รีวิว เที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน ฉบับสายมู 2024

แชร์บทความนี้

การเที่ยวสิงคโปร์หลายคนอาจจะนึกถึงความมีชื่อเสียงในเรื่องความทันสมัยของบ้านเมืองผสมผสานกับความงามของธรรมชาติและสวนต่าง ๆ แต่ประเทศนี้แห่งนี้ยังมีวัดวาสำหรับสายบุญ หรือสายมูได้สักการะและถือว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวแบบ Unseen อยู่เยอะเลยทีเดียวค่ะ วันนี้จะพามาเที่ยว 3 วัน 2 คืน ที่ประเทศที่เดินทางไม่นาน บินเพียง 2 ชั่วโมงจากประเทศไทยแห่งนี้กันค่ะ เป็นทัวร์ทัวร์สิงคโปร์ ที่ครบรส และน่ามาตามรอยมากเลยทีเดียวค่ะ

1. วันที่ 1

วันที่ 1 ของการเดินทางเที่ยวสิงคโปร์นี้ ตามโปรแกรมแล้วจะนัดเจอกันที่สนามบินเวลาตี 4.30 น.ค่ะ เมื่อไปถึงสนามบินแล้วไม่ต้องกังวลไปนะคะ ว่าจะหาหัวหน้าทัวร์ไม่เจอ สามารถโทรหาทางหัวหน้าทัวร์หรือเจ้าหน้่าที่ส่งทัวร์ตามไปนัดหมายได้เลยค่ะ เมื่อมาถึงแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ส่งทัวร์คอยต้อนรับ พร้อมทั้งให้เช็คชื่อและสนามสกุลที่ใบตม.ให้เรียบร้อย แจกเนมแท็ก และทางเจ้าหน้าที่ส่งทัวร์จะพาไปเช็คอินที่เคาท์เตอร์สนามบินค่ะ

เที่ยวสิงคโปร์

ในส่วนนี้หากต้องการนั่งใกล้กันบนเครื่องบิน สามารถยื่นพาสปอร์ตพร้อมกัน พร้อมกับแจ้งทางเจ้าหน้าที่เคาท์เตอร์ได้เลยค่ะ ทางเจ้าหน้าที่เช็คอินจะช่วนจัดที่นั่งให้ได้ตามความต้องการเท่าที่จะสามารถเป็นไปได้ให้ค่ะ หลังจากนั้นก็เจอกับหัวหน้าทัวร์ของทริปนี้พร้อมทั้งโหลดกระเป๋าค่ะ จากนั้นทางหัวหน้าทัวร์แจ้งว่าสามารถไปหาของกินก่อนแล้วค่อนเข้าเกตไปเวลาประมาณ ตี 5 นิดๆได้ค่ะ หรือจะสามารถเข้าเกตไปก่อน และหาของกินด้านในได้ค่ะ

singapore tour 1
กระเป๋าเดินทางและเนมแท็กเพื่อโหลดกระเป๋า

โดยเวลาขึ้นเครื่องจะเป็นเวลา 7.00 น.ค่ะ และเครื่องจะออกเวลาประมาณ 7.45 น. และถึงสิงคโปร์เวลาประมาณ 10.05 น. (11.05 น. เวลาสิงคโปร์) ค่ะ เมื่อมาถึงสิงคโปร์และก็จะไปในส่วนขั้นตอนการผ่าน ตม.ค่ะ หากเป็นพาสปอร์ตไทยเมื่อมาเที่ยวสิงคโปร์จะสามารถเข้า ตม. ในจุดเครื่องอัตโนมัติได้ค่ะ และการผ่านตม.ผ่านทางช่องทางนี้ไม่ยากเลยค่ะ แค่ต่อแถวและสแกนพาสปอร์ต จากนั้นก็สแกนหน้า แต่หากใครมีปัญหาจะมีเจ้าหน้าที่ ตม. คอยประกบและให้คำแนะนำค่ะ หากไม่ผ่านจริงๆ ถึงจะต้องไปต่อแถวกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนค่ะ เมื่อผ่านตม. ไปได้แล้วก็มารอรับกระเป๋าที่สายพาน จากนั้นนก็เดินไปรอรถบัสมารับค่ะ

singapore bus
รถบัสที่ใช้ตลอดทั้งทริป

รถบัสที่มารับจะเป็นรถบัสขนาดใหญ่นั่งได้ประมาณ 40-45 ท่านค่ะ และได้เจอกับทางไกด์ท้องถิ่นที่จะมาดูแลตลอดการเดินทาง และคอยให้คำบรรยายและให้คำแนะนำตลอดทริปค่ะ โปรแกรมทัวร์แรกของวันนี้คือพักทานข้าวที่ภัตตาคารอาหารกันก่อนค่ะ ภัตตาคารแห่งนี้มีชื่อว่า BOON TONG KEE อาหารจะเป็นคล้าย ๆ ข้าวมันไก่ของประเทศไทยค่ะ เพียงแต่ว่าตัวซอสจะไม่เหมือนกันค่ะ แต่รสชาติถือว่าเป็นรสชาติที่คนไทยทานได้ง่ายค่ะ และจะมีเมนูเคียงอื่นๆ เช่น น้ำซุป เต้าหูทอด และมีน้ำส้มคั้นท้องถิ่นตัดเลี่ยนให้ด้วยค่ะ

singapore food
singapore food1
เมนูอาหาร

หลังจากนั้นก็เดินทางกันต่อค่ะ สถานที่แรกก็คือไปก็คือวัดซวงหลิน (Lian Shan Shuang Lin Monastery) ค่ะ เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งของสิงคโปร์ค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีค่ะ โดยไกด์จะแนะนำวิธีการสักการะให้ค่ะ แต่หากให้อย่าซื้อธูปเทียนบูชาก็สามารถซื้อเพิ่มเติมได้ และจะมีลำดับเลข 1-2-3 ให้เดินไหว้ตามขั้นตอนด้วยค่ะ

Lian Shan temple
บรรยากาศภายในวัด

หลังจากนั้นก็เดินทางกันต่อไปที่ เมอร์ไลอ้อน ที่เป็นไฮไลท์สำคัญเมื่อมาเที่ยวสิงคโปร์ค่ะ ตรงจุดนี้ทางไกด์จะให้เวลาถ่ายรูปประมาณ 30 นาที บริเวณที่จะได้เห็นวิวโดยรวมของอ่าวมารีน่าและ ในจุดนี้จะได้เห็นทั้งตึกมารีน่า เบย์ แซนสวยงามมากค่ะ และมีสิงโตพ่นน้ำที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์อยู่ตรงนี้ค่ะ ในจุดนี้นักท่องเที่ยวจะค่อนข้างเยอะ แต่ก็สามารถเดินถ่ายรูปได้ทั่วบริเวณเลยค่ะ และทางหัวหน้าทัวร์จะนัดจุดนัดพบ และพาไปกันต่อกับสถานที่ต่อไปค่ะ

mariena
อ่าวมารีน่าเบย์
merlion 1
เมอไลออน

สถานที่ต่อไปจะเป็นจะเป็น Garden By The Bay เป็นสถานที่สำคัญอีกที่เมื่อมาเที่ยวสิงค์โปร์ค่ะ ภายในแห่งนี้จะแบ่งเป็นโซนหลักๆ ก็คือ Super Tree อีก 2 โดมย่อยก็คือ Flower Dome และ Cloud Forest ค่ะ หากต้องการเข้าทั้ง 2 โดม จะเสียเงินเพิ่มเติมประมาณ 32 SGD ค่ะ โดยไกด์จะถามระหว่างทางว่ามีใครอยากเข้าโดมเพิ่มไหม หากต้องการเข้าโดมเพิ่มเติมทางไกด์จะรวบรวมเงินและจองบัตรให้ล่วงหน้าตั้งแต่บนรถค่ะ เมื่อไปถึงแล้วก็ถ่ายหน้าจอ QR Code ที่ไกด์ให้มา และสามารถเดินเข้าที่โดมได้เลยค่ะ โดยไกด์จะแนะนำเส้นทางการเดินชม และให้เวลาอยู่ที่สถานที่นี้ประมาณ 2 ชั่วโมงด้วยกันค่ะ

garden by the bay
Super Tree

โดมที่เลือกซื้อเพิ่มเติมนี้จะเป็น Flower Dome ซึ่งเป็นโดมที่มีการจำลองสวนขนาดใหญ่ ภายในห้องแอร์ที่มีการักษาอุณภูมิอยู่ที่ประมาณ 20 องศา พื้นที่นี้ประกอบไปด้วยพืชพันธ์ุนานาชนิดจากหลากหลายประเทศค่ะ และแบ่งเป็นโซนๆไปค่ะ ดอกไม้ในโดมส่วนใหญ่จะยังอยู่ในสภาพดีและถูกจัดแต่งอย่างสวยงามค่ะ เรียกได้ว่าสามารถเดินชมและถ่ายรูปได้อย่างเพลิดเพลินเลยทีเดียวค่ะ

flower dome
ภายใน Flower Dome

ส่วนโดมถัดมา Cloud Forest ค่ะ โซนนี้เป็นส่วนของน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณตึก 6 ชั้น นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 6 แล้วค่อย ๆ เดินชมสวนตามทางเดินในแต่ละชั้นได้ค่ะ และหากลงมาชั้นล่างสุดนั้น จะมีจุดแวะซื้อของฝาก ให้นักท่องเที่ยวได้แวะซื้อของฝากกลับไปอีกด้วยค่ะ

Cloud Forest 2
น้ำตกขนาดยักษ์ ภายใน Cloud Forest

เมื่อเดินชมในส่วนของ Garden By The Bay เสร็จแล้วก็ถึงเวลาทานข้าวเย็นค่ะ ร้านที่พาไปจะเป็นร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดัง ที่รับเฉพาะกรุ๊ปทัวร์โดยเฉพาะค่ะ ชื่อว่าร้าน Song Fa Bak Kut Teh โดยร้านนี้เป็นร้านไม่ใหญ่มาก ที่นั่งในแต่ละโต๊ะจะสามารถรับได้โต๊ะละ 8 ท่านค่ะ อาหารที่เสริฟจะมีเป็นขาหมูในน้ำซุป เต้าหู้ผัด ปาท่องโก๋ และเครื่องเคียงต่าง ๆ เต็มโต๊ะค่ะ อาหารในร้านรสชาติไม่จัดจนเกินไปและกินง่ายค่ะ

song fa buk kut teh01
song fa buk kut teh02
เมนูที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวสิงคโปร์

เมื่อทานเสร็จแล้วทางไกด์จะพาเดินข้ามถนนไปยังย่านที่อยู่ไม่ไกลจากร้านอาหาร สามารถข้ามถนนและเดินต่อไปอีกประมาณ 300 เมตรค่ะ ย่านนี้มีชื่อว่าย่าน ย่านคลากคีย์ (Clarke Quay) เป็นย่านธุรกิจและท่องเที่ยว รวมไปถึงย่านที่วัยรุ่นชอบมาแฮงค์เอาท์กันที่สถานที่แห่งนี้ค่ะ โดยย่านนี้จะเป็นย่านริมคลอง ที่มีร้าอาหารมากมายให้เลือกชิม รวมทั้งผับ และบาร์ ต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของวัยรุ่นสิงคโปร์กันเลยทีเดียวค่ะ โดยไกด์จะให้เวลาในส่วนนี้ประมาณ 30 นาทีค่ะ

clarke quay 1
บรรยากาศย่านคลากคีย์ช่วง 6 โมงเย็น

และแล้วก็มาถึงโปรแกรมสุดท้ายของวันนี้กันแล้วค่ะ รถบัสจะพามายันบริเวณอ่าวมารีน่าอีกครั้ง เพื่อชมโชว์ Wondrful Light ที่ทีการจัดแสดงในทุกวันเวลา 20.00 น. ค่ะ แม้จะมีการจัดแสดงทุกวัน แต่นักท่องเที่ยวที่มาชมการแสดง แสง สี เสียง จะค่อนข้างเยอะมากเลยทีเดียวค่ะ โดยการแสดนี้ใช้เวลาแสดงประมาณ 15 นาทีด้วยกันค่ะ และไกด์ก็จะพากลับโรงแรมเพื่อพักผ่อนค่ะ

wonder full light 01
การแสดง Wonder Full Light ช่วง 20.00 น.

2. วันที่ 2

วันที่ 2 นี้จะเป็นจริงๆแล้วจะเป็นวัน Free Day ค่ะ แต่ในโปรแกรมสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อ Option A หรือ Option เพิ่มเติมเพื่อไป Universal หรือไม่ ทางเราก็เลือกที่จะซื้อ Option B เพิ่มเติมตั้งแต่ตอนจองค่ะ โดย Option A นั้นจะเป็นอิสระท่องเที่ยวเองตามอัธยาศัยค่ะ โดยจะมีไกด์คอยให้คำแนะนำเรื่องการเดินทาง และสามารถติดต่อหาไกด์ได้ตลอดค่ะ ส่วน Option B นี้ จะเป็นแบบที่มีรถและไกด์บริการค่ะ

โดยเมื่อเริ่มวันจะเป็นการทานอาหารเช้าที่โรงแรมก่อน โดยไลน์อาหารเช้าจะเป็นแบบบุฟเฟต์ มีอาหารให้เลือกค่อนข้างหลากหลายค่ะ เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว ไกด์ก็นัดเวลาเพื่อออกเดินทางสำหรับ Option B ก็คือเวลา 9.00 น. เป็นเวลาล้อหมุนค่ะ

เมื่อออกเดินทางแล้ว ไกด์จะพาแวะเพื่อถ่ายรูปกับสถานที่ยอดนิยมอีกที่นั่นก็คือ Fort Canning Park ค่ะ เป็นสวนที่มีเอกลักษณ์และเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมเมื่อมาเที่ยวสิงค์โปร์ค่ะ แต่ใครอยากมาถ่ายจุดนี้ต้องต่อแถวเพื่อรอคิวถ่ายทีละคนด้วยนะคะ และเนื่องจากในวันที่ 2 นี้ เป็นวันที่มีฝนตกลงมาตั้งแต่เช้า ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวไม่เยอะมากเท่าไหร่ ทำให้ทุกคนในทริปสามารถยืนต่อคิว และถ่ายรูปกันได้ครบทุกคนค่ะ และไกด์จะให้เวลาอยู่ตรงนี้ประมาณ 30 นาทีค่ะ และเดินทางกันต่อไปยันเกาะเซนโตซ่า เพื่อไปที่สวนสนุกระดับโลกอย่าง Universal Studio Singapore ค่ะ

fort canning park 1
จุดเช็คอินสำคัญ

การเดินทางมาถึงเกาะเซนโตซ่านั้นจะใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาทีค่ะ โดยที่ไกด์และหัวหน้าทัวร์จะพามายันจุดนัดพบเพื่อนัดหมายเวลากันก่อนค่ะ โดยวันนี้ใช้เวลาอยู่ที่ Universal ได้จนถึงเวลา 16.30 น. เลยทีเดียวค่ะ เรียกได้ว่าเต็มอิ่มมาก ๆ เลยค่ะ และอีกทั้งหัวหน้าทัวร์จะแจกตั๋วเข้า USS เพิ่อแสกนเข้าไปภายในสวนสนุก และหลังจากนี้ก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวในสวนสนุกได้อย่างอิสระจนถึงเวลานัดหมายค่ะ

uss 01
ด้านหน้า Universal

ในบริเวณลานด้านหน้าทางเข้าของสวนสนุกจะเป็นจุดเช็คอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวสิงคโปร์ค่ะ ถึงแม้วันนี้จะมีฝนกตกลงมาเล็กน้อยและเป็นวันศุกร์ซึ่งเป็นวันธรรมดา แต่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวก็ถือว่าไม่น้อยเลยค่ะ บริเวณด้านหน้านี้นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปมาก ๆ และเมื่อเดินเข้าไปอีกนิด จะเป็นจุดตรวจบัตรเพื่อเข้าสวนสนุก ทุกคนสามารถยื่นกระดาษที่ไกด์แจกให้ทางเจ้าหน้าที่ด้านหน้าแสกน ใช้เวลาไม่ถึงนาที แค่นี้ก็สามารถเข้าสวนสนุกได้แล้วค่ะ

จุดแรกของสวนสนุกจะเป็นจุดที่เป็นทางเดินยาวในร่ม ด้านข้างจะเป็นจุดช้อปปิ้งของฝาก และของลิขสิทธ์จากทาง USS ค่ะ แต่คำแนะนำเลยก็คือหากใครอยากช้อปปิ้งซื้อของฝาก แนะนำให้มาซื้อตอนกำลังจะออกจากสวนสนุกค่ะ เพราะจะได้ไม่ต้องถือของเยอะรุงรัง และสะดวกกว่าเมื่อเดินเที่ยวด้านในค่ะ

uss 02
บรรยากาศภายใน

การเดินเที่ยวภายในสวนสนุกก็ไม่ยากและไม่ต้องกลัวหลงนะคะ แนะนำทุกคนโหลดแอปของ Universal Singapore ไว้ค่ะ เพราะแอปนี้ค่อนข้างสะดวกและเป็นตัวช่วยที่ดีในการเดินเที่ยวค่ะ ภายในแอปจะบอกทั้งแผนที่ภายในสวนสนุก และบอกระยะเวลาในการต่อคิวของเครื่องเล่นต่าง ๆ ให้ได้สามารถวางแผนการการเดินเที่ยวและดูโชว์ต่าง ๆ ภายในสวนสนุกได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียวค่ะ

uss 03
เครื่องเล่นภายใน

เครื่องเล่นแรกที่เลือกเข้าเล่นไปก็คือ โซน Ancient Egypt ค่ะ ภายในโซนนี้จะจัดเป็นบรรยากาศแบบอียิปต์โบราณ แต่ก่อนจะเข้าไปในเครื่องเล่นต้องเก็บสัมภาระที่ล็อคเกอร์ด้านข้างให้เรียบร้อยก่อน โดยล็อคเกอร์จะเปิดให้ฝากของฟรีประมาณ 45 นาทีค่ะ หากเกินกว่านี้จะต้องเสียงเงินเพิ่มเติมด้วยค่ะ ตัวครื่องเล่นภายในมีชื่อว่า Revenge Of The Mommy โดยใช้เวลารอคิวประมาณ 15-20 นาทีค่ะ

uss 04
โซน Ancient Egypt

โซนถัดไปที่ไปเที่ยวก็คือโซน Jurasic ค่ะ เป็นการจำลองบรรยากาศของไดโนเสาร์ และมีเครื่องเล่นให้ร่วมสนุกด้วยค่ะ ตั้งแต่ระดับที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย รวมไปถึงระดับหวาดเสียวสำหรับคนที่ชอบความท้ายทายค่ะ ในจุดนี้แต่ละเครื่องเล่นจะใช้เวลารอประมาณ 30 นาที หากเป็นเครื่อง Canopy Flyer จะใช้เวลารอคิวนานประมาณ 50 นาทีค่ะ

uss 05

หลักจากนั้นจะเป็นเวลาประมาณเที่ยงวันพอดี ถึงเวลาทานข้าวค่ะ โดยภายในสวนสนุกจะมีร้านอาหาร หรือ Food Truck กระจายอยู่มากมายค่ะมีทั้งไอศครีม คอร์นด็อก น้ำอัดลม สายไหม และในวันนี้ก็เลือกกินอาหารจาก Food Truck และเมนูจะเป็นฮอทดอกซอสเปรี้ยวหวาน มันฝรั่งทอด และโคล่า 1 แก้วค่ะ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 26 เหรียญค่ะ การใช้จ่ายภายในสวนสนุกจะสามารถใช้เป็นเงินสดได้ แต่ก็แนะนำให้ใช้เป็นแบงค์เล็ก ๆ เนื่องจากบางร้านอาจไม่มีทอนค่ะ หรือใครมีบัตรเครดิตก็สามารถใช้บัตรเครดิตได้ด้วยเช่นกันค่ะ

uss 06
อาหารเที่ยง
uss 12

หลังจากนั้นก็ไปเดินชมกันต่อในโซนปราสาท และเดินถ่ายรูปซักพัก ก็ถึงเวลาการแสดงโชว์ Wonder World ค่ะ การแสดงนี้จะเปิดให้ชมเป็น 2 ช่วงคือช่วงเวลา 13.00 น. และ 17.00 น. ค่ะ ความจริงแล้วเมื่อใกล้ถึงเวลาแสดงโชว์จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากยืนรอต่อแถวเพื่อเข้าชมโชว์เป็นจำนวนมากค่ะ แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันธรรมดา ทำให้บริเวณการแสดงยังไม่เต็ม และก็สามารถวิ่งเข้าไปชมเมื่อใกล้ถึงเวลาแสดงและไม่มีคนต่อคิวได้ค่ะ ภายในจุดแสดงโชว์จะเป็นสเตเดี้ยมที่สามารถจุผู้คนได้มากกว่า 1,000 ท่าน ถือว่ากว้างมากเลยทีเดียวค่ะ การแสดงจะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีค่ะ ถือว่ามีเนื้อเรื่องให้ติดตามและน่าตื่นตามตื่นใจกับเอฟเฟคต่างๆตลอดการแสดงค่ะ

uss 08
การแสดง Wonder World

หลังจากออกมาจากการแสดง Wonder World แล้วก็ถึงเวลาการแสดงของ Shrek 4-D Adventure ค่ะ โชว์นี้ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีในการต่อคิวค่ะ โดยก่อนเข้าไปในโรงละครเจ้าหน้าที่จะให้หยิบแว่นตา 3D พร้อมเข้าไปยืนการแนะนำละครซักพัก แล้วก็เข้าไปในโรงหนังกันต่อ ส่วนตัวชอบการแสดงโชว์นี้มาก ๆ ค่ะ แว่นตาที่ใส่ บวกกับละครที่แสดงในจอ เรียกได้ว่าสมจริงมาก ๆ ค่ะ สมกับคำว่า 4D ที่มีทั้งภาพ เสียง สัมผัส ใครมาที่ Universal แนะนำให้มาจุดนี้เลยค่ะ และหลังจากออกมาจากโรงละครแล้ว ก็ได้ออกมาถึงจุดซื้อของฝาก ที่มีของฝากและตัวละครลิขสิทธิ์มากมายให้เลือกซื้อกันค่ะ

uss 09
ร้านขายของฝากและของลิขสิทธิ์

หลังจากนั้นก็ไปต่อกันในโซนถัดไปที่มีเครื่องเล่นที่ชื่อว่า Puss Boots Giant ค่ะ เครื่องเล่นนี้จะเป็นเครื่องเล่นที่มีคนรอคิวค่อนข้างนานค่ะ ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีค่ะ โดยรวมแล้วตรงเป็นเครื่องเล่นรถรางที่มีความหวาดเสียวอยู่ในระดับกลาง ๆ ให้พอได้ตื่นเต้นค่ะ และเด็กสามารถเล่นได้ค่ะ

uss 10
uss 11
ร้านขายของฝาก

และหลังจากนั้นก็ถึงเวลาประมาณ 15.00 น. ก็ถึงเวลาเดินถ่ายรูปรอบ ๆ พร้อมทั้งเลือกซื้อของฝากบริเวณด้านหน้าค่ะ เมื่อถึงเวลา 16.30 น. ก็ออกเดินทางกลับไปยันโรงแรมค่ะ ในวันที่ 2 นี้ จะเป็นเวลาอิสระทานอาหารค่ำเอง ก็เลยออกมาหาข้าวเย็นทานที่ห้างใกล้ ๆ โรงแรมที่มีชื่อว่าห้าง Zhongshan Mall ค่ะ ห้างนี้อยู่ตรงข้ามกับโรงแรมที่พัก เดินข้ามถนนไปแล้วก็ถึงเลยค่ะ ที่นี่มีอาหารให้เลือกค่อนข้างหลากหลายและหลายเชื้อชาติด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย ไทย อาหารเวียดนาม หรืออาหารจีนค่ะ เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วก็ถึงเวลาพักผ่อนตามอัธยาศัยค่ะ

3. วันที่ 3

วันนี้ก็จะเป็นวันที่ 3 ของการท่องเที่ยวแล้วก๋็วันนี้มีฝนตกลงมาเล็กน้อยเหมือนเมื่อวานค่ะ และวันนี้ทางไกด์นัดเวลาสายขึ้นมาหน่อยเป็นช่วง 9.30 น. ค่ะ ที่แรกเลยไกด์จะพาไปแวะซื้อของฝากที่ Outlet ทีมี่สินค้ากิ๊ฟช้อป และของแบรนด์เนมมากมายใก้เลือกซื้อเป็นของฝากกลับประเทศไทยกันก่อนค่ะ โดยอยู่ตรงนี้ประมาณ 30 นาที จากนั้นก็ไปกันต่อที่วัดเยี่ยไห่ชิงเป็นวัดที่ขึ้นชื่อเกี่ยวกับการขอพรเรื่องความรักและสุขภาพค่ะ หากใครต้องการบูชาเรื่องความรักเพิ่มเติม สามารถบูชาได้ และมีค่าบูชาเพิ่มเติมประมาณท่านละ 2 เหรียญค่ะ

the love temple
วัดเยี่ยไห่ชิง

และจากนั้นก็พาไปวัดพระเขี้ยวแก้วกันต่อ ซึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่และมีความสำคัญของสิงคโปร์มากเลยทีเดียวค่ะ โดยวัดแห่งนี้จะอยู่ติดกับไชน่าทาวน์ เมื่อเดินทางเข้าไปในวัด นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปและจุดธูปไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองได้ค่ะ หรือสามารถถ่ายรูปบริเวณรอบ ๆ ได้เช่นกันค่ะ โดยไกด์จะพาไปยันชั้นที่ 4 ที่เป็นแหล่งประดิษฐานของเขี้ยวแก้ว แต่ชั้น 4 นี้จะห้ามถ่ายรูปค่ะ ในชั้นนี้จะเป็นชั้นที่มีความสงบค่อนข้างมาก จะมีทั้งคนที่มากราบไหว้ รวมถึงคนที่มานั่งสามาธิด้วยค่ะ เมื่อไหว้เสร็จแล้วก็สามารถเดินทางยันชั้นต่างๆ เช่น ชั้นที่มีการจัดนิทรรษการพระพุทธรูปต่างๆ หรือชั้น 1 ที่มีพิธีกรรมอยู่ค่ะ

buddha tooth relic temple
วัดพระเขี้ยวแก้ว
buddha tooth relic temple 02
นิทรรศการชั้น 3 วัดพระเขี้ยวแก้ว
buddha tooth relic temple 03
บรรยากาศชั้น 1 ของ วัดพระเขี้ยวแก้ว

หลังจากไหว้พระเสร็จแล้วก็เดินทางมาเที่ยวกันต่อกับย่านที่เป็นย่านใกล้ ๆ ที่มีชื่อว่า ไชน่าทาวน์ ค่ะ เป็นย่านที่อยู่ติดกับวัดพระเขี้ยวแก้ว บริเวณนี้ถึงแม้ฝนจะตกเล็กน้อย แต่คนก็ยังคงค่อนข้างเยอะค่ะ บริเวณนี้มีทั้งร้านอาหารต่าง ๆ สามารถแวะทานได้ในราคาย่อยเยาว์ และมีเสื้อผ้า รวมไปถึงของฝากให้เลือกช้อปปิ้งกันค่ะ

china town
china town01
บรรยากาศย่าน ไชน่าทาวน์

หลังจากนั้นทางไกด์ก็นัดเวลากันอีกครั้ง เพื่อเดินทางไปยันจุดถัดไปนั่นก็คือ ย่านออร์ชาร์ดค่ะ ห่างจากย่านนี้ประมาณ 15-20 นาที ย่านนี้เป็นย่านธุรกิจดังของและไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวสิงคโปร์ค่ะ บริเวณนี้จะเป็นย่านที่มีห้างอยู่มากมาย และเป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นคล้าย ๆ กับสยามบ้านเราค่ะ แนะนำว่าใครมาย่านนี้ให้เตรียมเงินมาเยอะ ๆ เลยค่ะ เพราะมีสินค้าให้เลือกช้อปปิ้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นของกิน สินค้าแบรนด์เนม รวมไปถึงของฝากและ Art Toy ให้เลือกซื้อค่ะ

orchard
ห้างบริเวณย่านออร์ชาร์ด
orchard 01
มีอาหารให้เลือกมากมาย

เมื่อถึงเวลาอันสมควรแล้วก็ได้เดินทางไปยันวัดสุดท้ายที่มีชื่อว่าวัด Loyang Tua Pek Kong Temple ค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีค่ะ วัดแห่งนี้นี้จะขึ้นชื่อด้วยเรื่องการขอพรเรื่องโชคลาภและการแก้ชงค่ะ หากใครต้องการชุดธูปเทียนบูชาสามารถทำได้ โดยราคาจะอยู่ที่ชุดละ 4 เหรียญ จะได้ชุดบูชามา 1 ชุด และเดินไหว้ตามจุดต่าง ๆ รวมแล้ว 13 จุดด้วยกันค่ะ

loyang tua pek pong temple
วัด Loyang Tua Pek Kong Temple
loyang tua pek pong temple 01
ชุดสักการะ ราคาประมาณ 4 เหรียญ

และแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปสนามบินกันแล้วค่ะ แต่ว่าโปรแกรมการเที่ยวยังไม่จบนะคะ ก่อนจะเข้าสนามบินเพื่อไปเช็คอิน ไกด์ได้พาไปแวะที่น้ำตกในร่มที่สูงที่สุดในโลกที่มีชื่อว่า The Jewel Changi ค่ะ เป็นน้ำตกที่สูงที่สุด และสวยงามมาก ๆ เลยค่ะ สามารถเดินขึ้นไปในแต่ละชั้น เพื่อถ่ายรูปน้ำตกในแต่ละมุมได้ค่ะ และรถบัสก็พาไปส่งที่สนามบินเพื่อเดินทางกลับประเทศไทยกันค่ะ

jewel changi
น้ำตก The Jewel Changi

สรุป

การมาเที่ยวสิงคโปร์ในครั้งนี้สร้างความประทับใจมากมายเลยทีเดียวค่ะ เพราะนอกจากจะเป็นประเทศที่มีความสวยงาม สะอาดและทันสมัย ทำให้รู้สึกว่าการมาเที่ยวครั้งนี้นั้นมีความสะดวกสบายตลอดทริป และประเทศนี้ยังเป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางมาเที่ยวกัน ทั้งวัดวาที่มีความสำคัญและมีความศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงสถานที่ที่มีเอกลักษณ์อยู่มากมายค่ะ

แชร์บทความนี้