รีวิว บ่อน้ำพุร้อนยูมิ จิโกกุ ฟุกุโอกะ

แชร์บทความนี้

บ่อน้ำพุร้อนยูมิ จิโกกุ เป็นหนึ่งในบ่อนรกที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดา “บ่อนรกเบปปุ” ทั้ง 7 แห่ง ด้วยความสวยงามของสีน้ำที่เป็นเอกลักษณ์ ไอน้ำที่พุ่งออกมาจำนวนมาก และด้วยบรรยากาศโดยรอบที่สวยงามและเงียบสงบ ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกหนึ่งสถานที่ที่คนนิยมไปเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น ฟุกุโอกะกันค่ะ ซึ่งในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับบ่อยูมิ จิโกกุให้มากยิ่งขึ้นค่ะ

1. ประวัติความเป็นมา

บ่อน้ำพุร้อนยูมิ จิโกกุ เป็นหนึ่งในเจ็ดบ่อนรกอันโด่งดังของเมืองเบปปุ จังหวัดโออิตะ บนเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าสนใจ จุดกำเนิดของยูมิ จิโกกุ เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟซึรุมิ เมื่อ 1,200 ปีก่อน ซึ่งเกิดจากแร่กำมะถันที่ละลายอยู่ด้วยอุณหภูมิที่สูงถึง 98 องศาเซลเซียส จึงไม่สามารถลงอาบได้ ในอดีต ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าบ่อน้ำพุร้อนเหล่านี้เป็นประตูสู่นรก มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับวิญญาณร้ายที่สิงสถิตอยู่ ความเชื่อนี้ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวมีความสำคัญทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ การพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเริ่มขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อญี่ปุ่นเริ่มเปิดประเทศและส่งเสริมการท่องเที่ยว ยูมิ จิโกกุ ได้รับการปรับปรุงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทัวร์ฟุกุโอกะที่สามารถเข้าชมได้อย่างปลอดภัย

history of umi jigoku
บ่อน้ำพุร้อนในสมัยก่อน Credit : researchgate.net

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การท่องเที่ยวในญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้บ่อนรกแห่งนี้ กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม ทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา มีความพยายามในการอนุรักษ์บ่อนรกแห่งนี้ให้คงสภาพธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อให้สามารถชมความงามและเรียนรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

ปัจจุบัน ยูมิ จิโกกุ ยังคงเป็นส่วนสำคัญของ “เจ็ดบ่อนรกแห่งเบปปุ Hells of Beppu” ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคคิวชู นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมเพื่อสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และดื่มด่ำกับวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของญี่ปุ่น บ่อนรก ไม่เพียงแต่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นอีกด้วย

2. บ่อน้ำพุร้อนยูมิ จิโกกุ (Umi Jigoku)

บ่อน้ำพุร้อนยูมิ จิโกกุ หรือ บ่อนรกทะเลเดือด บ่อนี้จะเป็นน้ำสีฟ้าโคบอลต์สดใสหรือคล้ายกับสีของน้ำทะเลที่มีขนาดใหญ่ ที่มีไอน้ำพุ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดูคล้ายกับภาพของนรกในตำนานญี่ปุ่น จึงได้รับชื่อว่า “ยูมิ จิโกกุ” ซึ่งแปลว่า “นรกทะเล” โดยน้ำในบ่อมีอุณหภูมิสูงถึง 98 องศาเซลเซียส และมีความลึกถึง 200 เมตร เป็นบ่อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน 7 แห่งเลยค่ะ ซึ่งในบ่อมีความเป็นกรดสูง ทำให้ไม่สามารถลงไปแช่ได้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมรอบๆ และถ่ายภาพความงามของบ่อนี้ได้ หรือใครอยากจะลองต้มไข่ออนเซ็นก็ได้เช่นกันค่ะ นอกจากความสวยงามที่แปลกตาแล้ว บ่อยูมิ จิโกกุ ยังมีความสำคัญทางธรณีวิทยา เนื่องจากเป็นตัวอย่างของปรากฏการณ์ความร้อนใต้พิภพที่หาดูได้ยากอีกด้วยค่ะ

บ่อน้ำพุร้อนยูมิ จิโกกุ
ยูมิ จิโกกุ Credit : kcpinternational.com

บริเวณด้านข้างบ่อจะมีศาลเจ้าเล็กๆ ไว้ให้สักการะ ซึ่งจะต้องเดินผ่านเสาไม้โทริอิสีแดงสดที่เรียงรายอยู่ขึ้นไป เป็นอีกสถานที่สวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นและมีบรรยากาศที่ลึกลับ เสาโทริอิสีแดงสดด้านข้างบ่อนี้ทำให้สีตัดกับบ่อน้าพุร้อนสีฟ้า ทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงาม

umi jigoku 01
เสาไม้โทริอิสีแดง Credit : beyondthebay.co

และในบริเวณที่ตั้งของบ่อยูมิ จิโกกุ จะมีบ่อน้ำอีกแห่งที่เรียกว่า อาไกเกะจิโกกุ ซึ่งสามารถชมได้ในเวลาเดียวกัน บ่อแห่งนี้มีลักษณะเด่นคือเป็นสีแดงคล้ายกับบ่อนรกเลยก็ว่าได้ ซึ่งต่างจากบ่อยูมิ จิโกกุ ความแตกต่างของสีน้ำโคบอลต์สดใสและสีแดงทองเเดงทำให้สัมผัสได้ถึงพลังลึกลับของธรรมชาติ

umi jigoku 02 1
บ่ออาไกเกะจิโกกุ Credit : en.japantravel.com

นอกจากนี้บริเวณรอบๆบ่อยูมิ จิโกกุยังมีสวนกว้างขวางและสระน้ำขนาดใหญ่ ที่ได้จัดไว้อย่างสวยงาม สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเงียบสงบ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นชิลล์ๆ พักผ่อน และสูดอากาศบริสุทธ์ได้

umi jigoku 03
สวนรอบๆบ่อยูมิ จิโกกุ Credit : kodawari-times.net
umi jigoku 04
สระน้ำ Credit : kodawari-times.net

หากใครที่ชมบ่อน้ำพุร้อนแล้ว เดินเล่นรอบๆแล้ว รู้สึกเมื่อยล้า ที่บริเวณบ่อยูมิ จิโกกุ จะมีบ่อเเช่เท้าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งการแช่เท้าในน้ำพุร้อนอุ่นๆ ทำให้รู้สึกสดชื่น และลดอาการเมื่อยล้าได้ค่ะ หากใครอยากจะเเช่เท้าอย่าลืมนำผ้าเช็ดเท้ามาเผื่อด้วยนะคะ

foot bath in umi jigoku
บ่อเเช่เท้าฟรี Credit : mytravelbuzzg.com

3. พิกัดและที่ตั้ง

บ่อนรกหรือ จิโกกุ ตั้งอยู่บนเกาะคิวซู ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของญี่ปุ่น อยู่ในจังหวัดโออิตะ เมืองเบปปุ ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านน้ำพุร้อนและออนเซ็น

พิกัด 559-1 Kannawa, Beppu, Oita 874-0045 ญี่ปุ่น
แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
เว็บไวต์ทางการhttps://www.umijigoku.co.jp/

4. เวลาทำการและค่าเข้าชม

เวลาทำการเปิดทุกวันเวลา 08.00 -17.00 น.
ค่าเข้าชม ค่าเข้าชมที่เดียว
ผู้ใหญ่ 450 เยน
เด็กชั้นประถม-มัธยมศึกษาตอนต้น 200 เยน
เด็กเล็ก 100 เยน

สำหรับกลุ่มมากกว่า 30 คนขึ้นไป ผู้ใหญ่ 350 เยน
เด็กชั้นประถม-มัธยมศึกษาตอนต้น 150 เยน

ค่าเข้าชมทั่วไป สามารเข้าชมได้ทั้ง 7 บ่อ
ผู้ใหญ่ 2,200 เยน
เด็กชั้นประถม-มัธยมศึกษาตอนต้น 1,000 เยน
เด็กเล็ก 400 เยน

สำหรับกลุ่มมากกว่า 30 คนขึ้นไป ผู้ใหญ่ 1,500 เยน
เด็กมัธยมปลาย 850 เยน เด็กมัธยมตอนต้น 600 เยน เด็กประถม 500 เยน

5. การเดินทาง

สามารถนั่งรถไฟจากสถานีโออิตะ สาย JR Nippo Main Line เพื่อไปลงที่สถานี Beppu Station แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถบัส เขตคันนาว่า (Kannawa) นั่งรถบัส Kamei สาย 5, 7, 9, 24 หรือ 41 ไปลงที่สถานี Kannawa

6. เที่ยวช่วงเดือนไหนดี

การเที่ยวบ่อนรกยูมิ จิโกกุ สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งแต่ละช่วงเวลาก็มีเสน่ห์และสวยงามแตกต่างกันไป

6.1 ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)

ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นช่วงที่นิยมมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงดอกซากุระบาน อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การเดินชมสวนรอบๆ บ่อนรกสวยงามด้วยดอกไม้นานาพันธุ์

6.2 ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม)

ช่วงอากาศร้อน แต่ความร้อนจากบ่อนรกจะทำให้รู้สึกน่าตื่นเต้นมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบอากาศร้อนและไม่มีปัญหากับความชื้น มีเทศกาลฤดูร้อนหลายงานในเมืองเบปปุ

6.3 ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน)

ช่วงฤดูใบไม้ร่วงอากาศจะเย็นสบาย ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ เพราะมีสีสันของธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งช่วงนี้นักท่องเที่ยวน้อยกว่าฤดูใบไม้ผลิ

6.4 ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)

ช่วงฤดูหนาวอากาศเย็น แต่จะไม่หนาวจัด ด้วยความไอร้อนจากบ่อนรกสร้างบรรยากาศที่น่าประทับใจทำให้อากาศไม่หนาวมาก ซึ่งช่วงนี้นักท่องเที่ยวจะเที่ยวจะไม่ค่อยเยอะมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเงียบสงบ

7. คำแนะนำเพิ่มเติม

  1. ซื้อตั๋วรวมสำหรับบ่อนรกทั้ง 7 แห่งจะประหยัดกว่าซื้อแยก
  2. ควรเริ่มต้นการเที่ยวชมแต่เช้าเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัด
  3. เตรียมรองเท้าที่สวมใส่สบายเนื่องจากต้องเดินมาก
  4. ระวังไอน้ำร้อนและพื้นที่อันตราย ปฏิบัติตามป้ายเตือนอย่างเคร่งครัด

สรุป

โดยสรุปแล้ว บ่อน้ำพุร้อนยูมิ จิโกกุ นับว่าเป็นจุดท่องเที่ยวอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมในเมืองเบปปุ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แปลกตา ใครที่ไปจะเที่ยวชมบ่อน้ำพุร้อนที่เมืองเบปปุ อย่าพลาดที่จะมาชมน้ำพุร้อนยูมิ จิโกกุให้ได้เลยค่ะ หากใครสนใจทาง Lovely Smile Tour มีโปรแกรมทัวร์ฟุกุโอกะให้เลือกมากมาย และหากสนใจจองทัวร์หรือสอบถามข้อมูล สามารถแอดไลน์มาได้ที่ LINE ID : @lovelysmiletour ได้เลยค่ะ

แชร์บทความนี้