10 ที่เที่ยวฮอกไกโด ที่คุณต้องไม่พลาด

แชร์บทความนี้

ใครที่กำลังวางแพลนไปเที่ยวญี่ปุ่น ต้องไม่พลาดกับอีกหนึ่งเมืองที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในการมาเที่ยวไม่แพ้เมืองอื่นๆเลย นั่นก็คือ ฮอกไกโด นั่นเองค่ะ โดยเมืองฮอกไกโดมีภูมิภาคเป็นเกาะที่อยู่ทางตอนบนของประเทศญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเกี่ยวกับสถานที่ท่องที่ยวทางธรรมชาติ ลานสกี หิมะ ทุ่งดอกไม้ บ่อน้ำพุร้อน ไปจนถึงอุทยานแห่งชาติ นอกจากนี้เรื่องอาหารการกินของที่นี่ก็ขึ้นชื่อเหมือนกัน โดยเฉพาะอาหารทะเล ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวทัวร์ฮอกไกโดจะเป็นสายรักธรรมชาติ สายกินหรือสายพักผ่อน ที่ฮอกไกโดก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะกับการมาเที่ยวมากๆอีกเมืองนึงเลยค่ะ บทความนี้ เลิฟลี่ สไมล์ ทัวร์ ขอแนะนำ 10 ที่เที่ยวฮอกไกโด ที่คุณไปถึงแล้วจะต้องไม่พลาดกับสถานที่เหล่านี้กันค่ะ

1. หมู่บ้านเทพนิยาย นิงเกิ้ลเทอเรส (Ningle Terrace) 

เป็นหมู่บ้านที่อยู่ตรงข้ามกับโรงแรม New Furano Prince Hotel ความเป็นเทพนิยายของที่นี่คือร้านต่างๆที่อยู่ในรูปแบบกระท่อมหลังเล็กๆและทางเดินไม้ในป่าที่เหมือนกับศิลปะในเทพนิยาย โดยจะมีด้วยกันทั้งหมด 15 ร้าน ส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่จำหน่ายสินค้าแฮนด์เมด งานฝีมือ ของออริจินัลท้องถิ่นและยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ให้ได้นั่งรับประทานกันด้วยนะคะ ในช่วงตอนกลางคืนของที่นี่จะสวยงามเป็นพิเศษเพราะว่าจะมีไฟประดับเล็กๆตามหมู่บ้านและต้นไม้เพิ่มความน่ารักให้กับหมู่บ้านแห่งนี้มากยิ่งขึ้น ฤดูหนาวของที่นี่จะเต็มไปด้วยหิมะปกคลุมหมู่บ้านเต็มไปหมดและในช่วงฤดูร้อนก็จะได้บรรยากาศของป่าสนเขียวขจีกับบ้านไม้ในป่า ซึ่งแต่ละฤดูก็จะมีความสวยงามที่แตกต่างกัน ใครที่ชอบสินค้าแฮนด์เมดหรืออยากมาเดินเล่น ถ่ายรูปชิวๆ ที่หมู่บ้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นฮอกไกโดที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวเช่นกันค่ะ

ที่เที่ยวฮอกไกโด
cr.japanrailandtravel
ที่เที่ยวฮอกไกโด
cr.japanrailandtravel

2.สวนสัตว์อาซาฮิยามะ

เป็นสวนสัตว์ที่มีชื่อเสียงในแถบรอบนอกของเมืองอะซาฮิกาว่าและมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่นเลยค่ะ โดยรวบรวมสัตว์กว่า 700 ชนิดจาก 124 สายพันธุ์ จุดเด่นของสวนสัตว์แห่งนี้คือการออกแบบกรงให้มีความแตกต่างจากสวนสัตว์ของที่อื่น โดยเน้นให้พื้นที่มีลักษณะโล่ง โปร่งและกว้างเพื่อให้เหมาะกับธรรมชาติเดิมของสัตว์มากที่สุด ในส่วนของโซนสัตว์น้ำนั้นก็ถูกออกแบบให้อุโมงค์กระจกที่สามารถให้สัตว์น้ำแหวกว่ายและทำการแสดงได้ โดยคนที่มาดูก็สามารถเพลิดเพลินไปกับวิถีชีวิตและการแสดงของสัตว์เหล่านั้นได้เช่นกัน ซึ่งใครที่มาที่สวนสัตว์แห่งนี้ต้องไม่พลาดชมพาเหรดของนกเพนกวินที่มาเดินอวดความน่ารักให้แก่นักท่องเที่ยวและกิจกรรมที่ทางสวนสัตว์จัดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสวนสัตว์ ซึ่งนักท่องเที่ยวท่านใดที่สนใจมาเที่ยวที่สวนสัตว์อาซาฮิยามะก็จะมีค่าเข้าประมาณ 1,000 เยน และเปิดให้บริการเวลา 9:30 – 17:15 น. ซึ่งเวลาทำการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล กรุณาตรวจสอบรายละเอียดในเว็บไซต์อีกครั้งนะคะ
คลิ๊กดูเว็บไซต์ของสวนสัตว์อาซาฮิยามะ

ที่เที่ยวฮอกไกโด
cr.ana-cooljapan
asahiyama zoo2 1
cr.yourtravelhokkaido

3.หมู่บ้านราเมนอาซาฮิคาวะ

เป็นหมู่บ้านที่รวบรวมร้านราเมนชื่อดังในเมืองอาซาฮิคาวะทั้ง 8 ร้านมารวมไว้ในอาคารเดียวกันเลยเกิดเป็นหมู่บ้านราเมนขึ้นนั่นเองค่ะ โดยอาซาฮิคาวะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องโชยุราเมน ลักษณะเด่นของราเมนที่นี่คือน้ำซุปที่เข้มข้นและเส้นสูตรเฉพาะของแต่ละร้าน ซึ่งแต่ละร้านก็จะมีสูตรที่ผสมผสานจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้ลูกค้าได้เลือกอร่อยกันอย่างมากมาย นอกจากนี้ยังมีโซนห้องเล็กๆที่ไว้จัดแสดงประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านแห่งนี้ด้วย ใครที่เป็นสายราเมนหรืออยากลิ้มรสราเมนแบบดั้งเดิมแท้ๆที่รวมร้านอร่อยๆว้ในที่เดียวต้องไม่พลาดกับหมู่บ้านราเมนอาซาฮิคาวะนะคะ

Asahikawa Ramen Village

4. ริมคลองโอตารุ (Otaru Canal Area) เมือง Otaru ที่เที่ยวฮอกไกโดยอดฮิต

ที่นี่ถือได้ว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่เมื่อได้มาเมืองโอตารุต้องไม่พลาดที่จะมาเช็คอินที่นี่เลยค่ะ คลองแห่งนี้เดิมทีเป็นท่าเรือที่ใช้ในการลำเลียงสินค้าจากเรือใหญ่มาสู่เรือเล็กและกระจายสินค้าไปยังที่ต่างๆ และในช่วงปี ค.ศ.1980 ก็ได้รับการบูรณะให้สวยงามมากยิ่งขึ้นจนถึงปัจจุบัน ส่วนโกดังสินค้าก็ได้กลายมาเป็นร้านค้า ร้านอาหารและพิพิธภัณฑ์เกิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่เป็นที่นิยมจากคนทั่วไปและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยในช่วงเย็นไปจนถึงค่ำๆจะมีการเปิดโคมไฟก๊าซโบราณซึ่งทำให้บรรยากาศที่นี่ดูโรแมนติก น่าเดินเล่นมากยิ่งขึ้น สำหรับในช่วงฤดูหนาวที่แห่งนี้ยังเป็นที่จัด เทศกาลแสงไฟริมคลองโอตารุ (Otaru Snow Light Path Festival) ด้วยนะคะ ใครที่สนใจมาเดินเล่น ทานอาหารอร่อยๆ หรือมาช้อปปิ้ง ริมคลองนี้เป็นอีกที่หนึ่งที่เที่ยวฮอกไกโดที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ
เวลาเปิด : เปิด 24 ชม.
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าเช้าชม

otaru 1
cr.nippon
Otaru Canal 1
cr.expedia

5.ทุ่งดอกไม้ ฟูราโน่ (Furano Flower Field), เมือง Furano

ฟาร์มโทมิตะ เป็นฟาร์มที่ขึ้นชื่อในเรื่องของทุ่งดอกไม้ที่จัดเรียงได้อย่างสวยงามท่ามกลางวิวภูเขาโทกะชิ (Tokachi mountain) ที่ฟาร์มแห่งนี้เป็น “จุดชมดอกลาเวนเดอร์ที่ดีที่สุดของเมืองฟูราโน่” กันเลยทีเดียวค่ะ โดยดอกลาเวนเดอร์จะบานเต็มที่ในช่วงเดือนกรกฎาคม – ต้นเดือนสิงหาคม แน่นอนว่าที่ฟาร์มแห่งนี้ก็เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวกันอย่างมากในช่วงนั้นเลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีสวนดอกไม้นานาชนิดที่ได้จัดเรียงไว้ให้เหมาะกับฤดูกาลนั้นๆอย่างสวยงามเช่นกัน ได้แก่ 
เดือนมิถุนายน – ดอกป๊อปปี้และดอกลูปิน
เดือนกรกฎาคม – ดอกลิลลี่
เดือนสิงหาคม – เดือนกันยายน – ดอกทานตะวัน ดอกซัลเวีย และคอสมอส
โดยสวนดอกไม้แห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรีอย่างอิสระ และใกล้ๆฟาร์มยังมีร้านกาแฟและร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากลาเวนเดอร์อีกด้วย เหมาะอย่างมากที่จะมาชมดอกไม้หรือถ่ายรูปวิวทิวทัศน์สวยๆ ใครที่มาเมืองฟูราโน่ต้องไม่พลาดที่นี่เลยนะคะ

furanoflower2 1
cr.top.his-usa

6.โรงงานช็อคโกแล็ต (Shiroi Koibito) เมือง Sapporo

เป็นบริษัทช็อกโกแลตท้องถิ่นที่ชื่อว่า Ishiya ตั้งอยู่ในเมืองซัปโปโร โดยโรงงานนี้ไม่ใช่โรงงานทำช็อกโกแลตอย่างเดียวทั่วไปแต่ด้านในของโรงงามเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์โรงงานช็อกโกแลตที่จำหน่ายช็อกโกแลตรูปแบบต่างๆมากมาย นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องช็อกโกแลตแล้วที่โรงงานนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของ “คุกกี้เนยสอดไส้ช็อกโกแลตขาว” ที่ใครชิมแล้วต้องบอกว่าอร่อยและถือว่าเป็นของฝากยอดนิยมจากที่นี่เลยค่ะ ในช่วงฤดูหนาวทางโรงงานจะมีการเปิดไฟ Illumination รอบๆอาคารของโรงงานและด้วยความที่อาคารออกแบบมาสไตล์ยุโรปจึงทำให้บรรยากาศของที่นี่สวยงามเหมือนกับอยู่ที่ยุโรปเลยค่ะ นอกจากจะสามารถช้อปปิ้ง ซื้อของฝากได้แล้ว ยังมีกิจกรรม workshop สนุกๆที่ให้เราสามารถทำคุ้กกี้ด้วยตนเองอีกด้วยนะคะ

Shiroi Koibito 1
cr.hokkaidoguide
Shiroi Koibito 1 1
หน้าโรงงานช่วงฤดูหนาว cr.yukke.id

7.หอนาฬิกาเมืองซัปโปโร

ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองซัปโปโรเลยค่ะ ตัวอาคารของหอนาฬิกาสร้างขึ้นสมัยพัฒนาซัปโปโรในปี 1878 โดยตัวเรือนนาฬิกาซื้อมาจากกรุงบอสตัน ปัจจุบันที่แห่งนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชม ภายในห้องจัดแสดงจะจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสิ่งก่อสร้าง แบ่งออกเป็น 2 ชั้น ได้แก่
ชั้นที่1 จะเจัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราว เกร็ดความรู้ และประวัติศาสตร์ของเมืองซัปโปโร
ชั้นที่ 2 จะจัดแสดงเกี่ยวกับนาฬิกา
และยังมีห้องโถงที่สามารถใช้ในการจัดพิธีการต่างๆได้ด้วยค่ะ เรียกได้ว่าสถานที่นี้เป็นศูนย์กลางและเป็นจุดแวะเที่ยวจุดแรกก่อนจะไปสถานที่อื่นๆในเมืองซัปโปโรเลยค่ะ
ค่าเข้าชม: 200 เยน (กลุ่ม 20 คนขึ้นไป 180 เยน )
เวลาเปิด-ปิด: 8:45-17:10 (เข้าชมก่อน 17:00)
วันปิดทำการ: วันจันทร์สัปดาห์ที่ 4 ของทุกเดือน (หากวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการ จะปิดในวันอังคาร)

Sapporo Clock Tower
cr.japan-guide
Sapporo Clock Tower2
cr.remoju

8.พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี (Music Box Museum) 

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกที่หนึ่งในเมืองโอตารุเลยค่ะ เมื่อไปถึงแล้วจะเจอคนยืนอยู่ข้างหน้าอาคารต่างๆเต็มไปหมด แต่อาคารที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ Main Hall หรือว่า อาคารหลักค่ะ ซึ่งจะโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมของอาคารและเป็นโซนที่รวมของฝากของที่ระลึกวางขายมากมาย นอกจากจะมีกล่องดนตรีแล้วยังมีงานแก้ว งานเซรามิคและงานไม้ด้วยนะคะ ที่เมืองโอตารุนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของงานแก้วที่สวยงามด้วยค่ะ ซึ่งท่านใดที่สนใจก็สามารถช้อปปิ้งกล่องดนตรีของที่นี่ได้หรือว่าจะเดินชมความสวยงาม ความประณีต ความน่ารักของกล่องดนตรีหรืองานแก้วก็ได้เช่นกันค่ะ รอบๆพิพิธภัณฑ์ยังมีอาคารเก่าทรงยุโรปและร้านค้าเล็กๆอยู่รอบๆด้วยนะคะ ท่านใดที่ช้อปปิ้งเสร็จแล้วก็สามารถออกมาถ่ายรูปกับอาคารทรงยุโรปหรือหาอะไรทานได้เช่นกันค่ะ
เปิดบริการทุกวัน 9:00-18:00

Music Box Museum
cr.livejapan
Otaru Antique Music Box Museum 1
cr.expedia

9.หุบเขานรกจิโกกุดานิ (Jigokudani หรือ Hell Valley)

เป็นหุบเขาที่ความสวยงามเป็นที่เลื่องลือกันทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวเลยค่ะ ใครที่เป็นสายธรรมชาติและสายชอบผจญภัยต้องไม่พลาดกับที่นี่เลย เพราะจะมีเส้นทางตามหุบเขาให้เดินไต่ไปตามทางเพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของธรรมชาติ โดยในแต่ละขั้นที่ขึ้นไปจะเจอกับบ่อน้ำพุร้อนให้เห็นเรื่อยๆตลอดทาง ซึ่งจะมีลำธารที่ชื่อว่า “โอยุนุมะกาว่า(Oyunumagawa)” ไหลผ่านเป็นระยะกว่า 100 เมตร ซึ่งจุดนี้สามารถนั่งแช่เท้าหรือนั่งชมวิวธรรมชาติรอบๆเขา โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีประมาณกลางเดือนตุลาคนของทุกปี ที่นี่ถือเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมากๆจนได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะจะได้เห็นใบไม้ที่เปลี่ยนสีเป็นสีส้ม สีแดงทั่วทั้งพื้นที่ เรียกได้ว่าสวยงามจนเป็นที่เลื่องลือกันเลยทีเดียวค่ะ 

Jigokudani2 1
cr.zekkeijapan
Jigokudani3
หุบเขานรกในช่วงฤดุใบไม้เปลี่ยนสี cr.japan-guide

10.ทะเลสาบโทยะ (Toya Lake) 

ความพิเศษของทะเลสาบที่นี่คือเป็นทะเลสาบที่การเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อประมาณหนึ่งแสนปีก่อนเกิดเป็นหลุมทะเลสาบแห่งนี้ขึ้นมา จุดเด่นของทะเลสาบแห่งนี้คือน้ำใสสะอาดมากจนไม่มีที่ไหนเทียบได้ จึงเป็นที่นิยมในการมาเดินเล่น ชมวิวเพื่อชมทัศนียภาพรอบๆทะเลสาบ ซึ่งที่นี่ก็มีให้ล่องเรือชมทะเลสาบ เช่าเรือสปีดโบ้ท เรือแคนู หรือจะปั่นจักรยานได้ตามอัทธยาศัยเลยค่ะ ในช่วงฤดูหนาว ตัวทะเลสาบจะแข็งเป็นน้ำแข็งก็สามารถเล่นแพน้ำเเข็งนั้นหรือว่าสโนว์โมบิล ซึ่งการเล่นนี้ก็จะมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลความปลอดภัยอยู่ด้วยค่ะ และในช่วงไฮท์ซีซั่น ประมาณเดือนเมษายน-ปลายเดือนตุลาคม จะมีการจุดพลุในเวลา 20:45 ของทุกๆคืนด้วยนะคะ ใครที่สนใจมาพักผ่อนก็สามารถมาเช่าโรงแรมรอบๆทะเลสาบนี้ได้ด้วยเช่นกัน เพราะว่าบรรยากาศของที่นี่ดีสุดๆเหมาะแก่การพักผ่อน ฮีลใจมากเลยค่ะ

toyalake
cr.fun-japan
toyalake2
ทะลสาบโทยะในช่วงฤดูหนาว cr.fun-japan

สรุป

โดยสรุปแล้ว เมืองฮอกไกโดเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะกำลังมองหาการผจญภัยหรือการพักผ่อน ที่เมืองฮอกไกโดมีครบทุกสิ่งทุกอย่างเลยค่ะ ดังนั้น หากท่านใดที่กำลังวางแผนเดินทางมาที่เมืองฮอกไกโด หวังว่าบทความนี้จะสามารถแนะนำที่เที่ยวฮอกไกโดให้กับทุกท่านได้นะคะหรือท่านใดที่ต้องการเที่ยวแบบโปรแกรมทัวร์ที่ได้รวบรวมไฮไลท์เด็ดของเมืองนี้ไว้ในโปรแกรมทัวร์แล้วทางบริษัท Lovely Smile Tour มีโปรแกรม ทัวร์ฮอกไกโด ให้เลือกมากมาย สนใจจองหรือสอบถามสามารถแอดไลน์หรือโทรสอบถามได้เลยค่ะ

แชร์บทความนี้