8 จุดท่องเที่ยวน่าสนใจ เมืองเว้ เวียดนามกลาง

แชร์บทความนี้

เมืองมรดกโลกที่มีชื่อว่า เมืองเว้ (Hue) ถือเป็นเมืองที่มีมรดกทางวัณนธรรมและเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมายค่ะ โดยเป็นเมืองที่ได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์สำคัญของทัวร์เวียดนามเอาไว้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังเก่าแก่ สุสานสำคัญ รวมถึงจุดแลนด์มาร์คและแหล่งช้อปปิ้งเก่าแก่ขอทางเวียดนาม วันนี้บทความนี้จะพาไปชมสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ๆ ของเมืองเว้กันค่ะ

1. ประวัติเมืองเว้

เมืองเว้ (Hue) เป็นเมืองหลวงเก่าของราชวงศ์เหงียนในประเทศเวียดนามตั้งอยู่ริมแม่น้ำหงวนกั๋ง มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและรุ่งเรืองในช่วงปีตั้งแต่ปี 1802-1945 รวมระยะเวลากว่า 143 ปีค่ะ โดยสถาปัตยกรรมและศิลปวัฒนธรรมในเว้ได้รับอิทธิพลจากจีนและญวน แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของราชวงศ์ เมืองแห่งนี้มีพระราชวังทึ่งกว้างใหญ่ โบราณสถานสำคัญ เช่น นครพระราชวัง, สุสานจักรพรรดิ์, วัดวาอาราม เป็นต้นค่ะ ต่อมาในสงครามเวียดนาม เว้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะจากการถูกระเบิดทิ้งระเบิดในปี 1968 และหลังสงครามนั้น ก็ได้มีการฟื้นฟูและปรับปรุงโบราณสถานต่างๆ จนกลายเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี 1993 ในปัจจุบันเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของทัวร์เวียดนามกลาง มีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์มากมายค่ะ

เมืองเว้
พระราชวังเว้ credit : saigoneer.com

2. ที่ตั้งและลักษณะภูมิประเทศ

เมืองเว้ตั้งอยู่ในจังหวัดถวาทีนเหงะ ทางตอนกลางของประเทศเวียดนามค่ะ มีที่ตั้งและลักษณะทางภูมิศาสตร์คือตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหงวนกั๋ง บนที่ราบลุ่มสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 20 เมตร และอยู่ห่างจากทะเลประมาณ 12 กม. ทางตะวันออกของอ่าวกังเซ็ก โดยมีพิกัดที่ตั้งโดยประมาณอยู่ที่ ละติจูด 16.4676° N ลองจิจูด 107.5900° E เมืองนี้ตั้งอยู่ห่างจากกรุงฮานอยไปทางทิศใต้ประมาณ 659 กม. ห่างจากนครโฮจิมินห์ทางตอนใต้ประมาณ 964 กม. และอยู่ใกล้เทือกเขาชวา หรือเตรุงซันด้านทิศตะวันตกค่ะ โดยรวมแล้วเมืองนี้ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เอื้อต่อการคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำ รวมถึงมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การตั้งถิ่นฐานค่ะ

แผนที่เมืองเว้
แผนที่เมืองเว้ เวียดนามกลาง

3. แนะนำสถานที่เที่ยว

3.1 พระราชวังเว้ (Imperial City)

พระราชวังเว้ หรือที่เรียกว่า “นครพระราชวัง” (Imperial City) เป็นโบราณสถานสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองนี้เลยค่ะ พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2344 สมัยพระเจ้าเกียวลองแห่งราชวงศ์เหงียน เพื่อเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และราชสำนักค่ะ พระราชวังมีลักษณะเป็นป้อมปราการล้อมรอบด้วยคูน้ำ ผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยมีเนื้อที่ประมาณ 5 ตารางกิโลเมตร

พระราชวังเว้
พระราชวังเว้ credit : https://en.wikipedia.org/

ภายในบริเวณนครพระราชวังประกอบด้วยพระราชวัง หอพระสุริยันและพระจันทร์ วิหารต่างๆ ตลาด หอพระสมุด รวมทั้งที่พำนักของขุนนางเจ้านายชั้นสูงที่สร้างด้วยไม้และศิลปะแบบจีนผสมเวียดนาม มีการตกแต่งอย่างสวยงาม เช่น หลังคามังกรเคลือบสีเขียวมรกต พระราชวังแห่งนี้นั้นเคยถูกทำลายบางส่วนในสงครามกับฝรั่งเศสและสงครามเวียดนาม แต่ได้รับการบูรณะเรื่อยมา และในปัจจุบันนครพระราชวังเว้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดยยูเนสโกในปี 1993 และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองนี้ค่ะ

พระราชวังเว้
ภายในพระราชวังเว้

ข้อมูลเพิ่มเติม

แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
เวลาทำการ08.00 – 17.00 น.
อัตราค่าเข้าชม150,000 VND

3.2 สุสานของพระเจ้าไคดิงห์ (Tomb of Khai Dinh)

สุสานของพระเจ้าไคดิงห์ (Tomb of Khai Dinh) เป็นหนึ่งในสุสานหลวงที่สำคัญของราชวงศ์เหงียนค่ะ โดยสุสานแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1920-1931 เพื่อเป็นที่ฝังพระบรมศพของพระเจ้าไคดิงห์ ซึ่งเป็นจักรพรรดิิองค์ที่ 12 แห่งราชวงศ์เหงียนค่ะ ลักษณะสุสานได้รับอิทธิพลผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบเวียดนาม ฝรั่งเศส และโรมันคาทอลิกเข้าไว้ด้วยกัน ถือเป็นหนึ่งในสุสานที่งดงามและแปลกประหลาดที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนามค่ะ ในบริเวณสุสานประกอบด้วยส่วนสำคัญคือ พระเจดีย์สุสาน ออกแบบผสมระหว่างสถาปัตยกรรมเวียดนาม จีน และยุโรป ตกแต่งด้วยกระเบื้องมุงหลังคาสีเขียวเนื้อละเอียดสวยงาม และมีวิหารหินอ่อนตรงทางเข้า แกะสลักลวดลายละเอียด มีสถูปเหงียนพระราชินี บริเวณพลับพลาสำหรับพระราชวงศ์ และในส่วนของศาลาและสวนสาธารณะรอบๆค่ะ

สุสานของพระเจ้าไคดิงห์
สุสานของพระเจ้าไคดิงห์ credit : https://www.vietnamonline.com/

สุสานของพระเจ้าไคดิงห์นี้สะท้อนถึงความนิยมในศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกในหมู่พระมหากษัตริย์เวียดนามสมัยนั้นค่ะ นับเป็นหนึ่งในสุสานที่มีเอกลักษณ์และสวยงามที่สุดของเวียดนามเลยทีเดียวค่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม

แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
เวลาทำการ07.00 – 17.30 น.
อัตราค่าเข้าชมฟรี

3.3 สุสานจักรพรรดิมินห์มาง (Tomb of Minh Mang)

สุสานของจักรพรรดิมิงห์มาง (Tomb of Minh Mang) เป็นสุสานหลวงที่ใหญ่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของราชวงศ์เหงียนค่ะ สุสานแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเว้ประมาณ 12 กม. สุสานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นระหว่าง ปี ค.ศ. 1840-1843 สำหรับฝังพระบรมศพของพระเจ้ามิงห์มางซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์เหงียนค่ะ บริเวณสุสานนี้ีมีเนื้อที่กว้างใหญ่ โดยมีเนื้อที่ประมาณ 18 เฮกตาร์ ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงและมีคูน้ำล้อมรอบ ผังการก่อสร้างสุสานได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับหลักปรัชญาเสริมฮวงจุ้ยของจีนค่ะ โดยส่วนประกอบสำคัญของสุสานแห่งนี้ ได้แก่ วิหารบูชาจากหลวง, พระเจดีย์บรรจุพระบรมศพ, สวนดอกไม้และสวนป่า, ศาลารับรอง และอื่นๆ ค่ะ สุสานแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในสุสานที่มีขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดในบรรดาสุสานหลวงของราชวงศ์เหงียนค่ะ

สุสานจักรพรรดิมินห์มาง
สุสานจักรพรรดิมินห์มาง credit : viator.com

ข้อมูลเพิ่มเติม

แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
เวลาทำการ7.30 – 17.00 น.

3.4 แม่น้ำซงเฮือง (แม่น้ำหอม)

แม่น้ำซงเฮือง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “แม่น้ำหอม” เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านเมืองเว้ มีบทบาทและความสำคัญต่อวิถีชีวิตของชาวเมืองเว้มาอย่างยาวนานค่ะ โดยชื่อแม่น้ำหอม มาจากกลิ่นหอมของดอกฝ้ายที่บานตามริมฝั่งแม่น้ำในฤดูใบไม้ผลิค่ะ แม่น้ำแห่งนี้เป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำหงวนกั๋ง ไหลผ่านกลางเมืองยาวประมาณ 10 กม. โดยในอดีตเคยเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญทั้งในเชิงการค้าและทหาร

แม่น้ำหอม เมืองเว้
แม่น้ำซงเฮือง credit : https://www.klook.com/

ในปัจจุบันแม่น้ำซงเฮืองมีบทบาททางวัฒนธรรมสำคัญของเวียดนามอย่างมาก เช่น ในงานประเพณีวันตรุษเวียดนาม ชาวบ้านนิยมชมพระจันทร์และปล่อยโคมลอย นอกจากนี้ในบริเวณริมแม่น้ำจะมีร้านอาหารและสถานบันเทิงต่าง ๆ และยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของนครเว้ด้วยอาคารบ้านเรือนเก่าแบบเวียดนามดั้งเดิมค่ะ และในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเส้นทางเดินเล่นและนำเสนอกิจกรรมวัฒนธรรมริมแม่น้ำ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาชมเมืองนี้กันด้วยค่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม

แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
เวลาทำการทุกวัน

3.5 หมู่บ้านธูป (Co Hoa Village)

ในประเทศเวียดนามกลางมีอีกหนึ่งหมู่บ้านที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตธูปค่ะ หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อว่าหมู่บ้านเก๋าเฮ่า (Co Hoa Village) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในเมืองเว้ค่ะ โดยหมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านการผลิตธูปหอมด้วยวิธีการแบบดั้งเดิม หมู่บ้านนี้มีการผลิตธูปหอมมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์เหงียนเมื่อกว่า 300 ปีที่แล้ว โดยจุดเริ่มต้นมาจากชาวบ้านทำธูปไว้ใช้ในงานพิธีทางศาสนา ก่อนจะกลายเป็นอาชีพหลักจนถึงปัจจุบันค่ะ

หมู่บ้านธูป
หมู่บ้านธูป credit : vietnamairlines.com

ข้อมูลเพิ่มเติม

แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
เวลาทำการทุกวัน

3.6 อุทยานแห่งชาติบั๊กมา (Bach Ma National Park)

อุทยานแห่งชาติบั๊กมา (Bach Ma National Park) เป็นอุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองทางตอนใต้ประมาณ 60 กม.ค่ะ มีเนื้อที่กว่า 22,000 เฮกตาร์ เป็นอุทยานที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีสภาพป่าและระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ค่ะ โดยอุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ในเทือกเขาเตรุงซนั ครอบคลุมพื้นที่ป่าดิบชื้นเขตร้อน ป่าสนเขา และป่าดงดิบขึ้นตามความสูงของภูมิประเทศ

อุทยานแห่งชาติบั๊กมา
อุทยานแห่งชาติบั๊กมา credit : wendyweitours.com

อุทยานนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก ทั้งพืชและสัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์ อาทิ ค่างคาว หมีควาย เสือโคร่ง ฯลฯ และเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารสำคัญหลายสาย และมีน้ำตกงดงามหลายแห่ง เช่น น้ำตกนูกซวาน ภายในอุทยานมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสธรรมชาติ เช่น ชมนก เดินป่าศึกษาธรรมชาติ ปีนเขา แคมป์ปิงกลางป่า อุทยานแห่งนี้เปิดให้บริการไม่บ่อยมากเนื่องจากปิดบางช่วงเวลาในฤดูร้อนเพื่อป้องกันไฟป่าค่ะ นอกจากนี้อุทยานแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากยูเนสโกในปี 1988 ด้วยค่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม

แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
เวลาทำการทุกวัน 24 ชม.

3.7 หมู่บ้านแกะสลักหิน (Non Nuoc Stone Carving Village)

หมู่บ้านแกะสลักหิน หรือ หมู่บ้านนอนนวก (Non Nuoc Stone Carving Village) เป็นหมู่บ้านชนบทเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 14 กม.ค่ะมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งหัตถกรรมงานแกะสลักหินที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมายาวนานกว่า 700 ปีค่ะ วัตถุดิบที่ใช้คือหินภูเขาไฟจากบริเวณใกล้เคียง เช่น หินกรวดก้อนขนาดใหญ่ หินควอตซ์ หินทรายแดง และลวดลายและงานแกะสลักหินส่วนใหญ่นิยมแบบประติมากรรมเวียดนาม เช่น รูปมังกร เจ้าแม่กวนอิม รวมถึงสัตว์ วัตถุมงคล และของใช้ในครัวเรือนค่ะ

หมู่บ้านแกะสลักหิน
หมู่บ้านแกะสลักหิน credit : steemit.com

ปัจจุบันในหมู่บ้านมีทั้งร้านค้าพื้นบ้านแกะสลักหินขนาดเล็ก และโรงงานแกะสลักหินขนาดใหญ่เชิงพาณิชย์ นอกจากงานแกะสลักหินแล้ว หมู่บ้านนอนนวกยังมีผลิตภัณฑ์หนึ่งเมืองเป็นที่นิยม เช่น เฟอร์นิเจอร์หิน เครื่องประดับหินอีกด้วยค่ะ ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่มีการสาธิตและจำหน่ายงานหัตถกรรมแกะสลักหินแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมค่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม

แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
เวลาทำการทุกวัน 24 ชม.

3.8 ตลาดดองบา (Dong Ba Market)

ตลาดดองบา (Dong Ba Market) เป็นตลาดเก่าแก่และใหญ่ที่สุดของเมืองนี้ค่ะ มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 300 ปี เป็นศูนย์รวมสินค้าและวิถีชีวิตของชาวเว้เอาไว้ค่ะ ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเว้ มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 12,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นโซนต่างๆ ได้แก่ ตลาดผลไม้-ผัก อาหารสด เสื้อผ้า งานฝีมือ ค่ะ ตลาดนี้เป้นตลาดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์เหงียน เคยเป็นศูนย์รวมการค้าของเมืองที่สำคัญค่ะ ตลาดแห่งนี้มีจุดขายสินค้าขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วทั้งตลาด ราคาสินค้าย่อมเยาและสามารถต่อรองได้ และนอกจากเป็นตลาดสดแล้ว ยังเป็นแหล่งขายสินค้าพื้นเมือง หัตถกรรม ของที่ระลึกมากมาย รวมไปถึงร้านอาหารพื้นเมืองของเวียดนามค่ะ

ตลาดดองบา
ตลาดดองบา credit : vinpearl.com

ข้อมูลเพิ่มเติม

แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
เวลาทำการ7.00 – 19.00 น.

3.9 วัดเจดีย์เทียนมู่ (Chùa Tiên Mụ)

วัดเจดีย์เทียนมู่ (Chùa Tiên Mụ) เป็นวัดพุทธนิกายเซนที่มีชื่อเสียงและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองนี้ค่ะ วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ริมทะเลสาบเจดีย์เทียน ห่างจากตัวเมืองเว้ประมาณ 5 กม. วัดนี้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2151 ในสมัยราชวงศ์เหงียนแห่งอาณาจักรเวียดนามใต้ เดิมชื่อวัดเจดีย์กวางตริ้ง และต่อมาในสมัยราชวงศ์เล่ ได้มีการปรับปรุงและขยายวัดให้ใหญ่โตมากขึ้น จึงได้ชื่อใหม่ว่าวัดเจดีย์เทียนมู่ค่ะ วันแห่งนี้ประกอบไปด้วยเจดีย์หินอ่อนสูง 21 เมตร ก่อสร้างในปี พ.ศ. 2251 เป็นสัญลักษณ์ของวัดและพระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ตั้งอยู่กลางแจ้ง มีอาคารทรงจีน บ้านพักสงฆ์ สวนป่าร่มรื่น บรรยากาศสงบเงียบสงบค่ะ

วัดเจดีย์เทียนมู่
วัดเจดีย์เทียนมู่ credit : baothuathienhue.vn

ข้อมูลเพิ่มเติม

แผนที่ดูแผนที่ Google Maps
เวลาทำการ08.00 – 18.00 น.
อัตราค่าเข้าชมฟรี

4. สภาพอากาศ

สภาพอากาศของเมืองเว้จัดอยู่ในเขตร้อนชื้นค่ะ อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 25-26 องศาเซลเซียส และเดือนที่ร้อนที่สุดจะเป็นเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม โดยจะมีอุณหภูมิสูงถึง 35-40 องศาฯค่ะ ส่วนเดือนที่หนาวที่สุดก็เป็นช่วงเดือนมกราคม จะมีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 14-16 องศาฯ ค่ะ และเมืองนี้มี 2 ฤดูหลักๆเลยก็คือ ฤดูร้อน (มีนาคม-สิงหาคม) และฤดูหนาว (กันยายน-กุมภาพันธ์) ค่ะ ในช่วงฤดูร้อนจะมีอากาศร้อนชื้น มีฝนตกบ้างช่วงต้นและปลายฤดู ในช่วงฤดูหนาวโดยทั่วไปอากาศจะแห้งและเย็นสบาย เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวมากที่สุดค่ะ แต่เนื่องจากประเทศเวียดนามนั้นอยู่ติดกับทะเลจีนใต้ ทำให้มีโอกาสเกิดฝนได้ตลอดทั้งปีเช่นเดียวกันค่ะ

สรุป

เมืองเว้ ถือเป็นเมืองที่มีสถานที่ีท่องเที่ยวที่หลากหลายและมีความสำคัญต่อประเทศเวียดนามมากมายค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังเก่าแก่ สุสานของบุคคลสำคัญในอดีต ตลาดให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อของฝากพื้นเมือง รวมไปถึงอุทยานที่มีธรรมชาติที่สวยงามให้นักท่องเที่ยวให้เที่ยวชมค่ะ เมืองนี้ถือว่าเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่เวียดนามกลางไม่ควรพลาดเลยทีเดียวค่ะ หากใครที่สนใจทัวร์เวียดนามกลาง สามารถคลิกที่ลิงก์เพื่อดูโปรแกรมทัวร์หรือแอดไลน์ LINE ID : @lovelysmiletour เพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลย

แชร์บทความนี้