พามาทัวร์ วัดนาริตะซัน วัดพุทธนิกายชินงอนเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปี ที่ใครมาเมืองนาริตะแล้วต้องหาโอกาสมาที่นี่ให้ได้ เป็นหนึ่งในวัดที่ได้รับความนิยมในการมาขอพรมากที่สุดอีกวัดหนึ่งเมื่อมาทัวร์ญี่ปุ่น ไฮไลท์คือรูปสลักองค์ฟุโดเมียวโอ เป็นเทพเจ้าที่เปรียบเสมือนตัวแทนของพระไวโรจนพุทธะ ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าของศาสนาพุทธนิกายชินงอน นอกจากนี้ยังมีถนนช้อปปิ้งและสวนนาริตะซันให้ได้ช้อปปิ้งและชมความสวยงามกันอีกด้วย วัดนี้จะมีประวัติความเป็นมาและมีความน่าสนใจอย่างไร อ่านรีวิวนี้ได้เลย
1.ประวัติวัดนาริตะซัน
วัดแห่งนี้ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ 939 ในช่วงกลางยุคเฮอัน ท่ามกลางความไม่สงบของบ้านเมืองเพราะเกิดกบฏไทระ โนะ มาซาคาโดะ ผู้มีอำนาจในแคว้นตะวันออกของญี่ปุ่น และประกาศตนเป็นจักรพรรดิแห่งตะวันออก ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อรัฐบาลกลางที่เกียวโต รัฐบาลสมัยนั้นจึงให้พระคันโจ ไดโซโจ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ในนิกายชินงอนและเป็นลูกศิษย์ของพระโคโบ ไดชิ พระคันโจได้เดินทางและนำองค์ฟุโดเมียวโอ (เทพแห่งการปกป้องและความมั่นคง) ที่แกะสลักโดยพระโคโบ ไดชิ ติดตัวมาและทำพิธีกรรมอยู่ที่บริเวณเมืองนาริตะ เพื่อช่วยยุติความไม่สงบนี้

หลังจากพิธีกรรมเสร็จสิ้นและการกบฏสิ้นสุดลงอย่างสงบ พระคันโจจึงตั้งวัดขึ้น ณ จุดที่ท่านประกอบพิธีกรรมนี้ เพื่อเป็นการถวายเป็นพุทธบูชาและเป็นที่ประดิษฐาน องค์ฟุโดเมียวโอ ที่ท่านนำติดตัวมาจากภูเขาโคยะ โดยชื่อเต็มของวัดนี้คือ นาริตะซัน ชินโชจิ มีความหมายว่า วัดแห่งชัยชนะใหม่บนภูเขานาริตะ ซึ่งสอดคล้องกับตำนานการก่อตั้งวัดหลังชัยชนะในการปราบกบฏในปี ค.ศ. 940 นั่นเอง

2.ประวัติองค์ฟุโดเมียวโอ
องค์ฟุโดเมียวโอ เป็นองค์พระประธานแห่งวัดนาริตะซันนี้ เป็นเทพเจ้าที่เปรียบเสมือนตัวแทนของพระไวโรจนพุทธะ มีพระพักตร์ที่อยู่ในอารมณ์โกรธเกรี้ยว เพื่อช่วยกำจัดกิเลสตัณหาที่มัวเมาอยู่ภายในจิตใจของมนุษย์ มีผิวสีน้ำเงินเข้มกึ่งดำ พระหัตถ์ขวาถือดาบปลายแหลม ใช้ในการตัดความลุ่มหลงภายในจิตใจ พระหัตถ์ซ้ายถือเชือกที่เรียกว่า เชือกห้าสี ใช้ในการจับมัดกิเลส ช่วยชี้แนะผู้หลงผิดให้เดินกลับเข้ามาสู่เส้นทางแห่งมรรค ทรงประทับนั่งในท่าขัดสมาธิอยู่บนหินก้อนใหญ่แข็งแรงไม่สั่นไหวที่เรียกว่า ไดบังจะคุ”ซึ่งแสดงถึงเจตนารมณ์อันเด็ดเดี่ยวที่ต้องการจะช่วยเหลือมนุษย์ ด้านหลังคือเปลวไฟที่เผาสิ่งไม่ดีต่างๆ ที่เกิดกับมนุษย์ให้มอดไหม้ไป

3.จุดไฮไลท์
วัดนาริตะซัน มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและจุดท่องเที่ยวภายในวัดมากมาย ไม่เพียงแต่มาอธิษฐานขอพรได้อย่างเดียวเท่านั้นยังสามารถเพลิดเพลินกับจุดไฮไลท์เหล่านี้ได้อีกด้วย จะมีอะไรบ้างไปชมกันเลย
3.1 Niomon Gate
ประตูหลักทางเข้าเข้าสู่วัด สร้างขึ้นในปีค.ศ 1831 ได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ มีรูปปั้น Mikkoku Vajra และ Narayanan Vajra ประดิษฐานอยู่ทั้งสองข้างของประตู นอกจากนี้ยังมีเทพเจ้า 2 องค์ คือ โคโมคุเทน และ ทะมอนเทน ได้รับการประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปนิรมิตและตรงกลางจะมีโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ประตูไม้ถูกแกะสลักด้วยความวิจิตร สะท้อนความเชื่อเรื่องการปกป้องธรรมะจากภัยร้าย ซึ่งก่อนขึ้นบันไดก็จะมีที่ให้ชำระร่างกายก่อนไปยังจุดต่อไป

3.2 Daihondo Hall (Great Main Hall)
อาคารหลักของวัด สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1968 เพื่อรองรับผู้มาสักการะจำนวนมาก เป็นจุดศูนย์กลางความศรัทธาของวัดแห่งนี้ ภายในเป็นที่ประดิษฐานของ องค์ฟุโดเมียวโอ หรือที่รู้จักในชื่อ เทพผู้ไม่หวั่นไหว เป็นหนึ่งในห้าทวยเทพผู้พิทักษ์ในศาสนาพุทธมหายาน มีลักษณะเด่นคือถือดาบและเชือก สื่อถึงการตัดกิเลสและพันธนาการแห่งความทุกข์ นอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่หลักประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น การสวดมนต์ , พิธีโกะมะคิโตะ และการขอพรต่าง ๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ฟรี

3.3 เจดีย์สามชั้น (Sanju-no-to)
เจดีย์สามชั้นถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1712 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติญี่ปุ่น มีความสูงประมาณ 25 เมตร โดยใช้สีแดงและสีขาวซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์ของการรวมกันของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมและหลักธรรมของพระพุทธศาสนา มีการแกะสลักลวดลายอย่างประณีต เช่น มังกร สิ่งมีชีวิตในตำนาน และพุทธประวัติ ภายในหอคอยประดิษฐานพระพุทธรูปแห่งปัญญา 5 พระองค์และมีรูปแกะสลักของพระอรหันต์ทั้ง 16 รูปรายล้อมรอบๆบนเจดีย์แสดงถึงความเคารพต่อพระอรหันต์และการเผยแพร่ธรรมะ

3.4 สวนนาริตะซัน (Naritasan Park)
สวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว่า 165,000 ตารางเมตร เป็นสวนที่มีทางเดินคดเคี้ยวจะมีเส้นทางที่พาไปยังบ่อน้ำสามแห่ง ได้แก่ บ่อริวจิ (Ryuchi), ริวจู (Ryuju) และมอนจู (Monju) เป็นสัญลักษณ์ของหลักธรรมในพุทธศาสนา ศาลาลอยน้ำ น้ำตกยูฮิโนะทากิและพิพิธภัณฑ์การประดิษฐ์ตัวอักษรที่ให้เราได้เพลิดเพลินกับความสวยงามของธรรมชาติ โดยที่นี่เป็นที่นิยมในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไมเปลี่ยนสี ถึงจะไม่ได้เดินทางมาในช่วง 2 ฤดูนี้ ที่นี่ก็ยังมีความสวยงามตลอดปี อีกทั้งยังมีเทศกาลชมดอกไม้ จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง มีการแสดงทางวัฒนธรรมและพิธีชงชาอีกด้วย

3.5 ถนนโอมอน (Omotesando Street)
ถนนสายประวัติศาสตร์ที่ทอดยาวประมาณ 800 เมตรจากสถานีรถไฟนาริตะไปยังวัดนาริตะซัน ถนนสายนี้มีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยเอโดะ โดยเป็นเส้นทางหลักที่ผู้แสวงบุญใช้เดินทางไปยังวัด ปัจจุบันเต็มไปด้วยอาคารไม้แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เรียงรายสองฝั่งถนนที่เป็นร้านค้ากว่า 150 ร้าน จำหน่ายสินค้าหลากหลายไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึก งานหัตถกรรมท้องถิ่น และขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เป็นต้น นอกจากนี้ในช่วงหน้าร้อนยังเป็นที่จัดเทศกาลและกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆอีกด้วย

4.พิธีและงานประจำปี
4.1 พิธีกรรมโกะมะ (Goma Kito)
พิธีกรรมโกะมะ เป็นพิธีกรรมสำคัญในพุทธศาสนานิกายชินงอน มีจุดมุ่งหมายเพื่อชำระล้างสิ่งไม่ดีและขอพรจากพระฟุโดเมียวโอ โดยผู้เข้าร่วมพิธีจะต้องเขียนคำอธิษฐานหรือคำขอบนบานลงบนไม้แท่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า โกะมะงิ หลังจากนั้นพระสงฆ์จะทำการเผาโกะมะงิในกองไฟศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่า ไฟโกมา ภายในอาคารหลักไดฮอนโดโดยเชื่อว่าไฟจะนำคำอธิษฐานไปถึงพระฟุโดเมียวโอเพื่อขอพรและปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป โดยพิธีนี้เป็นพิธีสำคัญที่ได้รับความนิยมในช่วงเทศกาลปีใหม่ของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
เวลาทำพิธี | เวลา 9.00 น. – 15.00 น. (ทุกๆ 2 ชั่วโมง) |
ค่าบริการ | ไม่มีค่าบริการ |

4.2 พิธีเซ็ตสึบุง (Setsubun-e)
งานประจำปีที่ยิ่งใหญ่ จัดขึ้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายและนำความโชคดีเข้าสู่ชีวิตในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง กิจกรรมสำคัญคือการ โปรยถั่ว (Mamemaki) ซึ่งจะดำเนินโดยพระสงฆ์และบุคคลมีชื่อเสียง โดยจะเริ่มจากพิธีโกมะหลังจากนั้นจะเป็นพิธีโปรยถั่ว โดยการโปรยถั่วและสวดมนต์เป็นสัญลักษณ์ของการขจัดสิ่งไม่ดีและเชิญชวนความสุข ความเจริญรุ่งเรือง และสุขภาพที่ดีมาให้กับผู้เข้าร่วมพิธี
เวลาทำพิธี | รอบ 9.30 น. / รอบ 12.30 น. / รอบ 15.00 น. |
ค่าบริการ | 10,000 เยน/ท่าน |
การสมัครเข้าร่วมพิธี | สมัครได้ที่ชั้น 1 ของอาคาร Kourinkaku |

4.3 เทศกาลดอกบ๊วย (Ume Matsuri)
เทศกาลดอกบ๊วย (Ume Matsuri) เป็นงานประจำปีที่จัดขึ้นระหว่างกลางเดือนกุมภาพันธ์ – ต้นเดือนมีนาคมที่สวนนาริตะซัน เทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเบ่งบานของดอกบ๊วย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น ที่นี่มีต้นบ๊วยประมาณ 360 ต้น ทั้งดอกบ๊วยสีแดงและสีขาว ซึ่งมีอายุเฉลี่ยมากกว่า 70 ปี นอกจากจะได้ชมความสวยงามของดอกบ๊วยแล้วยังมีการแสดงดนตรีญี่ปุ่นดั้งเดิมและพิธีชงชากลางแจ้งให้ได้ชมอีกด้วย
เวลาทำการ | เวลา 10.00 น. – 15.00 น. (จัดช่วงเสาร์-อาทิตย์) |
ค่าบริการ | ไม่มีค่าบริการ |

4.4 นิทรรศการดอกเบญจมาศ (Kiku Matsuri)
เทศกาลดอกเบญจมาศ (Kiku Matsuri) เป็นงานประจำปีที่จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพื่อเฉลิมฉลองความงามของดอกเบญจมาศ ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติของญี่ปุ่น จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน ภายในเทศกาลเต็มไปด้วยดอกเบญจมาศที่ถูกปลูกและตกแต่งด้วยศิลปะในการปลูกดอกไม้ของชาวญี่ปุ่น
ช่วงเวลาของนิทรรศการ | ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปี |
ค่าบริการ | ไม่มีค่าบริการ |

ยังมีพิธีและเทศกาลอื่นๆอีกมากมายที่จัดขึ้นภายในวัด เรียกได้ว่าไม่ว่าจะเดินทางมาทัวร์โตเกียวในช่วงเดือนไหน ถ้ามีโอกาสได้มาเที่ยวที่วัดแห่งนี้ก็สามารถเข้าร่วมเทศกาลที่จัดขึ้นภายในวัดได้ทุกเดือนเลย โดยสามารถติดตามพิธีและเทศกาลต่างๆได้ที่ลิงก์นี้เลย >> ตารางงานประจำปีของวัดนาริตะซัน
5.ข้อมูลเพิ่มเติม
เวลาทำการ | เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 น. – 16.00 น. พื้นที่รอบวัดเปิดบริการ 24 ชั่วโมง |
ค่าบริการ | ไม่มีค่าบริการ |
แผนที่ | แผนที่ Google Map |
สรุป
วัดนาริตะซัน เป็นวัดพุทธเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปี ที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในไฮไลท์เมื่อมาเที่ยวเมืองนาริตะ นอกจากจะเดินทางมาง่ายและอยู่ใกล้สนามบินนาริตะแล้วยังเป็นวัดที่มีพิธีกรรมและเทศกาลประจำปีต่างๆที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศเกือบทุกเดือน ใครที่สนใจทัวร์โตเกียว สามารถแอดไลน์ LINE ID : @lovelysmiletour เพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลย