินให้ได้ค่ะ โดยจุดไฮไลท์จะอยู่ที่กำแพงหิมะ ที่สูงถึง 20 เมตรในช่วงฤดูหนาว กำแพงหิมะนี้เกิดจากการทับถมกันของหิมะจำนวนมาก โดยมีหิมะสะสมเฉลี่ยมากกว่า 10 เมตรต่อปี และอาจสูงถึง 20 เมตรในปีหิมะตกหนัก โดยปกติแล้วกำแพงหิมะ จะเปิดให้เข้าชมประมาณกลางเดือนเมษายนไปจนถึงปลายเดือนมิถุนายนของทุกปี หลังจากนั้นกำแพงหิมะจะค่อยๆ ละลายและลดระดับความสูงลง แต่จะยังคงมีให้เห็นไปจนถึงเดือนกรกฏาคมหรือเดือนสิงหาคม ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณหิมะและสภาพอากาศในช่วงเวลานั้นๆ ด้วย การเดินทางมาที่กำแพงหิมะนี้ สามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟ เคเบิ้ลคาร์ กระเช้าไฟฟ้า รถบัส และรถประจำทาง เรียกได้ว่าสะดวกสบายสุดๆ

เจแปนแอลป์
กำแพงหิมะ ยูกิ โนะ โอทานิ Credit: allabout-japan

เนื่องจากสภาพอากาศที่นี่ค่อนข้างที่จะเปลี่ยนแปลงเร็ว การเตรียมความพร้อมในเรื่องของร่างกายและการแต่งกายจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก สำหรับอุณหภูมิในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 10 °C ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ -3 °C ซึ่งถือเป็นช่วงพีค สำหรับใครที่เดินทางมาช่วงเดือนนี้แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่หนาๆ อย่างเช่น เสื้อโค้ท เสื้อฮีทเทค ผ้าพันคอ หมวกไหมพรม ถุงมือ และที่ปิดหูกันหนาว รวมถึงอุปกรณ์กันฝนเผื่อไว้ในกรณีที่อากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหันกันด้วย

2. ที่ราบมูโรโดะ (Murododaira)

ที่ราบมูโรโดะ เป็นจุดที่สูงที่สุดบนเส้นทางกำแพงหิมะทาเตยามะคุโรเบะและเป็นเส้นทางเดินเขายอดนิยมอีกด้วย ถือว่าเป็นจุดที่สวยงามอีกหนึ่งจุดของเจแปนแอลป์เลยก็ว่าได้ เนื่องจากมีภูเขารายรอบ รวมไปถึงดอกไม้นานาชนิดบนเทือกเขาที่จะบานในช่วงฤดูร้อน ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับการเดินเขาได้ ช่วงที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะที่สุดก็คือช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเหมาะแก่การเดินป่าเป็นอย่างมาก

Murodo Daira 1
ที่ราบมูโรโดะ

3. คามิโคจิ (Kamikochi)

คามิโคจิ เป็นหุบเขาที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและอากาศดีแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น โดยมีลักษณะเป็นที่ราบสูงยาวไปตามแม่น้ำอาซุสะ ล้อมรอบด้วยภูเขาและต้นไม้มากมาย ทำให้มีทิวทัศน์ที่สวยงาม อีกทั้งยังเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักปีนเขาและนักท่องเที่ยวที่ชอบธรรมชาติอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงอย่างมากในญี่ปุ่น โดยที่คามิโคจิจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวในช่วงกลางเดือนเมษายนจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เนื่องจากว่าปิดให้บริการในช่วงฤดูหนาว สำหรับใครที่รักการท่องเที่ยวแนวป่าหรือว่าภูเขา แนะนำว่าห้ามพลาดเลยค่ะ

Kamikochi 1
คามิโคจิ

4. หุบเขาคุโรเบะ (Kurobe Daira)

หุบเขาคุโรเบะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติที่สวยงาม รายล้อมไปด้วยธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเลสาบ และต้นไม้นานาชนิด ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักเดินป่าและผู้ที่รักในธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถนั่งรถไฟชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามหรือเพลิดเพลินกับการล่องเรือสบายๆ ซึ่งทำให้เห็นวิวที่สวยงามได้ในมุมมองที่แตกต่างกันค่ะ

Kurobe Daira 1
หุบเขาคุโรเบะ

5. เขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam)

เขื่อนคุโรเบะ เป็นเขื่อนคอนกรีตทรงโค้งที่มีขนาดใหญ่และสูงที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสูงมากมาย ซึ่งมีความสูงถึง 186 เมตร และกว้าง 492 เมตร ใช้เวลาสร้างนานถึง 7 ปี เขื่อนแห่งนี้ใช้สำหรับผลิตไฟฟ้าให้กับภูมิภาคคันไซ และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเส้นทางทาเทยามะคุโรเบะอีกด้วย โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมในช่วงเวลาที่จำกัด คือตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคมเท่านั้น

Kurobe Dam 1 1
เขื่อนคุโรเบะ

6. ไดคันโบ (Daikanbo)

ไดคันโบ เป็นจุดชมวิวที่อยู่บนดาดฟ้าของสถานีรถไฟไดคันโบ จากจุดนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์เทือกเขาสูงมากมาย และยังสามารถมองเห็นเขื่อนคุโรเบะอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นหุบเขาใหญ่ฮาริโนะคิ-ได เซกเก ถือเป็น 1 ใน 3 หุบเขาขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นที่ยังมีหิมะปกคลุมอยู่ในช่วงฤดูร้อน และยังเห็นภูเขาคาชิมายาริงาตาเกะ ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขามีชื่อเสียงของญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ

Daikanbo2 1
ไดคันโบ Credit: drivejapan

7. บึงมิกุริกะ (Mikurigaike Pond)

บึงมิกุริกะ เป็นบึงขนาดใหญ่บนเทือกเขาที่รายล้อมไปด้วยป่าสน ตั้งอยู่บริเวณที่ราบมุโรโดะ จุดเด่นของที่นี่จะอยู่ที่น้ำในบึงที่ใสจนมองเห็นภาพสะท้อนของเทือกเขาทาเตยามะ สีในสระน้ำจะเป็นสีน้ำเงินเข้ม และจะกลายเป็นสีเขียวมรกตในช่วงฤดูร้อน บริเวณรอบๆ บึงมิกุริกะจะเต็มไปด้วยหิมะในช่วงกลางเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนมิถุนายน โดยบึงมิกุริกะจะปิดในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน ถึงกลางเดือนเมษายน เนื่องจากมีหิมะตกจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ ด้วยอากาศที่บริสุทธิ์กับธรรมชาติที่สวยงาม บึงมิกุริกะจึงเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ

Mikurigaike Pond 1
บึงมิกุริกะ Credit: shiroang

8. ลานสกีฮาคุบะ (Hakuba)

ลานสกีฮาคุบะ เป็นหนึ่งในลานสกียอดนิยมในหมู่ผู้เล่นสกีและสโนว์บอร์ดจากทั่วโลกและยังเป็นลานสกีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ สาเหตุที่ทำให้ฮาคุบะเป็นลานสกีที่มีชื่อเสียงก็คือ ที่นี่มีหิมะที่มีคุณภาพ หรือที่เรียกกันว่า “พาวเดอร์สโนว์” หิมะชนิดนี้จะเป็นหิมะที่แยกเป็นเกล็ดเล็กๆ มีความละเอียดเหมือนกับแป้ง ไม่สามารถปั้นเป็นก้อนได้ ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ลานสกีฮาคุบะเป็นที่นิยมของนักสกีมากมาย

Hakuba 1 1
ลานสกีฮาคุบะ

9. ภูเขาโนริคุระ (Mt. Norikura)

ภูเขาโนริคุระ เป็นภูเขาระดับความสูงเกิน 3,000 เมตรที่ปีนได้ง่ายที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น โดยใช้เวลาปีนขึ้นลงประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น บริเวณรอบๆ ภูเขาก็จะมีทุ่งดอกไม้อัลไพน์และทะเลสาบให้ชมด้วยค่ะ นอกจากนี้ภูเขาโนริคุระยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้เป็นที่แรกๆ ในญี่ปุ่นอีกด้วย โดยปกติแล้วช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนไปจนถึงต้นตุลาคม ใครที่ไม่ใช่สายปีนเขาหรือลุยเดิน ก็สามารถนั่งรถบัสชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างทางไปจนถึงยอดเขาได้เช่นกัน

Mt. Norikura 1
ภูเขาโนริคุระ Credit: Japan.travel

10. ทุ่งมิดางะฮาระ (Midagahara)

ทุ่งมิดางะฮาระ เป็นบริเวณที่ลุ่มที่มีน้ำขังขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น และยังเป็นเส้นทางสำหรับการเดินป่า ที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นเพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามนี้ได้ โดยจะมีต้นไม้และดอกไม้นานาชนิดอยู่บนภูเขา มีบึงน้ำขนาดเล็กกระจายอยู่รอบๆ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีความสวยงามและเหมาะแก่การพักผ่อนอย่างมาก นอกจากนี้ทุ่งมิดาฮาระยังได้จดทะเบียนในอนุสัญญาแรมซาร์ ให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำอันสำคัญของโลกอีกด้วย

Midagahara2 1
เส้นทางในการเดินชมทุ่งมิดางะฮาระ Credit: tohokukanko.jp
Midagahara3 1 1
สวนดอกไม้บริเวณทุ่งมิดางะฮาระ Credit: tohokukanko.jp

สรุป

เจแปนแอลป์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม มีจุดให้ชมวิวมากมาย บทความนี้จึงได้รวบรวม 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาที่เจแปนแอลป์ค่ะ รับรองว่าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในพื้นที่ของเจแปนแอลป์จะสร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่มาเที่ยวอย่างแน่นอน ถ้าสนใจ ทัวร์เจแปนแอลป์ สามารถคลิกที่ลิงก์ได้เลยค่ะ

แชร์บทความนี้