หากพูดถึงเมืองนิกโก้ จังหวัดโทจิงิ ประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดคือ สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) สะพานไม้สีแดงสดที่ทอดตัวข้ามแม่น้ำไดยะ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นและชาวญี่ปุ่นเอง แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ศาสนา และความงดงามที่ผสมผสานกันระหว่างธรรมชาติและสถาปัตยกรรมได้อย่างกลมกลืน วันนี้เราจะมารีวิวว่าสะพานแห่งนี้จะมีประวัติศาสตร์และไฮไลท์อะไรน่าสนใจบ้าง อ่านรีวิวก่อนได้เลย
1. ประวัติความเป็นมา
ต้นกำเนิดของสะพานชินเคียวมีเรื่องเล่าทางตำนานที่น่าสนใจ ในปี ค.ศ. 766 พระสงฆ์นามว่า โชโด โชนิน (Shodo Shonin) ผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนาในพื้นที่นิกโก้ ต้องการเดินทางข้ามแม่น้ำไดยะ (Daiya River) ซึ่งในขณะนั้นมีน้ำไหลเชี่ยวและไม่สามารถข้ามไปได้ ตามตำนานเล่าว่า พระโชโดได้อธิษฐานขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้าแห่งแม่น้ำ และเทพเจ้าจินจะโอะ ก็ได้ปรากฏกายขึ้นพร้อมกับปล่อยงูศักดิ์สิทธิ์สองตัวออกมาพันกันจนกลายเป็นสะพาน ทำให้พระโชโดสามารถข้ามแม่น้ำได้อย่างปลอดภัย ซึ่งต่อมากลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสะพานแห่งนี้

สะพานชินเคียวที่เราเห็นในปัจจุบัน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1636 ในยุคเอโดะ โดยคำสั่งของโชกุนโตกุกาวะ อิเอมิตสึ เพื่อเป็นทางเข้าสู่เขตศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าฟุตะระซัง (Futarasan Shrine) และวัดรินโนจิ (Rinno-ji) ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธและศาสนาชินโตในภูเขานิกโก้สะพานมีความยาวประมาณ 28 เมตร กว้าง 7.4 เมตร และสูงประมาณ 10.6 เมตร วัสดุหลักทำมาจากไม้ทาด้วยสีแดงสดซึ่งเป็นสีประจำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ในอดีต สะพานแห่งนี้ยังเคยถูกใช้เฉพาะสำหรับจักรพรรดิและนักบวชชั้นสูงเท่านั้น ปิดไม่ให้บุคคลทั่วไปสัญจร อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสะพานได้รับการบูรณะหลายครั้ง และเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทัวร์โตเกียวสามารถเข้าชมได้
2. เที่ยวช่วงเดือนไหนดี
ความสวยงามของสะพานชินเคียวในแต่ละฤดูนั้นจะโดดเด่นแตกต่างกันไปตามบรรยากาศและธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงโดยรอบ ทำให้ไม่ว่าจะมาในฤดูไหนก็สามารถสัมผัสเสน่ห์เฉพาะตัวได้ ดังนี้
2.1 ช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ปลายตุลาคม – ต้นพฤศจิกายน)
จุดไฮไลท์ของสะพาน จะเป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเป็นแดง ส้ม เหลือง ช่วงนี้อากาศเย็นสบาย บรรยากาศสงบและโรแมนติกมากที่สุดในรอบปี ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากนักท่องเที่ยว

2.2 ช่วงฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)
ช่วงฤดูหนาวสะพานปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว ที่วิวตัดกันระหว่างสะพานสีแดงกับหิมะ ช่วงนี้นักท่องเที่ยวจะน้อย เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบสงบ

2.3 ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – เมษายน)
ช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกซากุระจะบานบริเวณรอบสะพาน สีชมพูอ่อนตัดกับสะพานสีแดงสวยงาม อากาศช่วงนี้เย็นสบาย เหมาะกับการถ่ายภาพและเดินเล่นชมวิวแบบสงบ

2.4 ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม)
ช่วงฤดูร้อน ธรรมชาติบริเวณรอบๆสะพานเริ่มเขียวชอุ่ม น้ำในแม่น้ำไดยะใสและเย็นสดชื่น อากาศช่วงนี้อบอุ่นกำลังดี และอาจจะเจอฝนตกได้ เหมาะกับการเดินเที่ยวชมวัดและศาลเจ้ารอบสะพาน

3. ข้อมูลการให้บริการ
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ท่านละ 300 เยน นักเรียนมัธยมปลายท่านละ 200 เยน นักเรียนประถมและมัธยมต้นท่านละ 100 เยน |
วันเวลาเปิด-ปิด | เปิดทำการทุกวัน ช่วงเดือนเมษายน – ตุลาคม เวลา 08.30 – 16.30 น. ช่วงเดือนพฤศจิกายน – มีนาคม เวลา 09.30 – 15.30 น. |
พิกัด | Kamihatsuishimachi, Nikko, Tochigi 321-1401 ญี่ปุ่น |
เว็บไซต์ | http://www.shinkyo.net/ |
4. วิธีการเดินทาง
จากโตเกียว นั่งรถไฟ JR Tohoku Shinkansen ไปลงสถานี Utsunomiya แล้วต่อสาย JR Nikko Line ไปยังสถานี JR Nikko หรือใช้รถไฟ Tobu จากสถานี Asakusa ไปลงที่ Tobu-Nikko ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นนั่งรถบัสหรือเดินประมาณ 20 นาทีถึง
5. คำแนะนำเพิ่มเติม
- แนะนำให้มาเที่ยวช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายแก่ๆ จะได้แสงสวยๆ เหมาะกับการถ่ายภาพมาก
- ถ่ายภาพจากมุมสะพาน มุมยอดนิยมอยู่บนถนนใกล้สะพาน สามารถเห็นสะพานสีแดงพาดผ่านแม่น้ำและภูเขาด้านหลัง
- นิกโก้อากาศเย็นกว่าโตเกียว โดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ควรพกเสื้อคลุมกันลม และช่วงฤดูฝนอาจต้องพกร่มหรือเสื้อกันฝนไว้ด้วย
- ควรวางแผนมาในช่วงวันธรรมดา เพื่อลดความแออัด
สรุป
โดยสรุปแล้ว สะพานชินเคียวไม่ใช่แค่สะพานไม้สีแดงธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนิกโก้ที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความศรัทธาได้อย่างลึกซึ้ง เป็นสถานที่ที่ทั้งสายเที่ยว สายประวัติศาสตร์ และสายถ่ายภาพไม่ควรพลาด หากมีโอกาสมาเที่ยวเมืองนิกโก้ อย่าลืมแวะมาสัมผัสความงามที่สะพานแห่งนี้ หากใครสนใจไปเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น สามารถทักมาสอบถามข้อมูลหรือแอดไลน์มาได้ที่ LINE ID : @lovelysmiletour ได้เลย