เปรียบเทียบ 2 สวนสนุกในฝัน “โตเกียวดิสนีย์แลนด์และโตเกียวดิสนีย์ซี”

แชร์บทความนี้

โตเกียวดิสนีย์แลนด์และดิสนีย์ซี คงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆ โดยเฉพาะคนที่โตมากับการ์ตูนดิสนีย์คงจะถูกใจไม่น้อยเลยค่ะ โดยทั้ง 2 สวนสนุกจะตั้งอยู่ในที่เดียวกันนั่นก็คือ Tokyo Disney Resort ซึ่ง 2 สวนสนุกนี้ก็จะมีความแตกต่างกันไป ในบทความนี้ก็จะมาแนะนำในแต่ละโซนของสวนสนุกและเปรียบเทียบความแตกต่างของทั้ง 2 สวนสนุกชื่อดังเมืองโตเกียวว่ามีความแตกต่างในเรื่องใดและเหมาะสมกับใครกันบ้างค่ะ

สารบัญ

  1. โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
  2. โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
  3. เวลาทำการ
  4. ประเภทของตั๋ว
  5. ความแตกต่าง

สรุป

โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)

โตเกียวดิสนีย์แลนด์ เป็นสวนสนุกที่มีเครื่องเล่นมากมาย และมีตัวการ์ตูนวัยเด็กให้ได้ชมเยอะ ภายในก็จะตกแต่งเป็นธีมที่สดใสตามการ์ตูนดิสนีย์เรื่องต่างๆ เครื่องเล่นก็เหมาะกับทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ค่ะ โดยที่โตเกียว ดิสนีย์แลนด์จะแบ่งออกเป็น 7 โซนด้วยกันค่ะ มาดูกันค่ะว่าแต่ละโซนจะมีจุดเด่นและมีอะไรน่าสนใจกันบ้าง

โซนที่ 1 World Bazaar เป็นโซนที่ใครๆ ก็จะเจอก่อน เพราะว่าอยู่ด้านทางเข้าของโตเกียวดิสนีย์แลนด์ ภายในก็จะมีปราสาทของเจ้าหญิงซินเดอเรลล่า สองข้างทางก็จะเป็นอาคารบ้านเรือนสไตล์วิคตอเรียนจากตอนต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งข้างในจะมีทั้งร้านอาหาร ร้านขนม และร้านขายของต่างๆ แถมบริเวณนี้ยังเป็นจุดชมพลุและขบวนพาเหรดที่สวยที่สุดในสวนสนุกโตเกียวดิสนีย์แลนด์อีกด้วยค่ะ

world bazaar 1
World Bazaar Credit : disneyphotoblography

โซนที่ 2 Adventureland เป็นโซนที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบในการผจญภัยค่ะ เพราะว่าที่โซนนี้จะมีเครื่องเล่นอย่าง Jungle Cruise: Wildlife Expeditions ที่จะพาไปท่องเรือชมสัตว์ หรือใครอยากเป็นโจรสลัดก็ต้องห้ามพลาดเครื่องเล่น Pirates of the Caribbean หรือใครที่อยากจะนั่งชิลๆ ชมโชว์การแสดงที่เต็มไปด้วยนกและดอกไม้จากการ์ตูนดิสนีย์ชื่อดังเรื่อง Lilo & Stitch ก็แนะนำเป็น The Enchanted Tiki Room: Stitch Presents “Aloha E Komo Mai!” เลยค่ะ

Adventureland
Adventureland Credit : disneyphotoblography

โซนที่ 3 Westernland เป็นโซนที่เหมือนย้อนไปเขตเมืองเก่าของสหรัฐอเมริกาเลยค่ะ ภายในก็มีเครื่องเล่นหลายอย่าง ส่วนเครื่องเล่นที่แนะนำว่าห้ามพลาดก็จะเป็น Big Thunder Mountain รถไฟเหาะที่จะพาเข้าไปในเหมือง ซึ่งเขาก็ทำออกมาได้สมจริงสุดๆ เลยค่ะ ส่วนใครอยากจะลองนั่งเรือชมแม่น้ำของ Westernland ก็ให้ไปที่ Mark Twain Riverboat แต่ถ้าอยากจะผจญภัยบนเกาะของ Tom Sawyer ก็ให้ล่องแพเล็กๆ ข้ามไปได้เลย นอกจากนี้เรายังสามารถไปพบกับตัวการ์ตูนดิสนีย์ชื่อดังอย่าง Donald Duck และ Daisy Duck ภายในโซนนี้อีกด้วยค่ะ

westernland
Westernland Credit : disneyphotoblography

ซนที่ 4 Critter Country เป็นโซนที่ตกแต่งตามนิทานพื้นบ้านของอเมริกาทางตอนใต้ ในโซนนี้ก็จะมีเครื่องเล่นที่ห้ามพลาดอย่าง Splash Mountain ที่จะได้นั่งบนเรือที่เป็นรูปทรงขอนไม้เข้าไปชมสัตว์ต่างๆ ก่อนที่จะพุ่งลงมาด้วยความเร็วสูง ใครที่ชอบเครื่องเล่นที่ออกแนวหวาดเสียวหน่อยๆ ก็แนะนำเลยค่ะ ส่วนใครที่อยากจะใช้แรงและต้องการความท้าทายก็ต้องไปลองพายเรือแคนูข้ามแม่น้ำกับเครื่องเล่น Beaver Brothers Explorer Canoes เลยค่ะ

critter country 1 4
Critter Country Credit : Ken Lund

โซนที่ 5 Fantasyland เป็นโซนที่ใครหลายๆ คนต้องชอบและจะมาเป็นโซนแรกๆ แน่นอนค่ะ เพราะว่าโซนนี้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวจากเทพนิยาย ภายในจะมีมุมสวยๆ ให้ได้ถ่ายรูปเยอะ รวมถึงมีเครื่องเล่นจากการ์ตูนดิสนีย์ชื่อดังมากมายเลยค่ะ ทั้ง Alice’s Tea Party จาก Alice in Wonderland, ม้าหมุน Castle Carrousel มีปราสาทของเจ้าหญิง Cinderella’s Fairy Tale Hall จากเรื่องซินเดอเรลล่าให้ได้ชม Snow White’s Adventures จากเรื่องสโนว์ไวท์ และ Peter Pan’s Flight ส่วนใครที่อยากชมโชว์การแสดงก็ต้อง Mickey’s PhilharMagic จะเป็นภาพยนต์สามมิติให้ได้ชมค่ะ

Fantasyland
Fantasyland Credit : attractionsmagazine

โซนที่ 6 Toontown เป็นโซนที่ได้รวบรวมตัวการ์ตูนดิสนีย์ที่ใครหลายคนน่าจะคุ้นเคยกันตั้งแต่เด็ก เพราะภายในโซนนี้จะมีทั้งบ้านของมินนี่เมาส์ กู๊ฟฟี่ และชิปแอนด์เดลล์ ซึ่งสามารถเข้าไปเดินชมภายในบ้านของตัวการ์ตูนได้ด้วยค่ะ ในบ้านของมิกกี้เมาส์ เพื่อนๆ สามารถไปพบปะและถ่ายภาพร่วมกับซุปเปอร์สตาร์อย่างมิกกี้เมาส์ได้ด้วยนะ รับรองว่าเหมือนฝันเป็นจริงแน่นอน

Toontown 1 1
Toontown Credit : Disney Wiki

โซนที่ 7 Tomorrowland โซนสุดท้ายนี้เป็นโซนเมืองแห่งโลกอนาคต ตัวตึกต่างๆ ก็จะตกแต่งค่อนข้างทันสมัยให้ตรงกับคอปเซปต์ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารรูปทรง UFO หรือเครื่องเล่นจากการ์ตูนดิสนีย์ ทั้ง Buzz Lightyear’s Astro Blasters จากการ์ตูนเรื่อง Toy Story, Monster Inc. Ride & Go Seek! จากเรื่อง Monster Inc. ส่วนเครื่องเล่นที่เป็นไฮไลท์ก็จะเป็น Space Mountain เป็นเครื่องเล่นที่จะได้นั่งรถไฟเหาะไปตะลุยจักรวาล และ Star Tours: The Adventures Continue ที่จะได้นั่งยานออกไปตะลุยโลกของ Star Wars นั่นเอง

tomorrowland
Tomorrowland Credit : photojames

โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)

โตเกียวดิสนีย์ซี เป็นสวนสนุกที่จะมีความแตกต่างกับดิสนีย์แลนด์ค่ะ เพราะว่าโตเกียวดิสนีย์ซีจะตกแต่งเป็นธีมทะเล ภายในก็จะมีน้ำทะเลล้อมรอบและมีภูเขามากมาย พวกสิ่งก่อสร้างภายในดิสนีย์ซีก็จะได้รับแรงบันดาลใจจากเทพนิยายต่างๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 โซนเช่นกัน มาดูกันค่ะว่าแต่ละโซนจะเป็นยังไงบ้าง

โซนที่ 1 Mediterranean Harbor เป็นโซนที่ตั้งอยู่หน้าทางเข้าของโตเกียวดิสนีย์ซี จะตกแต่งเป็นเหมือนคลองเวนิซประเทศอิตาลี จะมีเรือกอนโดล่าตกแต่งอยู่รอบๆ ตัวอาคารก็จะตกแต่งเป็นสไตล์ยุโรปโบราณ ที่โซนนี้จะมีเครื่องเล่นทั้งหมด 3 เครื่องด้วยกันค่ะ ได้แก่ DisneySea Transit Steamer Line จะเป็นเรือที่พาชมวิวที่ทะเลทราบเมดิเตอร์เรเนียน, Venetian Gondolas นั่งเรือกอนโดล่าลอดใต้สะพานเหมือนกับคลองเวนิซ และ Fortress Explorations เป็นอาคารที่จำลองท่าเรือและป้อมปราการเพื่อแสดงนิทรรศการของนักเดินเรือชื่อดังอย่างคริสโตเฟอร์โคลัมบัสผู้ที่ค้นทวีปอเมริกา และเฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน ผู้ที่ตั้งชื่อมหาสมุทรแปซิฟิกนั่นเองค่ะ

Mediterranean Harbor
Mediterranean Harbor Credit : wanderingindisney

โซนที่ 2 American Waterfront เป็นโซนที่จำลองเมืองอเมริกา และเป็นโซนที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะเป็นอันดับต้นๆ เลยค่ะ ภายในก็จะมีเครื่องเล่นให้ได้เล่นอย่างจุใจถึง 6 เครื่องด้วยกัน โดยเครื่องที่นิยมที่สุดก็คือ Toy Story Mania และปราสาท Tower of Terror ที่เป็นบ้านผีสิงแบบ 4D แสง สี เสียงแบบจัดเต็มเลยค่ะ ฉากภายในก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ได้บรรยากาศมาก ส่วนชื่อ Tower of Terror ก็ได้มาจากโรงแรมในนิวยอร์กเมื่อปี ค.ศ 1912 ซึ่งเป็นโรงแรมที่เกิดเรื่องลึกลับขึ้นภายในมากมายเลยค่ะ

American Waterfront
American Waterfront Credit : en.wikipedia

โซนที่ 3 Port Discovery โซนนี้จะเป็นโซนที่มีขนาดเล็กที่สุดในดิสนีย์ซีค่ะ ภายในก็จะมีเครื่องเล่นให้ได้เล่นเพียง 3 เครื่องเท่านั้น จะมี Storm Rider เป็นเครื่องเล่นที่จำลองเหตุการณ์นักบินที่ต้องเจอกับพายุลูกใหญ่ ภาพบนจอก็จะเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เครื่องเล่นก็จะสั่นตาม และมีเสียงที่ดังพอสมควรค่ะ เครื่องเล่นนี้ก็จะค่อนข้างมีความสมจริง ไม่แนะนำสำหรับเด็กค่ะ ต่อไปจะเป็น Aquatopia เป็นเครื่องเล่นที่อยู่กลางแจ้ง จะบังคับเรือให้แล่นบนผิวน้ำ ซึ่งเรือ 1 ลำ สามารถเล่นได้แค่ 3 คน เครื่องเล่นสุดท้ายจะเป็น Disney Sea Electric Railway เป็นรถไฟวิ่งบนราง ไม่สูงจนเกินไปและไม่เป็นเครื่องเล่นเพียงอย่างเดียวที่ไม่หวาดเสียวค่ะ

Port Dis 2
Port Discovery Credit : livingnomads

โซนที่ 4 Lost River Delta เป็นโซนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังชื่อดัง Indiana Jones พวกตึกภายในก็จะเป็นทรงสูงที่จำลองตามแบบชนเผ่าในอเมริกาใต้ ซึ่งถือเป็นอีกโซนที่เป็นที่นิยมเลยค่ะ เพราะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาส่วนใหญ่ก็จะแวะมาเพื่อล่องเรือชมวิว เก็บภาพบรรยากาศกันค่ะ

Lost River
Lost River Delta Credit : touringplans

โซนที่ 5 Mermaid Lagoon เป็นโซนที่ตกแต่งในธีมของโลกใต้ท้องทะเลที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนยอดฮิตเรื่อง Little mermaid และยังเป็นโซนที่มีนักท่องเที่ยวเยอะเช่นกันค่ะ เครื่องเล่นที่โซนนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวหรือหวาดเสียว เด็กเล็กก็เล่นได้ค่ะ บริเวณรอบๆ ก็จะมีจุดให้ได้ถายรูปสวยๆ เพียบ นอกจากนี้ยังมีการแสดงละครเวทีของนางเงือกให้ได้ชมอีกด้วยค่ะ

mermaid lagoon
Mermaid Lagoon Credit : disneytouristblog

โซนที่ 6 Mysterious Island เป็นโซนที่ตั้งอยู่ใจกลางของโตเกียวดิสนีย์ซีเลยค่ะ โดยสิ่งก่อสร้างภายในจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือนวนิยายแนว Sci – Fi ของจูลล์ เวิร์น ภายในก็จะตกแต่งเป็นธีมผจญภัย หรือเหมืองหิน จะมีจุดเด่นเป็นภูเขาไฟสูงที่สามารถพ่นควันได้ด้วยค่ะ ภายในโซนนี้ก็จะมีเครื่องเล่นอยู่ 2 เครื่องค่ะ Journey to the Center of the Earth และ 20,000 Leagues Under the Sea

Mysterious Island
Mysterious Island Credit : photojames

โซนที่ 7 Arabian Coast เป็นโซนที่ตกแต่งเป็นเหมือนทะเลสาบอาหรับ โดยได้แรงบันดาลใจมากจากการ์ตูนเรื่องอาลาดินกับตะเกียงวิเศษนั่นเองค่ะ เครื่องเล่นในโซนนี้ก็มีทั้งหมด 4 เครื่องด้วยกัน ซึ่งเครื่องเล่นแต่ละเครื่องไม่มีความหวาดเสียวเลยค่ะ เรียกได้ว่าเหมาะสมกับทุกเพศทุกวัยเลยค่ะ และที่โซนนี้น่าจะเป็นโซนที่ถูกใจเด็กๆ อย่างแน่นอนค่ะ

Arabian
Arabian Coast Credit : japanjourneys

เวลาทำการ

เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.00 น.

ประเภทของตั๋ว

ตั๋วเข้าดิสนีย์แลนด์สามารถซื้อได้ที่หน้างานหรือซื้อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ค่ะ แต่ว่าแนะนำให้ซื้อผ่านเว็บไซต์จะได้ราคาที่ถูกกว่าและไม่ต้องต่อแถวรอซื้อบัตรให้เมื่อยและเสียเวลาเที่ยวด้วยค่ะ ประเภทของตั๋วก็จะมีอยู่ทั้งหมด 4 ประเภท ดังนี้ค่ะ

1-Day Passport

ผู้ใหญ่ (18 ปีขี้นไป) 7,900 – 9,400 เยน

เด็กโต (12 – 17 ปี) 6,600 – 7,800 เยน

เด็กเล็ก (4 – 11 ปี) 4,700 – 5,600 เยน

* เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เข้าฟรี

ตั๋วแบบกำหนดวันและเวลา

เป็นตั๋วที่เข้าสวนสนุกได้หลังเวลาที่สวนเปิดไปแล้วตามเวลาที่กำหนด โดยมีราคาถูกกว่าตั๋วแบบ 1-Day Passport

Early Evening Passport

เป็นตั๋วเข้าสวนสนุก Tokyo Disneyland หรือ Tokyo DisneySea ได้ตั้งแต่เวลา 15:00 น. เป็นต้นไป ใช้ได้เฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามวันที่เข้าชมค่ะ

ผู้ใหญ่ (18 ปีขี้นไป) 6,500 – 7,400 เยน

เด็กโต (12 – 17 ปี) 5,300 – 6,200 เยน

เด็กเล็ก (4 – 11 ปี) 3,800 – 4,400 เยน

* เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เข้าฟรี

Weeknight Passport

เป็นตั๋วเข้าสวนสนุก Tokyo Disneyland หรือ Tokyo DisneySea ได้ตั้งแต่เวลา 17:00 น. เป็นต้นไป ใช้ได้เฉพาะวันธรรมดา (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ราคาจะแตกต่างกันไปตามวันที่เข้าชมเช่นกันค่ะ

ผู้ใหญ่ (18 ปีขี้นไป) 4,500 – 5,400 เยน

เด็กโต (12 – 17 ปี) 4,500 – 5,400 เยน

เด็กเล็ก (4 – 11 ปี) 4,500 – 5,400 เยน

* เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เข้าฟรี

ตั๋วสำหรับผู้พิการ

1-Day Passports (for Guests with Disabilities)

ตั๋วเข้าสวนสนุก Tokyo Disneyland หรือ Tokyo DisneySea แบบ 1 วันสำหรับผู้พิการที่มีใบรับรองและผู้ติดตาม โดยสามารถเข้าได้ตั้งแต่เวลาสวนสนุกเปิดจนถึงสวนสนุกปิด ทั้งนี้ราคาจะแตกต่างกันไปตามวันที่เข้าชม

ผู้ใหญ่ (18 ปีขี้นไป) 6,500 – 7,400 เยน

เด็กโต (12 – 17 ปี) 5,300 – 6,200 เยน

เด็กเล็ก (4 – 11 ปี) 3,800 – 4,400 เยน

* เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เข้าฟรี

ตั๋วใช้ได้ในช่วงเวลาจำกัดเท่านั้น

Shuto-ken Weekday Passport

เป็นตั๋วที่ใช้ได้เฉพาะคนที่พัก ทำงาน หรือเรียนอยู่ในเขตโตเกียว (โตเกียว คานางาวะ ชิบะ ไซตามะ อิบารากิ กุมมะ โทจิงิ และยามานาชิ) สามารถซื้อตั๋วนี้ใช้ได้เฉพาะในวันธรรมดาได้เป็นเวลา 1 วัน ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน จนถึง 21 กรกฎาคม 2566

ผู้ใหญ่ (18 ปีขี้นไป) 7,900 เยน

เด็กโต (12 – 17 ปี) 6,600 เยน

เด็กเล็ก (4 – 11 ปี) 4,700 เยน

* เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เข้าฟรี

Summer 2-Day Passport

เป็นตั๋วที่สามารถเข้าสวนสนุกได้ 2 วันติดต่อกันนับตั้งแต่เวลาที่สวนสนุกเปิด ซึ่งตั๋วประเภทนี้จะเปิดให้ซื้อได้ในวันที่ 21 กรกฎาคม ถึง 28 สิงหาคม 2566 เท่านั้นค่ะ

ผู้ใหญ่ (18 ปีขี้นไป) 17,300 เยน

เด็กโต (12 – 17 ปี) 14,400 เยน

เด็กเล็ก (4 – 11 ปี) 10,300 เยน

* เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เข้าฟรี

ความแตกต่างระหว่างโตเกียวดิสนีย์แลนด์และโตเกียวดิสนีย์ซี

ดิสนีย์แลนด์ เป็นสวนสนุกที่เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่เคยเที่ยวที่สวนสนุกของดิสนีย์มาก่อน หรือเหมาะกับครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ เพราะจะได้ว่าที่นี่จะมีความเป็นดิสนีย์การ์ตูนในวัยเด็กที่สมจริง เครื่องเล่นภายในก็จะมาจากการ์ตูนหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นซินเดอร์เรลล่า สโนวไวท์ มิกกี้เมาส์ และอีกมากมาย สามารถเล่นได้ทุกเพศ ทุกวัย ไม่อันตรายและไม่มีความหวาดเสียว เรียกได้ว่าถูกใจเด็กๆ อย่างแน่นอน นอกจากนี้ก็ยังมีโชว์ขบวนพาเหรดที่สวยงามอลังการให้ได้รับชมอีกด้วยค่ะ

โตเกียวดิสนีย์แลนด์

ดิสนีย์ซี จะเหมาะสำหรับใครที่เคยไปดิสนีย์แลนด์มาแล้ว เหมาะกับวัยรุ่น หรือใครที่ต้องการเล่นสวนสนุกที่โตขึ้นมาหน่อย เพราะเครื่องเล่นภายในดิสนีย์ซีจะมีความหวาดเสียวกว่าดิสนีย์แลนด์นั่นเอง ดังนั้นใครที่ต้องการความตื่นเต้น การผจญภัย ก็จะแนะนำเป็นดิสนีย์ซีค่ะ

Tokyo Disneysea 1 1

สรุป

ทั้งโตเกียวดิสนีย์แลนด์และโตเกียวดิสนีย์ซี ก็เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดถ้ามีโอกาสได้มาเที่ยวที่โตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นค่ะ ซึ่งทั้ง 2 สวนสนุกนี้ก็จะมีเอกลักษณ์และมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ตัดสินใจกันได้นะคะ ว่าจะเลือกไปที่สวนสนุกไหนกันดี หรือถ้าเลือกไม่ได้ก็สามารถเที่ยวทั้ง 2 ที่เลยค่ะ รับรองว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีและอยากกลับมาเที่ยวอีกครั้งอย่างแน่นอนค่ะ

แชร์บทความนี้